ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โรคชิคุนกุนย่า"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 21:
| deaths =
}}
'''โรคชิคุนกุนย่า''' ({{lang-en|Chikungunya}}) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจาก'''ไวรัสชิคุนกุนย่า''' ({{lang-en|Chikungunya virus, CHIKV}}) ผู้ป่วยจะมีอาการไข้และปวดข้อ โดยมักเริ่มมีอาการ 2-12 วันหลังได้รับเชื้อ อาการอื่นที่อาจพบร่วมด้วยได้แก่ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ข้อบวม และมีผื่น เป็นต้น อาการเหล่านี้มักดีขึ้นเองภายในหนึ่งสัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อได้อีกหลายเดือนหรือหลายปี อัตราเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 1 ต่อ 1,000 โดยผู้ที่มีความเสี่ยงจะเกิดโรครุนแรงได้แก่ผู้ป่วยอายุน้อย อายุมาก และผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ
โรคนี้มียุงเป็นพาหะที่สำคัญ 2 ชนิด ได้แก่ [[ยุงลายบ้าน]] (''Aedes aegypti'') และ[[Aedes albopictus|ยุงลายสวน]] (''Aedes albopictus'') ซึ่งมักออกดูดเลือดในเวลากลางวัน สัตว์ที่เป็นแหล่งรังโรคของเชื้อนี้มีหลายชนิดรวมไปถึงนกและหนูด้วย การวินิจฉัยทำได้โดยการตรวจเลือดหาสารพันธุกรรมหรือแอนติบอดีต่อไวรัส อาการของโรคนี้คล้ายกันกับโรคไข้เลือดออกเดงกีและไข้ซิกา ปัจจุบันเชื่อกันว่าผู้ที่เคยเป็นโรคนี้แล้วจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ
ต้นกำเนิดของไวรัสชิคุนกุนยามาจาก[[ทวีปแอฟริกา]] โดยพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2495 บริเวณตอนใต้ของ[[ประเทศแทนซาเนีย]] ตั้งชื่อตามภาษา "Kimakonde"ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของแอฟริกา ที่หมายถึงอาการปวดข้อรุนแรง ส่วนในประเทศไทยโรคชิคุนกุนยาถูกพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2501 โดยนายแพทย์ Prof.W McD Hamnon ได้ทำการแยกเชื้อจากผู้ป่วยในโรงพยาบาลเด็ก กรุงเทพฯ และมีการระบาดขึ้นอีกในปี พ.ศ. 2519 ที่ จ.ปราจีนบุรี, ปี พ.ศ. 2531 ที่ จ.สุรินทร์, ปี พ.ศ. 2534 ที่ จ.ขอนแก่น , ปี พ.ศ. 2536 ที่ จ.เลย และพะเยา, ปี พ.ศ. 2538 ที่ จ.นครศรีธรรมราช และหนองคาย<ref>[https://politic.myfirstinfo.com/viewnews.asp?newsid=119314 ข้อควรรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคชิคุนกุนยา (Chikungunya) จากเว็บไซต์มายเฟิร์สอินโฟดอตคอม]</ref>▼
วิธีป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการควบคุมยุงลายและการป้องกันไม่ให้ยุงกัด อาจทำได้โดยกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย (ได้แก่ บริเวณที่มีน้ำขัง) ใช้ยาฆ่าแมลง และใช้มุ้ง ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนและยารักษาจำเพาะ การรักษาทำโดยการรักษาตามอาการ ได้แก่ ให้พักผ่อน ให้สารน้ำ และยาแก้ปวดลดไข้
▲โรคนี้ส่วนใหญ่พบในแอฟริกาและเอเชีย แต่ตั้งแต่ ค.ศ. 2000 เป็นต้นมาก็พบระบาดปะทุเป็นครั้งๆ ในยุโรปและอเมริกาอยู่บ้าง<ref name=WHO2016/> ใน ค.ศ. 2014 ทั่วโลกมีผู้ป่วยต้องสงสัยว่าเป็นโรคนี้มากกว่า 1 ล้านคน<ref name=WHO2016/> ในสหรัฐเคยมีโรคนี้ระบาดในฟลอริดาและสหรัฐแผ่นดินใหญ่เมื่อ ค.ศ. 2014 แต่หลังจาก ค.ศ. 2016 เป็นต้นมาก็ไม่พบระบาดแล้ว<ref name=NEJM2014>{{cite journal | vauthors = Staples JE, Fischer M | title = Chikungunya virus in the Americas--what a vectorborne pathogen can do | journal = The New England Journal of Medicine | volume = 371 | issue = 10 | pages = 887–9 | date = September 2014 | pmid = 25184860 | pmc = 4624217 | doi = 10.1056/NEJMp1407698 }}</ref><ref>{{cite web|title=2016 provisional data for the United States|url=https://www.cdc.gov/chikungunya/geo/united-states-2016.html|website=CDC|access-date=26 September 2016|date=20 September 2016|url-status=live|archive-url=https://web.archive.org/web/20160918145231/http://www.cdc.gov/chikungunya/geo/united-states-2016.html|archive-date=18 September 2016|df=dmy-all}}</ref> ต้นกำเนิดของไวรัสชิคุนกุนยามาจาก[[ทวีปแอฟริกา]] โดยพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2495 บริเวณตอนใต้ของ[[ประเทศแทนซาเนีย]]<ref name=WHO2016/> ตั้งชื่อตาม[[Makonde language|ภาษามากอนดี]]
== อาการและอาการแสดงของไวรัส ==
|