ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ศาลเจ้าอิตสึกูชิมะ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
GeonuchBot (คุย | ส่วนร่วม)
→‎top: บอต: นำแม่แบบออก, removed: {{รอการตรวจสอบ}}
Mda (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{ลิงก์ไปภาษาอื่น}}
 
{{ต้องการอ้างอิง}}
{{กล่องข้อมูล มรดกโลก
เส้น 10 ⟶ 9:
|Year = 2539
|Criteria = (i) (ii) (iv) (vi)
|Link = http://whc.unesco.org/en/list/661776
| ID = 776
| Session = 20
}}
 
'''ศาลเจ้าอิตสึกูชิมะ''' ({{ญี่ปุ่น|厳島神社|Itsukushima-jinja}}) เป็นศาลเจ้าลัทธิ[[ชินโต]]บน[[เกาะอิตสึกูชิมะ]] เมือง[[ฮัตสึกาอิจิ]] [[จังหวัดฮิโรชิมะ]] [[ประเทศญี่ปุ่น]] ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก[[องค์การยูเนสโก]]ให้เป็น[[มรดกโลก]] และรัฐบาลญี่ปุ่นได้ยกฐานะอาคารต่าง ๆ ในศาลเจ้าให้เป็น[[สมบัติประจำชาติญี่ปุ่น]]
 
ประวัติความเป็นมาของศาลเจ้าย้อนหลังไปได้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 การก่อสร้างสำเร็จจนมีลักษณะอย่างในปัจจุบันตั้งแต่ปี พ.ศ. 1711 โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากแม่ทัพคิโยโมริ ศาลเจ้าแห่งนี้เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ของเกาะ ในอดีตชาวบ้านสามัญชนจะถูกห้ามไม่ให้ย่างเท้าขึ้นบนเกาะ และต้องเดินทางโดยเรือผ่านเสาประตูที่ลอยอยู่กลางทะเล
 
เสา[[โทริอิ]]ของศาลเจ้าอิตสึกูชิมะเป็นจุดท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น และทิวทัศน์ของเสาประตูที่อยู่หน้าภูเขามิเซ็งบนเกาะ ยังได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งใน[[ไตรทรรศน์แห่งญี่ปุ่น|สามทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น]] (Three Views of Japan) เสาโทริอิถูกสร้างขึ้นในบริเวณนี้ตั้งแต่ปี [[พ.ศ. 1711]] แต่เสาที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี [[พ.ศ. 2418]] ตัวเสาทำจากไม้การบูร มีความสูงประมาณ 16 เมตร มีเสาเล็ก ๆ เป็นฐานรองอีก 4 เสา
 
ในเวลาที่น้ำขึ้น เสาโทริอิจะดูเหมือนลอยอยู่กลางทะเล เมื่อน้ำลง จะปรากฏให้เห็นพื้นโคลนเลนที่เสาตั้งอยู่ และสามารถเดินเท้าไปจากเกาะได้ ผู้มาเยือนมักจะวางเหรียญเงินไว้ที่ขารองเสาแล้วอธิษฐานขอพร การเก็บหอยเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เป็นนิยมเวลาน้ำลง และเวลากลางคืนจะมีแสงไฟจากชายฝั่งส่องไปที่เสาให้ดูงดงามยิ่งขึ้น
 
การรักษาความสะอาดบริสุทธิ์ในศาลเจ้าถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนปี [[พ.ศ. 2421]] ภายในศาลเจ้าจะไม่มีการอนุญาตให้มีการเกิดและการตาย แม้จนทุกวันนี้การฝังศพบนเกาะก็ยังเป็นสิ่งต้องห้าม
 
ในวันที่ [[5 กันยายน]] [[พ.ศ. 2547]] ศาลเจ้าถูก[[พายุไต้ฝุ่นซงด่า]]พัดจนเสียหายหนัก ทางเดินและหลังคาอาคารถูกทำลาย ทำให้ต้องปิดศาลเจ้าชั่วคราว แล้วเปิดให้เข้าชมอีกครั้งในปี [[พ.ศ. 2549]] แต่ก็ยังคงต้องดำเนินการซ่อมแซมต่อไป
 
== มรดกโลก ==