ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์ค"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1:
{{Infobox officeholder
|name =
|image = Bundesarchiv Bild 146-1990-023-06A, Otto von Bismarck.jpg
|caption= บิสมาร์คในปี ค.ศ. 1881
|order = [[รายนามนายกรัฐมนตรีเยอรมนี|นายกรัฐมนตรี
|office =
|term_start = 21 มีนาคม ค.ศ. 1871
|term_end = 20 มีนาคม ค.ศ. 1890
|monarch = [[จักรพรรดิ
|deputy =
|predecessor = ตำแหน่งใหม่
|successor = เลโอ
|office2 =
|term_start2 = 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1873
|term_end2 = 20 มีนาคม ค.ศ. 1890
|monarch2 =
|predecessor2 =
|successor2 = เลโอ
|term_start3 = 23 กันยายน ค.ศ. 1862
|term_end3 = 1 มกราคม ค.ศ. 1873
|monarch3 = จักรพรรดิ
|predecessor3 = เจ้าชายอดอล์ฟแห่งโฮเฮนโลเฮอ-อินเกิลฟินเกิน
|successor3 =
|office4 = นายกรัฐมนตรีสมาพันธรัฐเยอรมันเหนือ
|term_start4 = 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1867
|term_end4 = 21 มีนาคม ค.ศ. 1871
|president4 = จักรพรรดิ
|predecessor4 = ตำแหน่งใหม่
|successor4 = ล้มเลิกตำแหน่ง
บรรทัด 31:
|term_start5 = 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 1862
|term_end5 = 20 มีนาคม ค.ศ. 1890
|primeminister5 = ตัวเอง <br> อัลเบรชท์
|predecessor5 = อัลเบรชท์
|successor5 = เลโอ
|birth_date = 1 เมษายน ค.ศ. 1815
|birth_place = เชินเฮาเซิน มณฑลซัคเซิน <
|death_date = 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1898<
|death_place = ฟรีดริชซรู [[รัฐชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์]]<
|party = ไม่สังกัดพรรคการเมือง
|spouse = โยฮันนา
|children = มารี <br> [[แฮร์แบร์ท
|religion =
|alma_mater = [[มหาวิทยาลัยเกิททิงเงิน]] <br> [[มหาวิทยาลัยฮุมโบลท์แห่งเบอร์ลิน]] <br> มหาวิทยาลัยไกร์ฟซวัลด์<ref name=Steinberg>{{cite book| authorlink=Jonathan Steinberg| last=Steinberg| first=Jonathan| title=Bismarck: A Life| url=https://books.google.de/books?id=HAppAgAAQBAJ&pg=PA51&lpg=PA51&dq=Bismarck+studied+Agriculture+in+Greifswald+in+1838.&source=bl&ots=LZikJxculW&sig=btfxmgs1TRrm3bUCMEeXS5sJAsc&hl=en&sa=X&ei=DaeiVNSeMseBU5WSgKAD&redir_esc=y#v=onepage&q=Bismarck%20studied%20Agriculture%20in%20Greifswald%20in%201838.&f=false| page=51| isbn=9780199782529}}</ref>
|profession = [[นักกฎหมาย]]
บรรทัด 47:
|signature = Otto vonBismarck Signature.svg
}}
{{ใช้ปีคศ|264px}}
'''
ในปี 1862 [[จักรพรรดิ
ความสำเร็จใน[[การรวมชาติเยอรมัน]]ในปี 1871 บิสมาร์คได้ใช้ทักษะทางการทูตของเขารักษาดุลอำนาจของเยอรมันในยุโรปไว้ บิสมาร์คได้อุทิศตนเองในการพยายามรักษาสันติภาพในบรรดามหาอำนาจเป็นเวลากว่าสองทศวรรษ อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่เยอรมันผนวกแคว้น[[อาลซัส-ลอแรน]]มาจากฝรั่งเศส ได้จุดชนวนขบวนการชาตินิยมขึ้นในฝรั่งเศส การเรืองอำนาจของเยอรมันทำให้เกิดภาวะ "กลัวเยอรมัน" (Germanophobia) ขึ้นในฝรั่งเศส<ref>Hopel, Thomas (23 August 2012) [http://ieg-ego.eu/en/threads/crossroads/border-regions/thomas-hoepel-the-french-german-borderlands#InsertNoteID_44_marker45 "The French-German Borderlands: Borderlands and Nation-Building in the 19th and 20th Centuries"]</ref> เป็นความครุกครุ่นก่อนปะทุเป็น[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]]
ไม่เพียงด้านการทูตและการต่างประเทศเท่านั้น บิสมาร์คยังเป็นปรมาจารย์ด้านการเมืองในประเทศ เขาริเริ่ม[[รัฐสวัสดิการ]]เป็นครั้งแรกในโลกสมัยใหม่ มีเป้าหมายเพื่อดึงการสนับสนุนของมวลชนจากชนชั้นแรงงาน ซึ่งมิเช่นนั้นแล้วมวลชนเหล่านี้อาจไปเข้าร่วมกับสังคมนิยมซึ่งเป็นศัตรูของเขาได้<ref>Steinberg, 2011, pp.8, 424, 444; Bismarck specifically referred to Socialists, among others, as "Enemies of the Reich".</ref> ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1870 เขาเข้าเป็นพันธมิตรกับเสรีนิยม (ผู้นิยมอัตราภาษีศุลกากรระดับต่ำและต่อต้านคาทอลิก) และต่อสู้กับศาสนจักรคาทอลิกที่ซึ่งถูกขนานนามว่า ''คุลทูร์คัมพฟ์'' ({{lang-de|Kulturkampf}}; การต่อสู้ทางวัฒนธรรม) แต่พ่ายแพ้ โดยฝ่ายศาสนจักรตอบโต้ด้วยการจัดตั้งพรรคกลาง (Centre Party) อันทรงพลังและใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วไปของชายเพื่อให้ได้ที่นั่งในสภา ด้วยเหตุนี้บิสมาร์คจึงกลับลำ ล้มเลิกปฏิบัติการคุลทูร์คัมพฟ์ ตัดขาดกับฝ่ายเสรีนิยม กำหนดภาษีศุลกากรแบบคุ้มกัน และร่วมเป็นพันธมิตรทางการเมืองกับพรรคกลางเพื่อต่อกรกับฝ่าย[[สังคมนิยม]]
บิสมาร์ค ==บุคลิก==
บิสมาร์คผู้เป็นขุนนางศักดินา ''
{| class="wikitable"
|-
|[[ภาพ:Bismarcks Wappen.gif|center|150px]] || rowspan = "2" |
*'''ค.ศ. 1815 – 1865''' : ยุงเคอร์ อ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์ค
*'''ค.ศ. 1865 – 1871''' : [[เคานต์|กราฟ]]
*'''ค.ศ. 1871 –
*'''ค.ศ. 1890 – 1898''' : เฟือสท์ ฟ็อน บิสมาร์ค, [[แฮร์ซอก]] ซู เลาเอินบวร์ค
| rowspan = "2" |[[ภาพ:Otto+von+bismarck.jpg|center|150px]]
|-
| align = "center" | '''อาร์มประจำตัว'''
|}
บิสมาร์คได้รับบรรดาศักดิ์ ''กราฟ ฟ็อน บิสมาร์ค-เชินเฮาเซิน'' (''Graf von Bismarck-Schönhausen'') ในปีค.ศ. 1865 ลูกหลานเพศชายของบิสมาร์คทุกคนจะมีบรรดาศักดิ์นี้ ต่อมาในปีค.ศ. 1871 เขาได้รับการเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น ''เฟือสท์ ฟ็อน บิสมาร์ค'' (''Fürst von Bismarck'') ซึ่งเป็นการยกฐานันดรจากขุนนางขึ้นเป็น[[ชนชั้นเจ้า|เจ้า]] (''Prinz'') บรรดาศักดิ์เฟือสท์นี้จะตกและสืบทอดในสายทายาทชายคนโตเท่านั้น [[เลาเอินบวร์ค]]เป็นอดีตแคว้นของ[[ปรัสเซีย]] บิสมาร์คได้ทูลขอไกเซอร์วิลเฮ็ล์มที่ 1 ให้ทรงยกอำนาจปกครองเลาเอินบวร์คให้แก่เขาเพื่อตอบแทนคุณความดีที่เขาทุ่มเทเพื่อราชวงศ์และจักรวรรดิ แต่องค์ไกเซอร์เห็นว่าบิสมาร์คเหมือนจะพยายามรื้อพื้นระบอบแว่นแคว้นดังเช่นใน[[สมัยกลาง]] และยังทรงดำริว่ารางวัลที่ทรงมอบให้บิสมาร์คนั้นมากเกินพอแล้ว เมื่อบิสมาร์คถูกบีบบังคับให้ลาออกในปี ค.ศ. 1890 เขาได้รับพระราชทานยศ ''แฮร์ซอก ซู เลาเอินบวร์ค'' (''Herzog zu Lauenburg'') ตำแหน่งดยุกที่เขาได้รับนั้นเป็นตำแหน่งที่ตั้งเป็นเกียรติยศเท่านั้น ไม่มีอำนาจปกครองแคว้นเช่นในอดีต สร้างความขุ่นเคืองแก่บิสมาร์คไม่น้อย<ref>{{cite news |author="A Veteran Diplomat"|title=The "Mediatized" – or the "High Nobility" of Europe; Consisting of Something Like Fifty families Which Enjoyed Petty Sovereignty Before the Holy Roman Empire's Overthrow, They Still Exercise Certain Special Privileges Mixed with Unusual Restrictions|url=https://query.nytimes.com/gst/abstract.html?res=F30613FC3C5D16738DDDAE0A94D1405B888CF1D3 |newspaper=[[The New York Times]] |date=27 September 1908}}</ref>
▲== บรรดาศักดิ์ ==
▲*'''ค.ศ. 1865 – 1871''' : กราฟ ฟอน บิสมาร์ค-เชินเฮาเซิน (Graf von Bismarck-Schönhausen) เทียบเท่า[[เคานต์]]
▲*'''ค.ศ. 1871 – 1898''' : [[เฟือสท์]] ฟอน บิสมาร์ค (Fürst von Bismarck) เทียบเท่า[[เจ้าชาย]]
▲*'''ค.ศ. 1890 – 1898''' : [[แฮร์ซอก]] ซู เลาเอินบวร์ค (Herzog zu Lauenburg) เทียบเท่า[[ดยุก]]
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
|