ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ครีบยันลอย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Loveless (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต เพิ่ม: be-x-old:Аркбутан
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 3:
[[Image:Arc.boutant.cathedrale.Amiens.png|thumb|250px|ค้ำยันปีกที่[[มหาวิหารอาเมียง]]]]
 
'''ค้ำยันแบบปีก''' (ภาษาอังกฤษ: flying buttress หรือ arc-boutant) ในทาง[[สถาปัตยกรรม]]มักจะใช้ในการก่อสร้างคริสต์ศาสนสถานเพื่อแบ่งรับน้ำหนักจากหลังคามาสู่ค้ำยันที่กระจายออกไปเป็นระยะๆ ซึ่งอาจจะเป็นทางเดินข้าง (aisle) คูหาสวดมนต์ หรือระเบียงนอกสิ่งก่อสร้าง การใช้ค้ำยันปีกทำให้ทุ่นการรับน้ำหนักหรือแรงกดดันกดทับกำแพงที่แต่เดิมต้องรับน้ำหนักและความกดดันกดทับทั้งหมด จึงทำให้สามารถทำหน้าต่างได้กว้างขึ้นได้ ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นโดยไม่มีค้ำยันปีกก็จะทำให้กำแพงไม่แข็งแรง
 
จุดประสงค์ของค้ำยันปีกก็เพื่อช่วยลดน้ำหนักกดดันกดทับของกำแพงทางเดินกลาง แรงกดดันกดทับและน้ำหนักส่วนใหญ่จะอยู่ส่วนบนของค้ำยันฉนั้นฉะนั้นเมื่อทำค้ำยันเป็นครึ่งซุ้มโค้งก็ทำให้สามารถรับน้ำหนักได้เท่าๆ กับค้ำยันที่ตัน นอกจากนั้นยังทำให้ค้ำยันเบาขึ้นและราคาถูกกว่าที่จะสร้าง ฉนั้นฉะนั้นกำแพงจึง “บิน” ออกไปจากสิ่งก่อสร้างแทนที่จะเป็นกำแพงทึบจึงเรียกกันว่า “ค้ำยันปีก”
 
วิธีการก่อสร้างที่ใช้ค้ำยันมีมาตั้งแต่สมัย[[สถาปัตยกรรมโรมัน]]และต้น[[สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์|โรมาเนสก์]]แต่[[สถาปนิก]]มักจะพรางโดยการซ่อนใต้หลังคา เมื่อมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 12 สถาปนิกก็เห็นถึงความสำคัญของค้ำยันและมาเน้นการใช้ค้ำยันเป็นสิ่งตกแต่งสิ่งก่อสร้างเช่นที่[[มหาวิหารชาร์ทร]] (Cathedral of Chartres) [[มหาวิหารเลอมานส์]] (Cathedral of Le Mans) [[มหาวิหารบูเวส์]] (Cathedral of Beauvais) [[มหาวิหารรีมส์]] (Cathedral of Reims) และ [[มหาวิหารโนเตรอดาม|มหาวิหารโนเตรอดาม เดอ ปารี]]เอง
 
บางครั้งเมื่อเพดานสูงมากๆ สถาปนิกก็จะใช้ค้ำยันปีกซ้อนกันสองชั้นหรือบางครั้งการจ่ายน้ำหนักก็จะกระจายออกไปกับค้ำยันสามสี่อัน ตามปกติแล้วน้ำหนักของค้ำยันก็จะเพิ่มน้ำให้กับตัวอาคารพอสมควร ฉนั้นฉะนั้นค้ำยันจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งก่อสร้างที่สำคัญ การใช้ค้ำยันดิ่งเป็นระยะๆ ทำให้เพิ่มการรับน้ำหนักและแรงกดดันกดทับได้ดีขึ้นกว่าที่จะสร้างตลอดแนวกำแพง ค้ำยันดิ่งที่ใช้ในการก่อสร้าง [[มหาวิหารลิงคอล์น]] [[เวสท์มินสเตอร์แอบบี]]อยู่ภายนอกหอประชุมสงฆ์ ค้ำยันดิ่งมักจะใช้ยอดแหลม (pinnacle) เพื่อช่วยเพิ่มแรงต่อต้านของสิ่งก่อสร้าง