ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ความน่าสะพรึงกลัว"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ล แทนที่ "ดยุกแห่งออร์เลอองส์" → "ดยุกแห่งออร์เลอ็อง" ด้วยสจห. |
||
บรรทัด 8:
| organisers = [[คณะกรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวม]]
}}
'''สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว'''<ref>ราชบัณฑิตยสถาน, ''สารานุกรมประเทศในทวีปยุโรป ฉบับราชบัณฑิตยสถาน'', ราชบัณฑิตยสถาน, 2550, หน้า 195</ref> ({{lang-en|Reign of Terror}}; 5 กันยายน ค.ศ. 1793 – 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1794) หรือที่เรียกว่า '''ลาแตร์รอ''' (''la Terreur'') เป็นสมัยแห่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นหลัง[[การปฏิวัติฝรั่งเศส]]เริ่มต้น โดยถูกกระตุ้นจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มแยกทางการเมืองที่เป็นคู่แข่งกัน คือ
กิโยตินกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งอุดมการณ์การปฏิวัติ ซึ่งมีการประหารชีวิตบุคคลสำคัญจำนวนมาก เช่น [[มารี อ็องตัวแน็ต]]และ[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้าหลุยส์ที่ 16]] ทั้งผู้สนับสนุนการปฏิวัติ [[หลุยส์
การขยายของสงครามกลางเมืองและการรุกคืบของกองทัพต่างด้าวต่อดินแดนของชาติได้ก่อวิกฤตการณ์การเมืองและเพิ่มการแข่งขันระหว่างฌีรงแด็งกับฌากอแบ็งซึ่งหัวรุนแรงกว่า ฝ่ายหลังนี้ต่อมาได้รวมกลุ่มในกลุ่มแยกรัฐสภา เรียกว่า [[ลามงตาญ]] (La Montagne) และพวกเขาได้การสนับสนุนจากประชากรกรุงปารีส สภาฝรั่งเศสตั้ง[[คณะกรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวม]] ซึ่งแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1793 เพื่อปราบปรามกิจกรรมต่อต้านการปฏิวัติภายในประเทศและเพิ่มกำลังทหารฝรั่งเศสเพิ่มเติม
ผ่าน[[
== ภูมิหลัง ==
ฤดูร้อน ค.ศ. 1793 การปฏิวัติของฝรั่งเศสส่งผลกระทบทั้งการภายในและจากราชวงศ์ต่าง ๆ ในยุโรป ทำให้เกิดความกลัวว่าการปฏิวัติจะขยายลุกลามสู่ประเทศโดยรอบที่ปกครองด้วยระบอบ[[ราชาธิปไตย]] จึงส่งกองกำลังมาประชิดชายแดนฝรั่งเศส จนเกิดการประทะกันกับทหารของฝ่ายสาธารณรัฐฝรั่งเศส
กองกำลังต่างชาติได้ข่มขู่ฝรั่งเศสให้ปล่อย
ชนชั้นสูงของฝรั่งเศสจำนวนมากที่สูญเสียทรัพย์สิน ต่างได้ประโยชน์จากพ่ายแพ้ของฝ่ายปฏิวัติ ฝ่ายศาสนาก็เช่นกัน ต่อต้านฝ่ายปฏิวัติ เพราะมิฉะนั้นพวกพระถูกลดฐานะเป็นเพียงลูกจ้างของรัฐ และยังต้องสาบานตนว่าจะจงรักภักดีต่อรัฐบาล ทำให้บาทหลวงมากกว่าครึ่งหนึ่ง (ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคตะวันตก) ปฏิเสธจะสาบานตน และประกาศตนเป็นฝ่ายดื้อดึง (Non-juror) บาทหลวง[[โรมันคาทอลิก]] และชนชั้นสูงในภาคตะวันตก รวมตัวก่อกบฏต่อต้านรัฐบาลฝ่ายปฏิวัติ โดยได้รับการสนับสนุนจาก[[บริเตนใหญ่]]
บรรทัด 26:
== ความน่าสะพรึงกลัว ==
ในวันที่ 2 มิถุนายน มีการยึดอำนาจในสภาโดยเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายการเมืองลดและกำหนดราคาขนมปังตายตัวและลดการให้สัมปทานแก่บางฝ่ายเป็นการเฉพาะ และด้วยการสนับสนุนของกองกำลังแห่งชาติพวกดังกล่าวสามารถโน้มน้าวให้จับกุมบุคคลผู้นำกลุ่มการเมือง[[ฌีรงแด็ง]] ไป 31 คน และจากการจับกุมครั้งนี้ทำให้ฝ่ายฌากอแบ็งมีอิทธิพลมากขึ้นจนสามารถคุม[[คณะกรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวม]]ไว้ได้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน และจัดตั้งระบบเผด็จการฝ่ายปฏิวัติขึ้นมาได้ เมื่อวันที่
ในขณะเดียวกัน รัฐสภาก็ได้ผ่านการรับรอบรัฐธรรมนูญ[[สาธารณรัฐ]]ฉบับแรกของฝรั่งเศส
ท่ามกลางการต่อต้านภายในและการรุกรานของต่างชาติทั้งทางตะวันออกและตะวันตก ภารกิจหลักของรัฐบาลสาธารณรัฐฯ จึงเน้นที่สงคราม ในวันที่
ผลที่ตามมาคือการใช้กำลังปราบปราบฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเกิดขึ้นอย่างรุนแรง และภายใต้การควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพของคณะกรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวม ได้มีการออกกฎหมายอีกหลายฉบับ วันที่ [[9 กันยายน]] ได้ออกกฎหมายจัดตั้งกองกำลังร่วมประชาชนฝ่ายปฏิวัติเพื่อบังคับให้ชาวนามอบผลผลิตให้แก่รัฐตามที่รัฐต้องการ วันที่ 17 กันยายน มีการออกกฎหมายให้อำนาจการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เข้าข่ายเป็น ''ผู้ก่ออาชญากรรมต่อเสรีภาพ'' วันที่ 29 กันยายน รัฐสภาได้เพิ่มการกำหนดราคาตายตัวที่ต่ำลงสำหรับธัญพืช ขนมปังและสินค้าจำเป็นอีกหลายอย่าง รวมทั้งการกำหนดค่าแรงตายตัวให้ต่ำลง กิโยตินได้กลายเป็นสัญลักณ์แห่งการประหารชีวิตที่ต่อเนื่อง [[พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส]] ได้ถูกบั่นพระเศียรด้วยกิโยตินไปตั้งแต่ก่อนสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัวไปแล้ว พวกฌีรงแด็ง [[หลุยส์
เหยื่อของสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัวที่ถูกตัดสินประหารชีวิตโดยศาลฝ่ายปฏิวัตินับได้ประมาณ 40,000 คน เป็นชนชั้นปกครองชั้นสูง 8% พระ 6% ชนชั้นกลาง 14% และอีก 70% เป็นคนงานและชาวนายากจนที่ถูกกล่าวหาว่ากักตุน หนีทหาร ก่อกบฏและก่ออาชญากรรมอื่น ๆ ในกลุ่มสังคมเหล่านี้ พระคาทอลิกมีสัดส่วนการสูญเสียมากที่สุด{{อ้างอิง}}
|