ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ย่างกุ้ง"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 47:
{{มีอักษรพม่า}}
'''ย่างกุ้ง''',<ref>{{cite journal|journal=ราชกิจจานุเบกษา|volume=118|issue=ตอนพิเศษ 117ง|pages=2|title=ประกาศราชบัณฑิตยสถาน เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง (พ.ศ. 2544)|url=http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2544/E/117/2.PDF|date=26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544|language=ไทย}}</ref> '''ยานโกน''' ({{MYname|MY=ရန်ကုန်|MLCTS=Rankun}}, {{IPA-my|jàɴɡòʊɴ|pron}}; "
ย่างกุ้งมีจำนวนอาคารยุคอาณานิคมมากที่สุดใน
ย่างกุ้ง
==นิรุกติศาสตร์==
ย่างกุ้ง ({{lang|my|ရန်ကုန်}}) เป็นคำผสมที่เกิดจากคำว่า ''ยาน'' ({{lang|my|ရန်, ''yan''}}) ซึ่งมีความหมายว่า ศัตรู ข้าศึก และคำว่า ''โกน'' ({{lang|my|ကုန်, ''koun''}}) ซึ่งมีความหมายว่า หมดไป ซึ่งสามารถแปลได้อีกอย่างว่า อวสานสงครามหรือ
ส่วนคำว่าย่างกุ้งในภาษาอังกฤษ Rangoon มีที่มาจากการเลียนเสียงของคำว่า ''ยานโกน'' ซึ่งใน[[ภาษายะไข่]]ออกเสียงเป็น ''รอนกู้น'' {{IPA|[rɔ̀ɴɡʊ́ɴ]}}
==ประวัติศาสตร์==
{{See also|เส้นเวลาของยางกุ้ง|รายการเปลี่ยนชื่อในย่างกุ้ง}}
===ประวัติศาสตร์ยุคเริ่มแรก===▼
ย่างกุ้งก่อตั้งขึ้นในชื่อ ดากอง (Dagon - ภาษามอญเรียกว่า "ตะเกิง") ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 (พ.ศ. 1571–1586) โดยชาวมอญซึ่งครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในภาคใต้ของพม่าในขณะนั้น<ref>Founded during the reign of King Pontarika, per {{cite book | title=Legendary History of Burma and Arakan | year=1882 | author=Charles James Forbes Smith-Forbes | publisher=The Government Press | page=20}}; the king's reign was 1028 to 1043 per {{cite book | last = Harvey| first = G. E.| title = History of Burma: From the Earliest Times to 10 March 1824 | publisher=Frank Cass & Co. Ltd | year = 1925| location = London | page=368}}</ref> ดากอนเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ซึ่งมีศูนย์กลางคือเจดีย์ชเวดากอง ใน พ.ศ. 2298 พระเจ้าอลองพญา ได้บุกยึดดากอง พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น ย่างกุ้ง (Yangon) และมีการตั้งถิ่นฐานของราษฎรที่เพิ่มขึ้นตลอดมา เมื่อถึง พ.ศ. 2367 กองทัพอังกฤษสามารถยึดเมืองย่างกุ้งได้ในสงครามอังกฤษ-พม่าครั้งแรก แต่หลังจากสงคราม อังกฤษก็คืนย่างกุ้งให้แก่พม่า ใน พ.ศ. 2384 เกิดเพลิงไหม้ใหญ่ในเมืองซึ่งทำลายเมืองไปเกือบทั้งหมด<ref name=mcy>{{Cite book| title=Megacity yangon: transformation processes and modern developments | author=Kyaw Kyaw | isbn=3-8258-0042-3 | editor=Frauke Krass, Hartmut Gaese, Mi Mi Kyi | pages=333–334 | publisher=Lit Verlag | location=Berlin | year=2006}}</ref>▼
▲ย่างกุ้งก่อตั้งขึ้นในชื่อ ดากอง (Dagon - ภาษามอญเรียกว่า "ตะเกิง") ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 (พ.ศ. 1571–1586) โดยชาวมอญซึ่งครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในภาคใต้ของพม่าในขณะนั้น<ref>Founded during the reign of King Pontarika, per {{cite book | title=Legendary History of Burma and Arakan | year=1882 | author=Charles James Forbes Smith-Forbes | publisher=The Government Press | page=20}}; the king's reign was 1028 to 1043 per {{cite book | last = Harvey| first = G. E.| title = History of Burma: From the Earliest Times to 10 March 1824 | publisher=Frank Cass & Co. Ltd | year = 1925| location = London | page=368}}</ref> ดากอนเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ซึ่งมีศูนย์กลางคือเจดีย์ชเวดากอง ใน พ.ศ. 2298 พระเจ้าอลองพญา ได้บุกยึดดากอง พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น ย่างกุ้ง (Yangon) และมีการตั้งถิ่นฐานของราษฎรที่เพิ่มขึ้นตลอดมา เมื่อถึง พ.ศ. 2367 กองทัพอังกฤษสามารถยึดเมืองย่างกุ้งได้ใน[[สงครามอังกฤษ-พม่าครั้ง
===ย่างกุ้งในยุคอาณานิคม===
[[File:Yangon Rangoon and Environ map 1911.jpg|thumb|upright=1.35|แผนที่ย่างกุ้งและบริเวณโดยรอบ, 2454]]
อังกฤษยึดย่างกุ้งและส่วนล่างของพม่าทั้งหมดได้ในระหว่าง[[สงครามอังกฤษ-พม่าครั้งที่สอง]]เมื่อ พ.ศ. 2395 และได้เปลี่ยนย่างกุ้งให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการเมืองของ[[พม่าของอังกฤษ]] (British Burma) และยังเป็นสถานที่ซึ่งอังกฤษส่งตัวจักรพรรดิบาฮาดูร์ ชาห์ ซาฟาร์ที่ 2 จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โมกุลของอินเดียมาจองจำหลังจากเกิดเหตุการณ์กบฎอินเดีย หรือ[[กบฎซีปอย]]ขึ้นเมื่อปี 2400 อังกฤษได้สร้างเมืองย่างกุ้งใหม่โดยวางผังเมืองเป็นรูปตารางบนที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ โดยมีร้อยโทอเล็กซานเดอร์ เฟรเซอร์ นายทหารช่างเป็นผู้ควบคุมการออกแบบ มีพื้นที่ทอดยาวไปทางทิศตะวันออกจรดแม่น้ำพะซุนดวง (Pazundaung Creek) ทิศตะวันตกและทิศใต้จรดแม่น้ำย่างกุ้ง ▼
[[File:Public Gardens, Rangoon.jpg|thumb|left|ทิวทัศน์ของ Cantonment Gardens (ปัจจุบันคือ Kandaw Mingalar Garden) ในปี 1868]]
[[File:RangoonStreetView.jpg|thumb|left|ความเสียหายของใจกลางเมืองกรุงย่างกุ้งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง]]
▲อังกฤษยึดย่างกุ้งและส่วนล่างของพม่าทั้งหมดได้ในระหว่าง[[สงครามอังกฤษ-พม่าครั้งที่สอง]]เมื่อ พ.ศ. 2395 และได้เปลี่ยนย่างกุ้งให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการเมืองของ[[พม่าภายใต้การปกครองของ
ย่างกุ้งในยุคอาณานิคม มีสวนสาธารณะและทะเลสาบที่กว้างขวาง อีกทั้งยังประกอบไปด้วยอาคารที่ทันสมัยและสถาปัตยกรรมไม้แบบดั้งเดิม ทำให้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "สวนเมืองแห่งทิศตะวันออก" (the garden city of the East)<ref name="autogenerated4" /> และในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ย่างกุ้งก็มีการบริการสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานที่เทียบเท่า[[ลอนดอน]]เลยทีเดียว<ref name="arc">{{Cite book| last=Falconer| first=John| year=2001| title=Burmese Design & Architecture| isbn=962-593-882-6| publisher=Periplus| location=Hong Kong|display-authors=etal}}</ref>
ในช่วงก่อน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]]
หลัง
===ย่างกุ้งในสมัยปัจจุบัน===
ไม่นานหลังจาก
นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ย่างกุ้งมีการขยายตัวออกไปมาก รัฐบาลได้สร้างเมืองขึ้นมาโดยรอบ เช่นในทศวรรษที่ 1950 สร้างย่านธาเกตา (Thaketa) ออกกะลาปาเหนือ (North Okkalapa) ออกกะลาปาใต้ (South Okkalapa) จนถึงทศวรรษที่ 1980 เกิดย่านไลง์ตายา (Hlaingthaya) ชเวปยีธา (Shwepyitha) และดากอนใต้ (South Dagon)<ref name=mcy/> ทำให้ทุกวันนี้มหานครย่างกุ้ง
ในช่วงการปกครองแบบลัทธิโดดเดี่ยวโดยนายพล[[เนวี่น]] (2505–2531) โครงสร้างพื้นฐานของย่างกุ้งเสื่อมโทรมมากเนื่องจากไม่ได้รับการบำรุงรักษาที่ดีและไม่รองรับกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 รัฐบาลทหารมีนโยบายเปิดตลาดมากขึ้นเพื่อดึงดูดการลงทุนทั้งจากในและ
ย่างกุ้งกลายเป็นของชาวพม่าพื้นเมืองมากขึ้นนับตั้งแต่การประกาศเอกราช หลังจากการประกาศเอกราชชาวเอเชียใต้และลูกครึ่งอังกฤษ-พม่าจำนวนมากได้ย้ายออกไป ชาวเอเชียใต้หลายคนถูกบังคับให้ย้ายออกไปในช่วงทศวรรษ 1960 โดยรัฐบาลที่เกลียดชาวต่างประเทศของเนวิน<ref name=tmmt/> อย่างไรก็ตามชุมชนชาวเอเชียใต้และชาวจีนที่กว้างใหญ่ยังคงมีอยู่ในย่างกุ้ง ส่วนลูกครึ่งอังกฤษ-พม่าหายไปอย่างเห็นชัดมากกว่าโดยย้ายออกจากประเทศหรือไม่ก็แต่งงานกับชาวพม่ากลุ่มอื่น ๆ
ย่างกุ้งเป็นศูนย์กลางของการประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ในปี 2517, 2531 และ 2550 การลุกฮือของพลังประชาชนในพ.ศ. 2531 ส่งผลให้มีการเสียชีวิตของพลเรือนชาวพม่าหลายร้อยคน และมากมายในย่างกุ้งที่ซึ่งประชาชนหลายร้อยคนหลั่งไหลกันออกมาเต็มถนนในเมืองหลวง [[การปฏิวัติผ้ากาสาวพัสตร์]]ประสบกับการกราดยิงใส่ฝูงชนและการเผาศพในย่างกุ้งโดยรัฐบาลพม่าเพื่อลบหลักฐานการก่ออาชญากรรมต่อพระสงฆ์ ผู้ประท้วงที่ปราศจากอาวุธ นักข่าวและนักศึกษา<ref>Burmese Human Rights Yearbook, 2007, http://www.burmalibrary.org/show.php?cat=1320&lo=d&sl=0</ref>
ถนนในเมืองประสบกับการนองเลือดทุกครั้งขณะที่ผู้ประท้วงถูกยิงโดยรัฐบาล
▲นับตั้งแต่ได้รับเอกราชย่างกุ้งมีการขยายตัวออกไปมาก รัฐบาลได้สร้างเมืองขึ้นมาโดยรอบ เช่นในทศวรรษที่ 1950 สร้างย่านธาเกตา (Thaketa) ออกกะลาปาเหนือ (North Okkalapa) ออกกะลาปาใต้ (South Okkalapa) จนถึงทศวรรษที่ 1980 เกิดย่านไลง์ตายา (Hlaingthaya) ชเวปยีธา (Shwepyitha) และดากอนใต้ (South Dagon)<ref name=mcy/> ทำให้ทุกวันนี้มหานครย่างกุ้งครอบคลุมพื้นที่เกือบ 600 ตารางกิโลเมตร (230 ตารางไมล์)<ref name=uncrd/>
ในเดือนพฤศจิกายน 2548 รัฐบาลทหารกำหนดให้กรุงเนปีดอซึ่งอยู่ห่างจากย่างกุ้งไปทางเหนือราว 320 กิโลเมตร (199 ไมล์) เป็นเมืองหลวงทางปกครองแห่งใหม่และต่อมาย้ายที่ทำการรัฐบาลจำนวนมากไปยังเมืองที่ถูกพัฒนาใหม่นี้ อย่างไรก็ตาม ย่างกุ้งยังคงเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญที่สุดของพม่า
▲ในช่วงการปกครองแบบลัทธิโดดเดี่ยวโดยนายพล[[เนวี่น]] (2505–2531) โครงสร้างพื้นฐานของย่างกุ้งเสื่อมโทรมมากเนื่องจากไม่ได้รับการบำรุงรักษาที่ดีและไม่รองรับกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 รัฐบาลทหารมีนโยบายเปิดตลาดมากขึ้นเพื่อดึงดูดการลงทุนทั้งจากในและนอกประเทศซึ่งช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานของเมืองมีความทันสมัยขึ้นตามสมควร ผู้อยู่อาศัยในเมืองชั้นในถูกขับให้ไปอยู่ยังบริเวณรอบนอกเมืองใหม่ อาคารหลายอาคารในยุคอาณานิคมถูกทำลายเพื่อเปิดทางให้กับโรงแรมสูงระฟ้า อาคารสำนักงาน และห้างสรรพสินค้า
ในเดือนพฤษภาคม 2551 พายุไซโคลนนาร์กีสถล่มย่างกุ้ง ในขณะที่เมืองมีผู้เสียชีวิตเพียงเล็กน้อย แต่โครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรมของย่างกุ้งถูกทำลายหรือเสียหายถึงประมาณสามในสี่ ความสูญเสียประมาณ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ<ref>{{Cite news| url=http://www.mmtimes.com/no427/b004.htm | title=Long road back for industrial recovery | date=14 July 2008 | author=Ye Lwin | work=The Myanmar Times}}</ref>
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
|