ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หลี่ เหลียนเจี๋ย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Chalataane (คุย | ส่วนร่วม)
เชื่อมโยง..
Vanloolai (คุย | ส่วนร่วม)
เชื่อมโยง..
บรรทัด 19:
}}
 
'''หลี่ เหลียนเจี๋ย''' หรือ เจ็ท ลี / Jet Li ({{zh-all|t=李連杰|s=李连杰|p=Lǐ Liánjié}}) เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2506 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เป็นนักแสดง ,โปรดิวเซอร์ , ผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ของเกาะ[[ฮ่องกง]] อดีตแชมป์เยาวชนกีฬาวูซู 5 ปีซ้อน เป็นผู้นำศิลปะการต่อสู้วิชา[[กังฟู]] ([[อักษรจีน]] : 功夫; [[พินอิน]]: gōngfu หรือ [[วูซู]] ในภาษาจีนกลาง [[อักษรจีนตัวย่อ|จีนตัวย่อ]]: 武术; [[อักษรจีนตัวเต็ม|จีนตัวเต็ม]]: 武術; [[พินอิน]]: wǔshù) สู่โลกภาพยนตร์ จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
 
== ประวัติ ==
หลี่ เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2506 ในกรุง[[ปักกิ่ง]] [[ประเทศจีน]] เป็นลูกคนสุดท้องในพี่น้องทั้งหมด 5 คน บิดาเสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุเพียง 2 ขวบ เขาจึงถูกเลี้ยงดูโดยแม่มาเพียงลำพัง
 
หลี่ อายุได้ 8 ขวบ เขาก็ได้รับการฝึกฝนวิชา[[กังฟู]] ([[อักษรจีน]] : 功夫; [[พินอิน]]: gōngfu ) หรือ [[วูซู]] ใน[[ภาษาจีนกลาง]] ([[อักษรจีนตัวย่อ|จีนตัวย่อ]]: 武术; [[อักษรจีนตัวเต็ม|จีนตัวเต็ม]]: 武術; [[พินอิน]]: wǔshù) ในช่วงเวลาปิดเทอมภาคฤดูร้อนของทุกปี หลี่อุทิศชีวิตตลอดช่วงวัยเด็กให้กับกีฬาวูซู พอเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นได้เป็นตัวแทนนักกีฬาวูซูของประเทศจีนไปแข่งขันยังมหกรรมกีฬาต่างๆมากมาย จนเขาได้เป็น แชมป์เยาวชนกีฬาวูซู '''5 ปีซ้อน''' ต่อมาในปี 1974 หลี่กับทีมของเขาไปแสดงศิลปะการต่อสู้วูซู ต่อหน้าประธานาธิบดี [[ริชาร์ด นิกสัน]] แห่งสหรัฐอเมริกา ในสมัยเรียนวิชาวูซูกับอาจารย์อู๋ปินนั้น หลีมีเพื่อนร่วมรุ่นที่ต่อมามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกคือ [[เจิน จื่อตัน|เจิ้น จื่อตัน]] หลังจากนั้น หลี่ก็ผันตัวเองไปเป็นโค้ชทีมกีฬาวูซู เริ่มเข้าสู่วงการแสดงตอนอายุเพียง 20 ปี มีชื่อเสียงในวงกว้างจากภาพยนตร์[[ศิลปะการต่อสู้]] เรื่อง Shaolin Temple ,1982 หรือชื่อไทย [[เสี่ยวลิ้มยี่]] และมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตกจากบท [[หวง เฟยหง]] ในภาพยนตร์[[ศิลปะการต่อสู้]] เรื่อง Once Upon a Time in China (1991) หรือ [[หวงเฟยหง ภาค 1 ตอน หมัดบินทะลุเหล็ก|หวงเฟยหง ภาค 1]] เขามีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับโลกในกาลต่อมา
 
ในต้นปี 2010 หลี่เปิดเผยว่า จะรับงานแสดงน้อยลง เพื่อที่จะไปทุ่มเทให้กับการทำมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ ชื่อ The One Foundation หลังจากที่เจ้าตัวรอดตายมาจาก เหตุการณ์สึนามิที่ประเทศไทยเมื่อปลายปี 2004 โดยบอกว่าตนพบว่าศิลปะการต่อสู้มิได้ช่วยอะไรให้รอดชีวิตได้เลยเมื่อต้องต่อสู้กับธรรมชาติ และการแสดงต่อไปนี้เป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น<ref>[http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?p=339207 ในวันที่หนังเป็นเพียงงานอดิเรก "หลี่เหลียงเจี๋ย" เผยซึนามิจุดเปลี่ยนของชีวิต]</ref>
 
ปัจจุบัน หลี่ ได้ป่วยเป็นโรคเกี่ยวระบบไทรอยด์(ไฮเปอร์ไทรอยด์) มานานหลายปีแล้ว จึงห่างหายจากการแสดงภาพยนตร์ไปพักหนึ่ง และจะกลับมาแสดงภาพยนตร์ให้กับค่าย[[ดิสนีย์]] ในภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ [[มู่หลาน]] (Mulan) ที่จะเข้าฉายทั่วโลกในปี 2020 นี้
 
== ก้าวแรกของการเป็นดารา ==
หลังจากหลี่เป็นโค้ชทีมชาติกีฬาวูซูมานานหลายปี ตอนเขาอายุได้ 20 ปี ถูกแมวมองดึงให้มาเป็นพระเอกภาพยนตร์[[ศิลปะการต่อสู้]] เรื่อง [[เสี่ยวลิ้มยี่]] (Shaolin Temple ,1982) หนังเรื่องนี้ เป็นงานแจ้งเกิดให้เขาอย่างเต็มตัวในฐานะนักแสดง[[กังฟู]] แต่ภาคต่อของหนังชุดนี้คือ Shaolin Temple 2 : Kids from Shaolin (1984) และ Martial Arts of Shaolin (1986) กลับไม่ประสบความสำเร็จเลย จากนั้น หลี่ก็หันมากำกับหนังของตนเองเป็นครั้งแรก ในเรื่อง Born to Defence (1988) แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีกเช่นกัน จนมารับบท [[หวง เฟยหง]] ในภาพยนตร์[[ศิลปะการต่อสู้]] เรื่อง Once Upon a Time in China (1991) หรือ [[หวงเฟยหง ภาค 1 ตอน หมัดบินทะลุเหล็ก|หวงเฟยหง ภาค 1]] เขาจึงโด่งดังเป็นพลุแตกเป็นต้นมา
 
== ภาพยนตร์จีนฮ่องกง ==
หลี่ ย้ายเข้ามาอยู่ในฮ่องกง เขาได้ร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังของฮ่องกงอย่าง [[ฉีเคอะ]] (Tsui Hark) โดยผลงานเรื่องแรกที่ทั้งสองร่วมงานกัน คือ Once Upon a Time in China (1991) หรือชื่อไทย [[หวงเฟยหง ภาค 1 ตอน หมัดบินทะลุเหล็ก|หวงเฟยหง ภาค 1]] หนังประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในฮ่องกงและต่างประเทศ ส่งผลให้ชื่อของ หลี่ เหลียนเจี๋ย เป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกครั้ง หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ร่วมงานกันมาเรื่อยๆ อาทิเช่น Swordsman II (1992) หรือ [[เดชคัมภีร์เทวดา 2|เดชคัมภีร์เทวดา ภาค 2]] , The Master (1992) หรือ ฟัดทะลุโลก , [[หวงเฟยหง ภาค 2 ตอน ถล่มมารยุทธจักร|หวงเฟยหง ภาค 2]] หรือ Once Upon a Time in China II (1992) , [[หวงเฟยหง ภาค 3 ตอน ถล่มสิงโตคำราม|หวงเฟยหง ภาค 3]] หรือ Once Upon a Time in China III (1993) , Black Mask (1996) หรือ ดำมหากาฬ , [[หวงเฟยหง พิชิตตะวันตก|หวงเฟยหง ภาค 6 พิชิตตะวันตก]] หรือ Once Upon a Time in China and America (1997) เป็นเรื่องสุดท้าย ผลงานกับผู้กำกับคนอื่นๆ อาทิเช่น
 
[[หยวน หวูปิง]] (Yuen Woo-Ping) : ในภาพยนตร์เรื่อง [[หวงเฟยหง ภาค 2 ตอน ถล่มมารยุทธจักร|หวงเฟยหง ภาค 2]] หรือ Once Upon a Time in China II (1992) , The Tai-Chi Master (1993) หรือ [[มังกรไท้เก็ก คนไม่ยอมคน]] , Last Hero in China (1993) หรือ [[เล็บเหล็กหวงเฟยหง]] , งานรีเมคของ [[บรู๊ซ ลี]] ในเรื่อง Fist of Legend (1994) หรือ [[ไอ้หนุ่มซินตึ้ง หัวใจผงาดฟ้า]]
 
เฉิง เสี่ยวตง (Tony Ching) : ในภาพยนตร์เรื่อง Swordsman II (1992) หรือ [[เดชคัมภีร์เทวดา 2|เดชคัมภีร์เทวดา ภาค 2]] , Dr. Wai in “The Scripture with no Words” (1996) หรือ ดร.ไวน์ คนใหญ่สุดขอบโลก
 
หยวนขุย (Corey Yuen) : ในภาพยนตร์เรื่อง [[ฟงไสหยก สู้บนหัวคน]] หรือ Fong Sai-Yuk I (1993) , [[ปึงซีเง็ก ปิดตาสู้]] หรือ Fong Sai-Yuk II (1993) , The New Legend of Shaolin (1994) หรือ ห้าพยัคฆ์เสียวลิ้มยี่ , The Bodyguard from Beijing (1994) หรือ เดอะบอดี้การ์ด ขอบอกว่าเธอเจ็บไม่ได้ , My Father is a Hero (1995) หรือ ต้องใหญ่ให้โลกตลึง , High Risk (1995) หรือ ตายยากเพราะเธอเจ็บไม่ได้
 
[[หง จินเป่า]] (Sammo Hung) : ในภาพยนตร์เรื่อง Kung-Fu Cult Master (1993) หรือ [[ดาบมังกรหยก ตอน ประมุขพรรคมาร]] , Once Upon a Time in China and America (1997) หรือ [[หวงเฟยหง พิชิตตะวันตก|หวงเฟยหง ภาค 6 พิชิตตะวันตก]]
 
หลี่ ยังมีบริษัทผลิตภาพยนตร์ของเขาเองในนาม "Eastern Production" ผลงานภาพยนตร์ที่ผลิตในนามบริษัทของเขา อาทิเช่น [[ฟงไสหยก สู้บนหัวคน]] หรือ Fong Sai-Yuk I (1993) , [[ปึงซีเง็ก ปิดตาสู้]] หรือ Fong Sai-Yuk II (1993) , The Tai-Chi Master (1993) หรือ [[มังกรไท้เก็ก คนไม่ยอมคน]] , Fist of Legend (1994) หรือ [[ไอ้หนุ่มซินตึ้ง หัวใจผงาดฟ้า]] เป็นต้น
 
== ฮอลลีวูดและต่างประเทศ ==
[[ไฟล์:Lethal_weapon_four_ver3.jpg|thumb|Lethal Weapon 4 (1998)]]
 
หลังจากเกาะ[[ฮ่องกง]]กลับคืนสู่การปกครองของ[[จีนแผ่นดินใหญ่]]ในปี 1997 หลี่ หลี่ได้หันมาทำงานในฮอลลีวู้ดฮอลลีวูด มีผลงานใน[[ฮอลลีวูด]]ครั้งแรก คือภาพยนตร์เรื่อง Lethal Weapon 4 (1998) หรือ ริกส์ คนมหากาฬ ภาค 4 หนังแอ็คชันตำรวจภาคต่อโดยร่วมแสดงกับ [[เมล กิบสัน]] , [[แดนนี่ โกลเวอร์]], [[โจ เปสซี]], [[เรเน รุสโซ]] และ [[คริส ร็อก]] หลี่ หลี่รับบทเป็นตัวร้ายของเรื่อง ต่อมาในปี 2000 หลี่ รับบทนำครั้งแรกในเรื่อง Romeo Must Die (2000) หรือชื่อไทย ศึกแก็งค์มังกรผ่าโลก นับว่าเป็นหนัง[[ภาษาอังกฤษ]]เรื่องแรกของเขาที่รับบทพระเอก หลังจากออกฉายก็สามารถทำรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิซ[[สหรัฐอเมริกา]] นานหลายสัปดาห์ติดต่อกันนี้
 
ในปี 2000 หลี่รับบทนำครั้งแรกในเรื่อง Romeo Must Die (2000) หรือชื่อไทย ศึกแก็งค์มังกรผ่าโลก นับว่าเป็นหนัง[[ภาษาอังกฤษ]]เรื่องแรกของเขาที่รับบทพระเอก หลังจากออกฉายก็สามารถทำรายได้บนตาราง[[บ็อกซ์ออฟฟิส]]ใน[[สหรัฐอเมริกา]] นานหลายสัปดาห์ติดต่อกัน
หลี่ เริ่มประสบปัญหาในการแสดงภาพยนตร์ในฮอลลีวู้ด สาเหตุจากหนัง[[ฮอลลีวู้ด]]ใช้เวลาในการถ่ายทำค่อนข้างนานเป็นปีต่อเรื่อง เทียบกับหนัง[[ฮ่องกง]] หรือ หนังฝั่ง[[ยุโรป]] ซึ่งใช้เวลาถ่ายทำเพียงสามหรือสี่เดือนต่อเรื่องเท่านั้น
 
หลี่ เริ่มประสบปัญหาในการแสดงภาพยนตร์ในฮอลลีวู้ด สาเหตุจากหนัง[[ฮอลลีวู้ดฮอลลีวูด]]ใช้เวลาในการถ่ายทำค่อนข้างนานเป็นปีต่อเรื่อง เทียบกับหนัง[[ฮ่องกง]] หรือ หนังฝั่ง[[ยุโรป]] ซึ่งใช้เวลาถ่ายทำเพียงสามหรือสี่เดือนต่อเรื่องเท่านั้น
ในปี 2001 หลี่ จึงตัดสินใจไปแสดงหนังให้กับค่ายหนังฝั่งยุโรป มีผลงานถึง 2 เรื่อง คือ Kiss of the Dragon (2001) หรือชื่อไทย จูบอหังการ ล่าข้ามโลก โดยเป็นการร่วมงานกันระหว่างเขากับ[[ลุค เบซอง]] ผู้อำนวยการสร้างชาว[[ฝรั่งเศส]] ร่วมแสดงกับ [[บริดเจต ฟอนดา]] และ [[เชกี คาร์โย]] ซึ่งหลี่ยังรับหน้าที่อำนวยการสร้างและคิดโครงเรื่องนี้ด้วย และหนังแอ็คชั่น - ไซไฟ เรื่อง The One (2001)หรือชื่อไทย เดี่ยวมหาประลัย อีกทั้ง หลี่ยังร่วมกับบริษัทหนังอย่าง ''Icon Production'' สร้างภาพยนตร์โทรทัศน์ (Pilot) แนว[[ภาพยนตร์กำลังภายใน|กำลังภายใน]] เรื่อง ''Invincible (2001) '' ความยาว 90 นาที ออกฉายเมื่อปี 2001 ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีวิชาการต่อสู้หลายคนมารวมตัวกัน เพื่อทำภารกิจยับยั้งกลุ่มคนที่หวังจะทำลายโลก
 
ในปี 2001 หลี่ หลี่จึงตัดสินใจไปแสดงหนังให้กับค่ายหนังฝั่งยุโรป มีผลงานถึง 2 เรื่อง คือ Kiss of the Dragon (2001) หรือชื่อไทย จูบอหังการ ล่าข้ามโลก โดยเป็นการร่วมงานกันระหว่างเขากับ[[ลุค เบซอง]] ผู้อำนวยการสร้างชาว[[ฝรั่งเศส]] ร่วมแสดงกับ [[บริดเจต ฟอนดา]] และ [[เชกี คาร์โย]] ซึ่งหลี่ยังรับหน้าที่อำนวยการสร้างและคิดโครงเรื่องนี้ด้วย และหนังแอ็คชั่น - ไซไฟ เรื่อง The One (2001)หรือชื่อไทย เดี่ยวมหาประลัย อีกทั้ง หลี่ยังร่วมกับบริษัทหนังอย่าง ''Icon Production'' สร้างภาพยนตร์โทรทัศน์ (Pilot) แนว[[ภาพยนตร์กำลังภายใน|กำลังภายใน]] เรื่อง ''Invincible (2001) '' ความยาว 90 นาที ออกฉายเมื่อปี 2001 ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีวิชาการต่อสู้หลายคนมารวมตัวกัน เพื่อทำภารกิจยับยั้งกลุ่มคนที่หวังจะทำลายโลก
ในปี 2003 หลี่ กลับมาทำงานใน[[ฮอลลีวู้ด]] รับบทนำร่วมกับนักร้องแร็พเปอร์ [[ดีเอ็มเอ็กซ์]] ใน Cradle 2 the Grave (2003) หรือชื่อไทย คู่อริ..ถล่มยกเมือง ของผู้อำนวยการสร้าง [[โจเอล ซิลเวอร์]] และผู้กำกับ [[แอนเดรจ บาร์ตโกเวียก]] จาก Romeo Must Die (2000) โดยหลี่รับบทเป็นนักสืบชาว[[ไต้หวัน]] ที่ต้องร่วมมือกับนักโจรกรรมเพชร เพื่อตามหาอัญมณีสีดำ โดยในเรื่องนี้หลี่ต้องรับมือกับนักแสดง[[คิกบ็อกซิง]]อย่าง [[มาร์ค ดาคาสคอส]] เป็นครั้งแรก และสามารถทำเงินขึ้นอันดับหนึ่ง[[บ็อกซ์ออฟฟิส]]ในสัปดาห์แรกของการฉายใน[[สหรัฐอเมริกา]]
 
ในปี 2002 หลี่กลับมาแสดงภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้แนว[[ภาพยนตร์กำลังภายใน|กำลังภายใน]] ที่บ้านเกิดอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง ''[[Hero]]'' (2002) หนังสัญชาติ[[จีนแผ่นดินใหญ่]]กำกับการแสดงโดย [[จางอี้โหมว]]
ในปี 2005 หลี่ กลับทำงานในฝั่ง[[ยุโรป]]อีกรอบ ร่วมงานกับ [[ลุค เบซอง]] อีกครั้ง ในเรื่อง Danny the Dog (หรืออีกชื่อ Unleashed ,2005) หรือชื่อไทย คนหมาเดือด ร่วมแสดงกับ [[มอร์แกน ฟรีแมน]], [[บ็อบ ฮอสกินส์]] และ [[เคอร์รี คอนด็อน]] ซึ่งได้รับการตอบรับกลุ่มแฟนหนังในอเมริกาเป็นอย่างดี
 
ในปี 2003 หลี่ หลี่กลับมาทำงานใน[[ฮอลลีวู้ดฮอลลีวูด]] รับบทนำร่วมกับนักร้องแร็พเปอร์ [[ดีเอ็มเอ็กซ์]] ใน Cradle 2 the Grave (2003) หรือชื่อไทย คู่อริ..ถล่มยกเมือง ของผู้อำนวยการสร้าง [[โจเอล ซิลเวอร์]] และผู้กำกับ [[แอนเดรจ บาร์ตโกเวียก]] จาก Romeo Must Die (2000) โดยหลี่รับบทเป็นนักสืบชาว[[ไต้หวัน]] ที่ต้องร่วมมือกับนักโจรกรรมเพชร เพื่อตามหาอัญมณีสีดำ โดยในเรื่องนี้หลี่ต้องรับมือกับนักแสดง[[คิกบ็อกซิง]]อย่าง [[มาร์ค ดาคาสคอส]] เป็นครั้งแรก และสามารถทำเงินขึ้นอันดับหนึ่ง[[บ็อกซ์ออฟฟิส]]ในสัปดาห์แรกของการฉายใน[[สหรัฐอเมริกา]]
ในปี 2007 หลี่ ได้ร่วมงานกับ [[เจสัน สเตแธม]] นักแสดงแอ็คชั่นชื่อดังของโลกชาว[[อังกฤษ]] ในภาพยนตร์เรื่อง War (หรืออีกชื่อ Rogue Assassin ,2007) หรือชื่อไทย โหดปะทะเดือด
 
ในปี 2005 หลี่ หลี่กลับทำงานในฝั่ง[[ยุโรป]]อีกรอบ ร่วมงานกับ [[ลุค เบซอง]] อีกครั้ง ในเรื่อง Danny the Dog (หรืออีกชื่อ Unleashed ,2005) หรือชื่อไทย คนหมาเดือด ร่วมแสดงกับ [[มอร์แกน ฟรีแมน]], [[บ็อบ ฮอสกินส์]] และ [[เคอร์รี คอนด็อน]] ซึ่งได้รับการตอบรับกลุ่มแฟนหนังในอเมริกาเป็นอย่างดี
ในปี 2008 หลี่ กลับมาทำงานให้[[ฮอลลีวู้ด]]อีกครั้ง มีผลงานถึง 2 เรื่อง คือ The Forbidden Kingdom หรือชื่อไทย [[หนึ่งฟัดหนึ่ง ใหญ่ต่อใหญ่]] ด้วยทุนสร้าง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลี่ร่วมแสดงกับนักแสดงแอ็กชั่นชื่อดังอย่าง [[เฉินหลง]] เป็นครั้งแรก หลังจากวางแผนจะร่วมงานกันมานานกว่าหลายปี และพึ่งได้มาเจอกันในเรื่องนี้ โดยเนื้อหาอิงจากนิยายเรื่อง [[ไซอิ๋ว]] มาบางส่วน ผลงานกำกับของ ร็อบ มินคอฟ (The Lion King, Stuart Little และ The Haunted Mansion) โดยได้ทีมงานอย่าง ปีเตอร์ เปา (ผู้กำกับภาพ) , หยวนวูปิง (ผู้ออกแบบฉากการต่อสู้) และนักแสดงอย่าง [[หลิว อี้เฟย์]], หลี่ ปิงปิง, คอลลิน โชว และไมเคิล แองการาโน และภาพยนตร์ภาคต่อของหนังชุด The Mummy ในตอนใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า ''[[เดอะ มัมมี่ 3 คืนชีพจักรพรรดิมังกร|The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor]] (2008) '' ร่วมแสดงกับนักแสดงชาวฮ่องกง เช่น [[หยาง จื่อฉยง]] และ [[หวง ชิวเซิน]] พร้อมกับนักแสดงหลักอย่าง [[เบรนแดน เฟรเซอร์]], มาเรีย เบลโล และ จอห์น ฮันนาห์
 
ในปี 2006 หลี่ก็กลับมาแสดงศิลปะการต่อสู้ประเภท[[กังฟู]]เรื่องเยี่ยมที่บ้านเกิดอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Fearless (2006) หรือชื่อไทย [[จอมคนผงาดโลก]] เรื่องนี้หลี่เป็นทั้งนักแสดงและผู้อำนวยการสร้าง โดยการกำกับเป็นของ รอนนี่ ยู (Ronny Yu)
ในปี 2010 หลี่ก็ร่วมแสดงนำในหนังแอ็คชันรวมดาราอาวุโสแห่งยุค 80s เรื่อง ''[[The Expendables]]'' (2010) โดยประกบคู่กับนักแสดงอย่าง [[ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน]], [[เจสัน สเตธัม]], [[ดอล์ฟ ลุนด์เกรน]], [[มิกกีย์ รูร์ก]], [[สตีฟ ออสติน|สตีฟ 'สโตน โคล' ออสติน]], [[แรนดี้ เคาท์เชอร์]], [[บรูซ วิลลิส]] และ [[อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์]]
 
ในปี 2007 หลี่ หลี่กลับไปทำงานที่ฝั่งยุโรปและได้ร่วมงานกับ [[เจสัน สเตแธม]] นักแสดงแอ็คชั่นชื่อดังของโลกชาว[[อังกฤษ]] ในภาพยนตร์เรื่อง War (หรืออีกชื่อ Rogue Assassin ,2007) หรือชื่อไทย โหดปะทะเดือด
== ภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ ==
หลี่ กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง ''[[Hero]]'' (2002) หนัง[[จีนแผ่นดินใหญ่]]ทุนสร้าง 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยรัฐบาลของจีน กำกับโดย [[จางอี้โหมว]] นำแสดงโดยดาราชื่อดังหลายคน อย่าง [[เหลียง เฉาเหว่ย]], [[จาง ม่านอวี้]], [[เฉิน เตาหมิง]], [[จาง จื่ออี๋]] และ [[เจิน จื่อตัน]] โดยเฉพาะ เจิ้น จื่อตัน ถือว่าเป็นการกลับมาร่วมงานกับหลี่อีกครั้ง หลังจากเคยประมือกันมาแล้วใน [[หวงเฟยหง ภาค 2 ตอน ถล่มมารยุทธจักร|หวง เฟยหง ภาค 2]] หรือ Once Upon a Time in China II (1992) และภาพยนตร์เรื่อง Hero ทำรายได้ทั่วโลกถึง 177.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
 
ในปี 2008 หลี่ หลี่กลับมาทำงานให้[[ฮอลลีวู้ดฮอลลีวูด]]อีกครั้ง มีผลงานถึง 2 เรื่อง คือ The Forbidden Kingdom หรือชื่อไทย [[หนึ่งฟัดหนึ่ง ใหญ่ต่อใหญ่]] ด้วยทุนสร้าง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลี่ร่วมแสดงกับนักแสดงแอ็กชั่นชื่อดังอย่าง [[เฉินหลง]] เป็นครั้งแรก หลังจากวางแผนจะร่วมงานกันมานานกว่าหลายปี และพึ่งได้มาเจอกันในเรื่องนี้ โดยเนื้อหาอิงจากนิยายเรื่อง [[ไซอิ๋ว]] มาบางส่วน ผลงานกำกับของ ร็อบ มินคอฟ (The Lion King, Stuart Little และ The Haunted Mansion) โดยได้ทีมงานอย่าง ปีเตอร์ เปา (ผู้กำกับภาพ) , หยวนวูปิง (ผู้ออกแบบฉากการต่อสู้) และนักแสดงอย่าง [[หลิว อี้เฟย์]], หลี่ ปิงปิง, คอลลิน โชว และไมเคิล แองการาโน และภาพยนตร์ภาคต่อของหนังชุด The Mummy ในตอนใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า ''[[เดอะ มัมมี่ 3 คืนชีพจักรพรรดิมังกร|The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor]] (2008) '' ร่วมแสดงกับนักแสดงชาวฮ่องกง เช่น [[หยาง จื่อฉยง]] และ [[หวง ชิวเซิน]] พร้อมกับนักแสดงหลักอย่าง [[เบรนแดน เฟรเซอร์]], มาเรีย เบลโล และ จอห์น ฮันนาห์
จากนั้น หลี่ ก็กลับมาแสดงหนังกำลังภายในเรื่องเยี่ยมอย่าง Fearless (2006) หรือชื่อไทย [[จอมคนผงาดโลก]] โดยเรื่องนี้หลี่เป็นทั้งนักแสดงและอำนวยการสร้าง โดยการกำกับเป็นของ รอนนี่ ยู (Ronny Yu) หนังทุนสร้าง 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ว่าด้วยเรื่องราวของ[[ฮั่ว หยวนเจี๋ย]] ปรมจารย์กังฟูผู้ต่อสู้กับจิตใจของตน ตั้งแต่เกิดจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต โดยคำโฆษณาที่ใช้ในการโปรโมตหนังเรื่องนี้บอกว่า เป็นหนังกำลังภายในเรื่องสุดท้ายของเขา ทำให้คนทั่วโลกสนใจหนังเรื่องนี้มากขึ้น โดยสามารถขึ้นอันดับหนึ่งในตารางหนังทำเงินทั่ว[[เอเชีย]] และยังสามารถทำรายได้อย่างงดงามใน[[สหรัฐอเมริกา]] และมีดาราภาพยนตร์ชาวไทยที่มีโอกาสร่วมแสดงกับหลี่ คือ [[สมรักษ์ คำสิงห์]] (นักมวยสากลเหรียญทองโอลิมปิก) ในภาพยนตร์ชุดดังกล่าว
 
ในปี 2009 หลี่กลับมาทำงานที่บ้านเกิดร่วมแสดงในหนังประวัติศาสตร์รวมชาติจีน ในภาพยนตร์เรื่อง The Founding of a Republic (2009) หรือ มังกรสร้างชาติ หนังทุนสร้างโดยรัฐบาลจีน
 
ในปี 2010 หลี่กลับมาทำงานฮอลลีวูดอีกร่วมแสดงนำในหนังแอ็คชันรวมดาราอาวุโสแห่งยุค 80s เรื่อง ''[[The Expendables]]'' (2010) หรือชื่อไทย โคตรคนทีมมหากาฬ ภาค 1 โดยประกบกับนักแสดงอย่าง [[ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน]], [[เจสัน สเตธัม]], [[ดอล์ฟ ลุนด์เกรน]], [[มิกกีย์ รูร์ก]], [[สตีฟ ออสติน|สตีฟ 'สโตน โคล' ออสติน]], [[แรนดี้ เคาท์เชอร์]], [[บรูซ วิลลิส]] และ [[อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์]] และกลับมาบ้านเกิดเพื่อรับบทนำในหนังจีนแนวดราม่าเรื่อง Ocean Heaven (2010) หนังเล็กๆทุนสร้าง 7 ล้านหยวน โดยเขารับบทเป็นพนักงานในสวนน้ำแห่งหนึ่ง ที่มีลูกชายป่วยเป็นโรคออทิสติก ซึ่งถือเป็นงานแสดงดราม่าเต็มตัวครั้งแรก โดยไม่มีฉากแอ็คชั่นในหนังแม้แต่ฉากเดียว พร้อมประกาศว่าเขาจะรับงานแสดงน้อยลง เพื่อไปทุ่มเทให้กับงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์กับมูลนิธิของเขาชื่อ The One Foundation
 
== ภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ ==
หลี่ในช่วงที่หลี่ทำงานแสดงภาพยนตร์ในต่างประเทศทั้ง[[ฮอลลีวูด]]และฝั่ง[[ยุโรป]] ในปี 2002 หลี่กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งแสดงภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้แนว[[ภาพยนตร์กำลังภายใน|กำลังภายใน]] ที่บ้านเกิดในภาพยนตร์เรื่อง ''[[Hero]]'' (2002) หนังสัญชาติ[[จีนแผ่นดินใหญ่]]ทุนสร้าง 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยรัฐบาลของจีน กำกับการแสดงโดย [[จางอี้โหมว]] นำแสดงโดยดาราชื่อดังหลายคน อย่าง [[เหลียง เฉาเหว่ย]], [[จาง ม่านอวี้]], [[เฉิน เตาหมิง]], [[จาง จื่ออี๋]] และ [[เจิน จื่อตัน]] โดยเฉพาะ เจิ้นเจิน จื่อตัน ถือว่าเป็นการกลับมาร่วมงานกับหลี่อีกครั้ง หลังจากเคยประมือกันมาแล้วใน [[หวงเฟยหง ภาค 2 ตอน ถล่มมารยุทธจักร|หวง เฟยหง ภาค 2]] หรือ Once Upon a Time in China II (1992) และภาพยนตร์เรื่อง Hero ทำรายได้ทั่วโลกถึง 177.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
 
จากนั้นในปี หลี่2006 หลี่ก็กลับมาแสดงหนังกำลังภายในศิลปะการต่อสู้ประเภท[[กังฟู]]เรื่องเยี่ยมอย่างในภาพยนตร์เรื่อง Fearless (2006) หรือชื่อไทย [[จอมคนผงาดโลก]] โดยเรื่องนี้หลี่เป็นทั้งนักแสดงและผู้อำนวยการสร้าง โดยการกำกับเป็นของ รอนนี่ ยู (Ronny Yu) หนังจีนทุนสร้าง 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ว่าด้วยเรื่องราวของ[[ฮั่ว หยวนเจี๋ย]] ปรมจารย์กังฟูผู้ต่อสู้กับจิตใจของตน ตั้งแต่เกิดจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต โดยคำโฆษณาที่ใช้ในการโปรโมตหนังเรื่องนี้บอกว่า เป็นหนังกำลังภายในศิลปะการต่อสู้ประเภท[[กังฟู]]เรื่องสุดท้ายของเขา ทำให้คนทั่วโลกสนใจหนังเรื่องนี้มากขึ้น โดยสามารถขึ้นอันดับหนึ่งในตารางหนังทำเงินทั่ว[[เอเชีย]] และยังสามารถทำรายได้อย่างงดงามในบนตารางบ็อกซ์ออฟฟิสใน[[สหรัฐอเมริกา]] และมีดาราภาพยนตร์นักแสดงชาวไทยที่มีโอกาสร่วมแสดงกับหลี่ คือ [[สมรักษ์ คำสิงห์]] (นักมวยสากลเหรียญทองโอลิมปิก) ในภาพยนตร์ชุดดังกล่าวเรื่องนี้ด้วย
ปี 2007 หลี่ ได้ร่วมแสดงในหนังประวัติศาสตร์มหากาพย์สงครามย้อนยุคของจีน เรื่อง The Warlords (2007) หรือชื่อไทย [[3 อหังการ์ เจ้าสุริยา]] หนังรีเมคภาพยนตร์เรื่อง Blood Brothers (1973) ของผู้กำกับระดับปรมาจารย์ [[จางเชอะ]] ผลงานการกำกับของ [[ปีเตอร์ ชาน]] ร่วมแสดงกับ [[หลิว เต๋อหัว]] และ [[ทาเคชิ คาเนชิโร]] หนังใช้ทุนสร้างสูงถึง 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงที่สุดในหนังที่พูดภาษาจีนในยุคนั้น โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็น[[หนังกำลังภายใน]]อย่างที่เข้าใจกัน และเป็นครั้งแรกในชีวิตการแสดงที่หลี่ต้องรับบทเป็นตัวร้ายในภาพยนตร์ที่พูดภาษาจีน(บทร้ายในตอนท้ายเรื่อง) ภาพยนตร์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั่วเอเชีย เปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่งทั้งใน [[จีนแผ่นดินใหญ่]] [[ฮ่องกง]] [[ไต้หวัน]] [[มาเลเซีย]] และ[[สิงคโปร์]] โดยตัวหลี่เองได้รับค่าตัวสูงสุดในบรรดาหนังภาษาจีนในยุคนั้น ด้วยค่าตัวถึง 100 ล้านหยวน หรือ 13.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพยนตร์ยังคว้าตุ๊กตาทองฮ่องกง ครั้งที่ 27 มาได้ถึง 8 รางวัล รวมถึงรางวัลใหญ่อย่างรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม คือ หลี่ เหลี่ยนเจี๋ย นั่นเอง
 
ในปี 2007 หลี่ หลี่ได้ร่วมแสดงในหนังประวัติศาสตร์มหากาพย์สงครามย้อนยุคของจีน เรื่อง The Warlords (2007) หรือชื่อไทย [[3 อหังการ์ เจ้าสุริยา]] หนังรีเมคภาพยนตร์เรื่อง Blood Brothers (1973) ของผู้กำกับระดับปรมาจารย์ [[จางเชอะ]] ผลงานการกำกับของ [[ปีเตอร์ ชาน]] ร่วมแสดงนำกับ [[หลิว เต๋อหัว]] และ [[ทาเคชิ คาเนชิโร]] หนังใช้ทุนสร้างสูงถึง 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงที่สุดในหนังที่พูดภาษาจีนในยุคนั้น โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็น[[หนังกำลังภายใน]]อย่างที่เข้าใจกัน และเป็นครั้งแรกในชีวิตการแสดงที่หลี่ต้องรับบทเป็นตัวร้ายในภาพยนตร์ที่พูดภาษาจีน(บทร้ายในตอนท้ายเรื่อง) ภาพยนตร์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั่วเอเชีย เปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่งทั้งใน [[จีนแผ่นดินใหญ่]] [[ฮ่องกง]] [[ไต้หวัน]] [[มาเลเซีย]] และ[[สิงคโปร์]] โดยตัวหลี่เองได้รับค่าตัวสูงสุดในบรรดาหนังภาษาจีนในยุคนั้น ด้วยค่าตัวถึง 100 ล้านหยวน หรือ 13.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพยนตร์ยังคว้าตุ๊กตาทองฮ่องกง ครั้งที่ 27 มาได้ถึง 8 รางวัล รวมถึงรางวัลใหญ่อย่างรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม คือ หลี่ เหลี่ยนเจี๋ย นั่นเอง
ในปี 2009 หลี่ ได้ร่วมแสดงในหนังประวัติศาสตร์รวมชาติจีน ในเรื่อง The Founding of a Republic (2009) หรือ มังกรสร้างชาติ หนังทุนสร้างรัฐบาลจีน และรับบทนำในหนังดราม่าเรื่อง Ocean Heaven (2010) หนังเล็กๆทุนสร้าง 7 ล้านหยวน โดยรับบทเป็นพนักงานในสวนน้ำแห่งหนึ่ง ที่มีลูกชายป่วยเป็นโรคออทิสติก ซึ่งถือเป็นงานแสดงดราม่าเต็มตัวครั้งแรก โดยที่ไม่มีฉากแอ็คชั่นในหนังสักฉากเดียว
 
== เกม ==