ฉบับร่าง:พระราชปัญญาสุธี (อุทัย ญาโณทโย)
นี่คือบทความฉบับร่างซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถแก้ไขได้ โปรดตรวจสอบว่าเนื้อหามีลักษณะเป็นสารานุกรมและมีความโดดเด่นควรแก่การรู้จักก่อนที่จะเผยแพร่เป็นบทความลงในวิกิพีเดีย กรุณาอดทนรอผู้เขียนคนอื่นมาช่วยตรวจให้ อย่าย้ายหน้าไปเป็นบทความเองโดยพลการ ค้นหาข้อมูล: Google (books · news · newspapers · scholar · free images · WP refs) · FENS · JSTOR · NYT · TWL สำคัญ: ถ้าลบป้ายนี้ออกจะทำให้บันทึกหน้าไม่ได้ ผู้แก้ไขหน้านี้คนล่าสุด คือ G789G (พูดคุย | เรื่องที่เขียน) เมื่อ 30 วันก่อน (ล้างแคช) |
พระราชปัญญาสุธี (อุทัย ญาโณทโย) | |
---|---|
คำนำหน้าชื่อ | ท่านเจ้าคุณ |
ส่วนบุคคล | |
เกิด | 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507 (59 ปี) |
นิกาย | มหานิกาย |
การศึกษา | น.ธ.เอก,ป.ธ.9,ศษ.บ.,พธ.ม.(บริหารการศึกษา) |
ตำแหน่งชั้นสูง | |
ที่อยู่ | วัดสร้อยทอง พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร |
อุปสมบท | 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 |
พรรษา | 35 |
ตำแหน่ง | รองเจ้าคณะภาค 11,ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดสร้อยทอง (พระอารามหลวง) |
พระราชปัญญาสุธี (อุทัย ญาโณทโย) ป.ธ.๙ เป็นพระราชาคณะชั้นราช ปัจจุบันดำรงตำแหน่งทางพระสังฆาธิการ เป็นรองเจ้าคณะภาค 11(นครราชสีมา,ชัยภูมิ,บุรีรัมย์,สุรินทร์),ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดสร้อยทอง (พระอารามหลวง)
ประวัติ แก้
พระราชปัญญาสุธี (อุทัย ญาโณทโย) ป.ธ.๙
มีนามเดิม อุทัย นามสกุล สวัสดิ์นะที เกิดเมื่อวันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507 ณ บ้านเลขที่ 30 หมู่ 10 บ้านโนนอุดม ตำบลนาหว้า อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น โยมบิดา-มารดาชื่อ นายไกร และนางเสาร์ นามสกุล สวัสดิ์นะที ในวัยเด็ก เป็นคนว่านอนสอนง่าย พ.ศ. 2518 สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านโนนอุดม
- การบรรพชาและอุปสมบท
- บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2518 ณ วัดหนองกรุงธนสาร อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น โดยมีพระครูธรชนสารโสภณ วัดหนองกรุงธนสาร เป็นพระอุปัชฌาย์ ขณะเป็นสามเณร มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกนักธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-นักธรรมชั้นโท-นักธรรมชั้นเอก ตามลำดับ ณ สำนักเรียนวัดมงคลทับคล้อ อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร จากนั้น มุ่งศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีอย่างจริงจัง แต่ด้วยเห็นว่าวัดในต่างจังหวัดยังมีความไม่พร้อมในด้านการศึกษาหลายด้าน จึงตัดสินใจมุ่งหน้าเข้าเมืองหลวง
- การอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา ครั้นอายุได้ 24 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ณ พัทธสีมาอุโบสถวัดบุณยประดิษฐ์ แขวงบางไผ่ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร โดยมีพระราชวิสุทธิโมลี ปัจจุบันดำรงสมณศักดิ์ที่ พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ (ทองดี สุรเตโช) วัดราชโอรสาราม เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระบรรจง เขมนันโท ปัจจุบันดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูวิสุทธิ์เขมาภินันท์ (บรรจง เขมนนฺโท) วัดบุณยประดิษฐ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระศิริชัย นาถสีโล วัดบุณยประดิษฐ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายานามจากพระอุปัชฌาย์ ว่า ญาโณทโย มุ่งเรียนแผนกบาลี ด้วยเห็นความสำคัญในการเรียนรู้ พ.ศ.2540 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค [1]สำนักเรียนวัดหัวลำโพง เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ต่อมาย้ายมาจำพรรษา ณ วัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ได้รับความไว้วางใจจากพระธรรมปริยัติโสภณ (จัด โกวิโท) เจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ในขณะนั้นให้เป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิชาการ สำนักเรียนวัดสร้อยทอง กรุงเทพมหานคร และอาจารย์สอนประโยคป.ธ.8,ป.ธ.9 ตลอดถึงเขียนหนังสือตำราเรียนอนุเคราะห์การศึกษาวิชาบาลีไปยังสำเรียนอื่นๆ อาทิ เช่น โรงเรียนคณะสงฆ์ส่วนกลางวัดสามพระยาวรวิหาร กรุงเทพมหานคร สำนักเรียนวิชาภาษาบาลีวัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี[2] รวมทั้งได้รับมอบหมายภารกิจในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการศึกษา และอื่นๆ อีกมากมาย
- วุฒิการศึกษาแผนกธรรม และแผนกสามัญศึกษา
- สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดมงคลทับคล้อ สำนักเรียนคณะจังหวัดพิจิตร สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง
- สอบไล่ได้ปริญญาบัตรเปรียญธรรม 9 ประโยค สำนักเรียนวัดหัวลำโพง เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร สำนักงานแม่กองบาลีสนามหลวง
- พ.ศ. 2518 สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านโนนอุดม
- พ.ศ.2552 สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
- พ.ศ.2553 สำเร็จการศึกษาปริญญาโท พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
- การปกครองบริหารกิจการคณะสงฆ์
- พ.ศ.2546 เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดสร้อยทอง (พระอารามหลวง) กรุงเทพมหานคร
- พ.ศ.2558 เป็นรองเจ้าคณะภาค 11 [3](นครราชสีมา,ชัยภูมิ,บุรีรัมย์,สุรินทร์)
- พ.ศ.2559 เป็นพระอุปัชฌาย์ ประเภทวิสามัญ[4]
- พ.ศ.2563 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง พระอารามหลวง[5][6]
- ลำดับสมณศักดิ์
- เป็นเปรียญธรรม 9 ประโยค มีพัดยศสมณศักดิ์ทางวิชาการเปรียญธรรม ที่ พระมหาอุทัย ญาโณทโย ป.ธ.9
- พ.ศ.2547 ได้รับพระบรมราชโองการโปรดพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญ ในราชทินนามที่ พระเมธีปริยัตโยดม[7][8]
- พ.ศ.2554 ได้รับพระบรมราชโองการโปรดพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ขึ้น เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชปัญญาสุธี[9]
ครั้นเมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส วัดสร้อยทอง พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร แล้วนั้น ก็สานงานการพัฒนาต่อจากท่านเจ้าอาวาสรูปก่อนมิได้ย่อหย่อน ส่งเสริมให้วัดสร้อยทอง พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์กลางในการศึกษาด้านพระปริยัติธรรม ทั้งแผนกธรรม และบาลีของคณะสงฆ์ในเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร โดยอุปนิสัย นิยมในความสมถะสันโดษ สงบเสงี่ยม จริงจังกับกิจการงานในหน้าที่ และเคารพในกฎระเบียบของคณะสงฆ์อย่างเคร่งครัดในการบริหารท่านกล้าคิด กล้าทำ เด็ดขาด เด็ดเดี่ยว ทรงไว้ซึ่งสง่าราศี น่าเคารพยำเกรง แต่ในส่วนลึกท่านอ่อนโยน มีเมตตาปราณี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จึงเป็นที่นับถือของคณะสงฆ์ผู้ใต้ปกครอง
อ้างอิง แก้
- ↑ "ทำเนียบเปรียญธรรม 9 ประโยค ประเทศไทย มหาบาลีวิชชาลัย". maha9.mahapali.com.
- ↑ แสงธรรม, เอกชัย (2019-11-20). "มุทิตาสักการะพระราชปัญญาสุธี (อุทัย ญาโณทโย ป.ธ.๙)". www.pariyat.com.
- ↑ https://www.matichon.co.th/education/religious-cultural/news_2804229
- ↑ "มหาเถรสมาคม The Sangha Supreme Council of Thailand". www.mahathera.org.
- ↑ "มหาเถรสมาคม The Sangha Supreme Council of Thailand". www.mahathera.org.
- ↑ ๔.รับทราบเรื่องเสนอเพื่อทราบ ดังนี้ ๔.๑ รายงาน พระธรรมปริยัติโสภณ เจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ถึงมรณภาพ ๔.๒ รายงานการแต่งตั้ง พระราชปัญญาสุธี (อุทัย ญาโณทโย ป.ธ. ๙ ศษ.บ. พธ.ม.(การบริหารการศึกษา) วัดสร้อยทอง แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ให้เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง พระอารามหลวง รายงานสรุปการประชุมมหาเถรสมาคม เรื่อง สรุปการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๓ วันศุกร์ ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓
- ↑ "สำนวนแต่งฉันท์ภาษามคธ พระเมธีปริยัตโยดม (อุทัย ญาโณทโย ป.ธ.๙) - โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย". www.pariyat.com.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๑๒๑, ตอนที่ ๒๕ ข, ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๗, หน้า ๑๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๑๒๙, ตอนที่ ๖ ข, ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕, หน้า ๕