เหตุโจมตีขบวนรถพลเรือนในซาปอริฌเฌีย

(เปลี่ยนทางจาก Zaporizhzhia civilian convoy attack)

ในช่วงเช้าของวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565 ระหว่างการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย กองทัพรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธประเภทเอส-300 ใส่ขบวนรถเพื่อมนุษยธรรมในย่านชานเมืองซาปอริฌเฌีย แคว้นซาปอริฌเฌีย ทางภาคใต้ของประเทศยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 32 คน และบาดเจ็บประมาณ 88 คน เหตุโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในวันเดียวกันกับที่รัสเซียประกาศผนวกดินแดนของยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครอง ซึ่งรวมถึงบางส่วนของแคว้นซาปอริฌเฌีย[4][5]

เหตุโจมตีขบวนรถพลเรือน
ในซาปอริฌเฌีย
เป็นส่วนหนึ่งของ การรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย พ.ศ. 2565
คนและสัตว์ที่เสียชีวิตในเหตุโจมตี
แผนที่
สถานที่ที่ขบวนพลเรือนเพื่อมนุษยธรรมกำลังรอออกเดินทางไปยังพื้นที่ที่รัสเซียยึดครอง และถูกขีปนาวุธรัสเซียตกใส่ในบริเวณใกล้เคียง หลุมที่เกิดจากแรงระเบิดของขีปนาวุธ
สถานที่ตลาดรถยนต์ชานเมืองซาปอริฌเฌีย ยูเครน
พิกัด47°47′14″N 35°16′16″E / 47.787278°N 35.271194°E / 47.787278; 35.271194
วันที่30 กันยายน พ.ศ. 2565
07:10 น.[1] (UTC+3)
เป้าหมายพลเรือน
ประเภทการโจมตีด้วยขีปนาวุธ
ตาย32 คน[2]
เจ็บประมาณ 88 คน[3]
ผู้ก่อเหตุ กองทัพรัสเซีย

เหตุการณ์

แก้

ในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565 กองทัพรัสเซียระดมยิงขีปนาวุธประเภทเอส-300 จำนวน 16 ลูก มาทางเมืองซาปอริฌเฌีย[6][7] เมื่อเวลาประมาณ 07:10 น. ขีปนาวุธ 3 ลูกในจำนวนนั้นพุ่งตกใส่ตลาดรถยนต์แห่งหนึ่งริมทางหลวงสาย H08 ตอนซาปอริฌเฌีย–ออรีคิว ฝั่งขาออกเมืองซาปอริฌเฌีย[1][6][8] ขณะนั้นในพื้นที่ตลาดดังกล่าวมีขบวนรถประมาณ 60 คัน กับพลเรือนประมาณ 100 คน ที่กำลังเตรียมจะออกเดินทางไปยังด่านตรวจของทหารรัสเซียที่เมืองวาซือลิวกา[9][10] เพื่อรับญาติพี่น้องในพื้นที่ที่รัสเซียยึดครองมาอยู่ในเมืองซาปอริฌเฌียหรือเพื่อส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม[6][8]

แรงระเบิดจากขีปนาวุธทั้งสามก่อให้เกิดหลุมลึกและกว้าง เศษชิ้นส่วนขีปนาวุธกระจายออก เจาะทะลุกระจกรถและตัวรถที่จอดเรียงแถวอยู่ในขบวน คร่าชีวิตคนและสัตว์ที่อยู่ในบริเวณนั้น[11] อาคารใกล้เคียงในพื้นที่ตลาดก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน[12] หลังเกิดเหตุ ในเบื้องต้นทราบว่ามีผู้เสียชีวิต 23 คน และบาดเจ็บ 28 คน[1] ส่วนใหญ่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากเศษขีปนาวุธ[8] ในไม่ช้าจำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นเป็น 25 คน[1][13] ต่อมาปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิต 26 คน และผู้บาดเจ็บ 85 คน[8] ในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้นมีเด็ก 2 คนรวมอยู่ด้วย[8] เด็กอายุ 5 ขวบคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่เด็กอายุ 3 ขวบอีกคนหนึ่งรอดชีวิตมาได้ แต่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า[13]

ในตอนเย็นของวันเดียวกัน ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิต 30 คน และผู้บาดเจ็บ 88 คน[14] จากนั้นในวันถัดมา (1 ตุลาคม) หญิงคนหนึ่งที่มีอาการขั้นวิกฤตเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเมืองซาปอริฌเฌีย ต่อมาผู้บาดเจ็บอีกคนหนึ่งเสียชีวิตในวันที่ 8 ตุลาคม[2] จำนวนผู้เสียชีวิตจึงเพิ่มเป็น 32 คน ประกอบด้วยพลเรือน 31 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นายที่เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในจุดเกิดเหตุ[15]

ปฏิกิริยา

แก้

การโจมตีของรัสเซียครั้งนี้ส่งผลให้การเดินทางไปยังดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดครองถูกระงับอย่างไม่มีกำหนด[8] สำนักงานอัยการประจำแคว้นซาปอริฌเฌียเริ่มดำเนินคดีอาญาในข้อหาละเมิดกฎหมายสงครามและข้อหาฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน[16] และฝ่ายบริหารแคว้นซาปอริฌเฌียประกาศให้วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เป็นวันไว้ทุกข์แก่ผู้เสียชีวิตของแคว้น[17]

วอลอดือมือร์ แซแลนสกึย ประธานาธิบดียูเครน กล่าวทางเทเลแกรมว่า[18]

รัฐก่อการร้ายยิงจรวดใส่พลเรือนในแคว้นซาปอริฌเฌีย มือกอลายิว และดนีปรอแปตร็อวสก์ มันโจมตีแคว้นของยูเครนด้วยเครื่องยิงจรวดและโดรน

แค่ในช่วงเช้าช่วงเดียว ผู้รุกรานได้ยิงจรวดใส่เมืองและเขตซาปอริฌเฌียแล้ว 16 ลูก! มีแค่ผู้ก่อการร้ายเต็มตัวเท่านั้นที่ทำแบบนี้ ผู้ก่อการร้ายซึ่งไม่ควรมีที่ยืนในโลกอารยะ

ศัตรูของเราโกรธแค้นและหาทางแก้แค้นความแน่วแน่ของเราและความล้มเหลวของมัน มันฆ่าชาวยูเครนผู้รักสงบอย่างไม่ละอาย เพราะมันสูญเสียความเป็นมนุษย์จนหมดสิ้นไปนานแล้ว

พวกเศษเดนกระหายเลือด! พวกแกจะต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอน กับชีวิตชาวยูเครนที่สูญเสียทุกชีวิต!

ฌูแซ็ป บูร์เร็ลย์ รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ประณามเหตุโจมตีโดยทวีตข้อความว่า "อีกหนึ่งการโจมตีที่ชั่วร้ายของรัสเซียต่อพลเรือน คราวนี้เป็นขบวนรถมนุษยธรรมที่กำลังนำความช่วยเหลือสำคัญไปมอบให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ฝ่ายบริหารแคว้นซาปอริฌเฌียไม่ได้ควบคุม"[19]

การสืบสวน

แก้

ภายในวันเดียวกันหลังเกิดเหตุ หน่วยความมั่นคงยูเครนได้เริ่มสอบสวนการยิงขีปนาวุธใส่ขบวนรถเพื่อมนุษยธรรม คดีนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนภายใต้มาตรา 438 (การละเมิดกฎหมายและประเพณีของสงคราม) แห่งประมวลกฎหมายอาญาของยูเครน[20]

ระเบียงภาพ

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 "Удар росіян по гуманітарній колоні у Запоріжжі: наразі відомо про 25 загиблих та 50 поранених (оновлено). ВІДЕО+ФОТО". Цензор.НЕТ (ภาษายูเครน). 30 September 2022. สืบค้นเมื่อ 30 September 2022.
  2. 2.0 2.1 Свобода, Радіо (2022-10-08). "Обстріл колони під Запоріжжям: ще один поранений помер у лікарні – Старух". Радіо Свобода. Радіо «Свобода». คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-09.
  3. "Russian Strike Kills At Least 30 People, Wounds 88 In Zaporizhzhya". Radiofreeeurope/Radioliberty. 2022-09-30. สืบค้นเมื่อ 2022-10-11.
  4. Malsin, Jared (2022-09-30). "Ukrainian Forces Move to Surround Russian Troops in Key City as Putin Lays Claim to Regions". Wall Street Journal (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0099-9660. สืบค้นเมื่อ 2022-09-30.
  5. "Russian Strikes in Zaporizhzhia Kill At Least 12". Time (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-09. สืบค้นเมื่อ 2022-10-09.
  6. 6.0 6.1 6.2 "Російські війська випустили 16 ракет по Запоріжжю – ОП". Радіо Свобода (ภาษายูเครน). 2022-09-30. สืบค้นเมื่อ 30 September 2022.
  7. "Били новими ракетами C-300: у МВС розповіли деталі удару РФ по колоні у Запоріжжі". РБК-Украина (ภาษายูเครน). สืบค้นเมื่อ 2022-10-01.
  8. 8.0 8.1 8.2 8.3 8.4 8.5 "Військові РФ вдарили ракетами по околиці Запоріжжя, де чекала на виїзд цивільна гуманітарна колона. Загинули 26 людей Доповнено". Суспільне Новини. 30 September 2022. สืบค้นเมื่อ 30 September 2022.
  9. "Dozens feared dead after Russian strike on civilian convoy near Zaporizhzhia". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2022-09-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-09-30.
  10. "Ракетный удар по колонне машин под Запорожьем: более 20 человек погибли". BBC. 2022-09-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-09-30.
  11. AFP (2022-09-30). "Bodies in cars, on the ground after Zaporizhzhia civilian convoy strike". France 24 (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2022-09-30.
  12. "Ukraine war: Zaporizhzhia rocked by deadly missile strike on humanitarian convoy". Euronews (ภาษาอังกฤษ). 2022-09-30. สืบค้นเมื่อ 2022-09-30.
  13. 13.0 13.1 "Обстріл гуманітарної колони у Запоріжжі: за життя 5-річної дитини боряться лікарі, 3-річна дитина залишилась сиротою". 061.ua - Сайт міста Запоріжжя (ภาษายูเครน). 30 September 2022. สืบค้นเมื่อ 30 September 2022.
  14. "Обстріл колони у Запоріжжі: загиблих і поранених стало більше, серед них діти". Українська правда. 2022-09-30.
  15. "Запоріжжя: кількість загиблих через обстріл евакуаційної колони зросла до 31". bukvu.com. 2022-10-01.
  16. "Ракетный удар по колонне машин под Запорожьем: более 20 человек погибли". BBC News Русская служба (ภาษารัสเซีย). 2022-09-30. สืบค้นเมื่อ 2022-10-04.
  17. "Ukraine war: Survivors speak of horror as Zaporizhzhia convoy hit". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2022-09-30. สืบค้นเมื่อ 2022-09-30.
  18. "Зеленський про обстріл колони у Запоріжжі: "Кровожерливі покидьки, ви за все відповісте"". Українська правда (ภาษายูเครน). 30 September 2022. สืบค้นเมื่อ 30 September 2022.
  19. Braithwaite, Sharon (2022-09-30). "EU condemns Russia's "heinous" attack on civilians in Zaporizhzhia" (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2022-09-30.
  20. "СБУ почала розслідувати обстріл окупантами цивільної колони в Запоріжжі". РБК-Украина (ภาษายูเครน). สืบค้นเมื่อ 2022-10-01.