ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กบฏบวรเดช"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 63:
===การเตรียมการของทัพกบฏ===
ในช่วงวางแผนการ [[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร|กรมขุนชัยนาทนเรนทร]], หม่อมเจ้าวงศ์นิรชร เทวกุล และพระองค์เจ้าบวรเดช ลงไปเข้าเฝ้าในหลวงที่วังไกลกังวล<ref>เพลิง ภูผา, 2557. ''กบฏสะท้านแผ่นดิน''</ref> พระองค์เจ้าบวรเดชอาสาเป็นผู้นำ "กองทัพสีน้ำเงิน" และได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจะเปลี่ยนแปลงใหม่ ในหลวงคัดค้านหนัก พระองค์เจ้าบวรเดชโกรธในหลวงและกลับมาพูดกับนายทหารคนอื่นว่า ''"ถ้าท่านไม่เล่นกับเราเราก็หาคนใหม่!"''<ref name="poom"/> อย่างไรก็ตาม ต่อมามีเช็คสั่งจ่ายของพระคลังข้างที่ให้แก่พระองค์เจ้าบวรเดชเป็นจำนวน 200,000 บาท<ref name ="Jaijing">ณัฐพล ใจจริง, 2556 : 22-27</ref>สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของ[[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์|กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์]] หลังจากนั้น [[หม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิ์วงศ์ สวัสดิกุล]] ราชเลขานุการ
===การเตรียมการของฝ่ายรัฐบาล===
เส้น 82 ⟶ 80:
[[ไฟล์:Boworadet Rebellion Map.png|220px|thumb|แผนที่แสดงกองกำลังทหารทั้งสองฝ่าย สีแดงคือกองกำลังกบฏ]]
=== 11 ตุลาคม "กบฏยึดทุ่งดอนเมือง"===
11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 เพียงสิบวันหลังหลวงประดิษฐ์มนูธรรมเดินทางกลับประเทศสยาม พระองค์เจ้าบวรเดชได้นำ
พันเอกพระยาศรีสิทธิสงครามนำกำลัง 2 กองพันทหารช่างจากสระบุรีเป็นทัพหน้าลงมายึดทุ่งดอนเมือง โดยมีกองทหารม้าของร้อยเอกหลวงโหมรอนราญตามลงมาสมทบ และเข้ายึดกรมอากาศยานที่ดอนเมืองเป็นกองบัญชาการ พระยาศรีสิทธิสงครามส่งกองหน้ามายึดสถานีรถไฟหลักสี่ และส่งนาวาเอกพระยาแสงสิทธิการถือหนังสือถึงพระยาพหลฯความว่า ''"คณะรัฐมนตรีปล่อยให้คนดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเอาหลวงประดิษฐ์มนูธรรมกลับมาเพื่อดำเนินการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ จึงขอให้คณะรัฐบาลถวายบังคมลาออกภายในหนึ่งชั่วโมง มิเช่นนั้นจะใช้กำลังบังคับและจะเข้ายึดการปกครองชั่วคราว"''<ref>กรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ 39/163 เรื่อง คำขอหรือคำขาดและคำแถลงการณ์หรือใบปลิวของพวกกบฏ.</ref> คณะรัฐบาลประชุมกันที่วังปารุสก์แล้วก็ลงความเห็นว่าเหตุผลของฝ่ายกบฏฟังไม่ขึ้น และสมควรปราบปราม เวลาค่ำ นายกรัฐมนตรีออกประกาศไปยังทั่วประเทศว่า พระองค์เจ้าบวรเดช พระยาศรีสิทธิสงคราม พระยาเทพสงคราม เป็นกบฏต่อแผ่นดิน พยายามล้มล้างระบอบประชาธิปไตยขอเลิกรัฐธรรมนูญ และสถาปนาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ดังเดิม ''"ในพระนครเหตุการณ์เรียบร้อย อย่าฟังคำสั่งผู้ใดทั้งสิ้นนอกจากข้าพเจ้า พระยาพหลพลพยุหเสนาฯ"''<ref name="thaipost"/>
บรรทัด 138:
16 ตุลาคม เครื่องบินฝ่ายกบฏบินมาทิ้งใบปลิวที่วังไกลกังวลเพื่อทูลว่าการยึดอำนาจล้มเหลว ในค่ำวันต่อมา เมื่อพระบาทสมเด็จประปกเกล้าฯทราบว่าทหารเพชรบุรียอมจำนนต่อรัฐบาลแล้ว และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมกำลังเดินทางลงมาเข้าเฝ้า ก็ทรงตื่นตระหนกรีบเสด็จลงเรือพระที่นั่งศรวรุณ ซึ่งเป็นเรือยนต์ลำเล็กอย่างกะทันหันพร้อมกับ[[สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี|สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี]], [[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์]], [[พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภาพรรณี]], [[พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช]], [[หม่อมเจ้าประสบศรี จิรประวัติ]], [[หม่อมเจ้ากมลีสาณ ชุมพล]], [[หม่อมเจ้าครรชิตพล อาภากร]], [[หม่อมเจ้านนทิยาวัด สวัสดิวัตน์]], [[หม่อมเจ้าเศรษฐพันธ์ จักรพันธุ์]] พร้อมทหารรักษาวังอีก 6-7 นาย มุ่งหน้าจังหวัดสงขลา
เนื่องจากเรือไม่พอนั่ง หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิทและ[[เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่]] ต้องนำทหารรักษาวังบางส่วนขึ้นไปยึดขบวนรถไฟจาก[[สถานีรถไฟวังก์พง|สถานีวังก์พง]]ในช่วงบ่าย<ref name ="poon">พูนพิสมัย ดิศกุล, หม่อมเจ้า. ๒๕๔๖ ''สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕''. พิมพ์ครั้งที่ ๕. (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน), หน้า ๑๓๗-๑๔๘.</ref> เจ้ากาวิละวงศ์เป็นพนักงานขับรถ ขบวนรถไฟพิเศษนี้ออกจากหัวหินเวลาตีหนึ่งของวันที่ 18 ตุลาคม มีผู้โดยสารประกอบด้วย: [[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|กรมพระยาดำรงราชานุภาพ]], [[หม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิศกุล]], [[หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล]], [[หม่อมเจ้าพิไลยเลขา ดิศกุล]], [[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์|กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์]]พร้อมพระธิดา, [[พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตน์จาตุรนต์|กรมหมื่นอนุวัตจาตุรนต์]], [[หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์]], พลโทพระยาวิชิตวุฒิไกร, พระยาอิศราธิราชเสวี และทหารรักษาวังสองกองร้อย
เมื่อนาย[[เล้ง ศรีสมวงศ์]] อธิบดีกรมรถไฟทราบข่าว จึงรีบส่งโทรเลขแจ้งสถานีรายทางล่วงหน้าว่า ทหารหลวงลักขบวนรถจักรออกจากวังก์พง ให้ทำการสกัดกั้น พนักงานกรมรถไฟจึงไปถอดรางรถไฟช่วงก่อนถึงสถานีประจวบคีรีขันธ์ ขบวนรถไฟพิเศษไปต่อไม่ได้ต้องหยุดระหว่างทาง ทหารหลวงต้องช่วยกันถอดรางที่วิ่งที่ผ่านมาแล้วมาต่อเพื่อให้รถไฟเดินต่อไปได้ เมื่อขบวนรถไฟมาถึงสถานีประจวบคีรีขันธ์ก็ถูกกักรถไม่ให้เดินทางต่อจนเกือบจะยิงกัน สมุหราชองครักษ์จึงโทรเลขไปยังรัฐมนตรีมหาดไทย พระยาอุดมพงศ์เพ็ญสวัสดิ์รีบนำความเข้าแจ้งนายกรัฐมนตรี พระยาพหลพลหยุหเสนาสั่งการอนุญาตให้รถไฟเดินได้ตลอดสายทาง
|