ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เครื่องบินขับไล่"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Narutzy (คุย | ส่วนร่วม)
Narutzy (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 67:
การต่อสู้ทางอากาศเป็นสิ่งสำคัญในสงครามโลกครั้งที่สอง ความสามารถของเครื่องบินในการชี้ตำแหน่ง, ก่อกวน และเข้าสกัดกองกำลังภาคพื้นดินเป็นปัจจัยสำคัญในกองทหารของเยอรมนี และความสามารถของพวกมันในการครองอากาศเหนือฝ่ายอังกฤษทำให้การรุกรานเยอรมนีเป็นไปไม่ได้ จอมพลของเยอรมนีชื่อ[[เออร์วิน รอมเมล]]ได้กล่าวถึงกำลังทางอากาศเอาไว้ว่า "ใครก็ตามที่ต้องต่อสู้แม้มีอาวุธที่ล้ำสมัย กับศัตรูที่ครองอากาศ จะสู้อย่างดุเดือดต่อทหารของยุโรป ภายใต้อุปสรรคเดียวกันและโอกาสเดียวกันในความสำเร็จ"
 
ในปีพ.ศ. 2473 สองความคิดที่แตกต่างในการรบทางอากาศเริ่มเกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเครื่องบินปีกชั้นเดียวที่แตกต่างกัน ใน[[ญี่ปุ่น]]และ[[อิตาลี]]ยังคงมีความเชื่อว่าเครื่องบินขับไล่ที่มีอาวุธขนาดเบาและความว่องไวสูงจะเป็นบทบาทหลักในการต่อสู้ทางอากาศ เครื่องบินอย่าง[[นากาจิมา เคไอ-27]] [[นากาจิมามะ เคไอ-43]] และ[[มิตซูบิชิ เอ6เอ็ม ซีโร่]]ในญี่ปุ่น และ[[เฟียท จี.50]]และ[[มัคชี ซี.200]]ในอิตาลีเป็นตัวอย่างชัดเจนในแนวคิดนี้
 
อีกความคิดหนึ่งซึ่งมีในอังกฤษ เยอรมนี สหภาพโซเวียต และสหรัฐอเมริกาเป็นหลักคือความเชื่อว่าความเร็วสูงและแรงจีหมายถึงการรบทางอากาศที่เป็นไปแทบไม่ได้เลย เครื่องบินขับไล่อย่าง[[เมสเซอร์ชมิทท์ เบเอฟ 109]] [[ซูเปอร์มารีน สปิตไฟร์]] [[ยาโกเลฟ ยัค-1]] และ[[พี-40 วอร์ฮอว์ค|เคอร์ติส พี-40 วอร์ฮอว์ค]]ทั้งหมดล้วนถูกออกแบบให้มีความเร็วสูงและอัตราการไต่ระดับที่ดี ความคล่องตัวนั้นก็เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ แต่มันไม่ใช่เป้าหมายหลัก