ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หลัน เจี๋ยอิง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Calearm99 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Calearm99 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 68:
ผลงานละครเด่น เรื่องอื่น ๆ ของเธอ ก็มี อาทิเช่น "มารพิณพิฆาต", "ลิขิตฮ่องเต้", "5คู่ชูชื่น", "อิทธิฤทธิ์นางจิ้งจอก", "สวนทางรัก" และ "จอมยุทธผงาดฟ้า" เป็นต้น นอกจากนี้เธอยังได้มีส่วนร่วมแสดงในผลงานภาพยนตร์ดังเรื่อง "ไซอิ๋ว เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน" ภาค 1 และ 2 กับการสวมบทบาทเป็น '''ปีศาจแมงมุมสาว''' (สไปเดอร์ วูแมน)
 
จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมในชีวิตเธอเริ่มขึ้นในปีพ.ศ. 2538-2539 (1995-1996) ในช่วงที่ภาพยนตร์ดังเรื่อง "[[ไซอิ๋ว|ไซอิ๋วเดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน]]" ภาค 1 และ 2 ที่เธอร่วมแสดงได้เข้าโรงฉายและได้รับความนิยม แต่เธอต้องพบกับการสูญเสียทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของเธอในเวลาไล่เลี่ยกันซึ่งยากที่เธอจะทำใจได้และในช่วงนี้เองที่แหล่งข่าวในตอนหลังระบุว่าเธอโดนดาราผู้มีอิทธิพลในวงการบันเทิง 2 คน ข่มขืนซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่เธอได้ไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่งในประเทศ[[สิงคโปร์]] แต่ตอนนั้นที่ไม่เป็นข่าวปรากฏออกมาเพราะเธอไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่โตเลยไม่ได้ไปแจ้งความ อีกทั้งก่อนหน้านั้นเธอเคยประสบปัญหาความรักที่ล้มเหลวในระยะเวลาไล่เลี่ยกันถึง 2 ครั้งซึ่งแฟนทั้งสองคนต่างก็[[ฆ่าตัวตาย]] คนหนึ่งเป็นพิธีกรหนุ่ม-ดีเจชื่อดังอย่างนาย '''จงเป่าลว๋อ''' (鍾保羅) หรือที่รู้จักกันในนาม "[[พอล จง]]" และอีกคนเป็นลูกชายของ[[ตุลาการ]]คนหนึ่งแซ่เติ้ง นาย พอลจง ฆ่าตัวตายโดยการกระโดดตึกลงมา ส่วนหนุ่มแซ่เติ้ง ก็ฆ่าตัวตายโดยการเปิดก๊าซ จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความสะเทือนใจให้แก่เธอเป็นอย่างมาก และในปีพ.ศ. 2541 (1998) เธอก็ประสบอุบัติเหตุจนบาดเจ็บและต้องพักรักษาตัวนานทำให้เธอไม่มีงานในวงการบันเทิง ซึ่งปัญหาต่าง ๆ ที่ถาโถมรุมเร้าเข้ามามากมายติด ๆ กันได้ทำให้เธอกลายเป็น "โรคซึมเศร้า" จนในปีพ.ศ. 2542 (1999) หลินเจี๋ยอิง ต้องเข้ารับการรักษาใน[[โรงพยาบาลศรีธัญญา|สถานบำบัดผู้ป่วยทางจิต]]แห่งหนึ่ง
 
ต่อมาเมื่อเธอได้เข้ารับการบำบัดทางจิตแล้วเธอก็พยายามจะเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยการหวนกลับเข้าสู่ในวงการบันเทิงอีกครั้งแต่บทที่เธอได้รับกลับไม่โดดเด่นเหมือนอดีตทั้งละครและภาพยนตร์ก็ไม่ได้รับความนิยมเลยจนไม่มีใครจ้างงาน ต่อมาเธอได้ตัดสินใจหันหลังให้กลับวงการและไปทำธุรกิจเกี่ยวกับความงามซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นอาชีพที่เหมาะกับเธอเป็นอย่างมาก แต่แล้วเธอก็ต้องพบวิบากกรรมอีกครั้งเมื่อธุรกิจของเธอประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง จนเธอต้องร้องต่อศาลให้เธอกลายเป็นบุคคลล้มละลายในเวลาต่อมา และมีชีวิตอยู่ด้วยเบี้ยเลี้ยงยังชีพของรัฐบาลต่อเดือนเพียง 3,700 เหรียญฮ่องกง เธอกลายเป็นดาราคนแรกในวงการบันเทิงฮ่องกงที่ตกอับจนต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ประจวบกับที่เธอต้องประสบพบเจอกับความรักที่ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าตามมาอีกถึงขนาดที่เธอพยายามจะฆ่าตัวตาย ซึ่งปัญหาชีวิตเหล่านี้ทำให้เธอต้องกลับเข้าไปรักษาที่[[โรงพยาบาลศรีธัญญา|โรงพยาบาลจิตเวช]]อีกครั้ง
 
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มักจะมีข่าวด้านลบเกี่ยวกับพฤติกรรมผิดปกติของเธอออกมาให้เป็นข่าวเป็นระยะ ๆ เช่น มีภาพของเธอดูเหม่อลอยเดินพุงป่องไร้จุดหมายอยู่บนท้องถนนของฮ่องกง, ภาพเธอมีหงอกเต็มหัวนั่งสูบบุหรี่อยู่ริมถนนเหมือนคนอนาถา หรือภาพเธอเมาหนักจนต้องนอนอยู่ริมฟุตบาทข้างทาง ซึ่งภาพเหล่านั้นที่เป็นข่าวได้สร้างความตกใจและสะเทือนใจแก่ผู้คนที่เคยรู้จักเธอมาตั้งแต่ในอดีต แต่ด้วยนิสัยรักศักดิ์ศรีของเธอ เธอเลยไม่ค่อยจะร้องขอให้คนเข้ามาช่วยเหลือเธอมากนัก โดยในช่วงนั้นเธอต้องอาศัยอยู่ในบ้านพัก[[สงเคราะห์]]และพักพิง (บ้านพักช่วยเหลือฉุกเฉิน) ของรัฐบาลเพราะเธอไม่มีงานประจำทำ แต่ในความโชคร้ายก็ยังคงมีความโชคดีอยู่บ้าง เมื่อผู้คนได้รับรู้ถึงโชคชะตาที่เล่นตลกกับเธอ ทั้งพี่น้องของเธอและเหล่าเพื่อนดาราก็ต่างเข้ามาช่วยเหลือเธอให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาบ้าง เช่น [[หลิวเต๋อหัว]], [[หลิวเจียหลิง]], [[เจิ้ง หัวเชียน|เจิงหัวเชี่ยน]], [[อู๋ จวินหรู|อู๋จวินหยู]]และคนอื่น ๆ มีเพื่อนดาราบางคนก็พยายามหางานแสดงและติดต่อให้เธอมาร่วมเล่น แต่ด้วยโรคซึมเศร้าที่เธอเป็นอยู่ในขณะนั้นบวกกับอารมณ์ที่แปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำให้เธอไม่สามารถรับงานแสดงในวงการได้เลย และโชคร้ายไปกว่านั้นด้วยนิสัยของเธอที่มักจะเปลี่ยนทั้งเบอร์และโทรศัพท์อยู่บ่อย ๆ ทำให้เพื่อนดาราเหล่านั้นขาดการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องเพราะไม่สามารถติดต่อเธอได้เลย จนต่อมาก็มีข่าวออกมาอีกว่าที่เธอเป็นแบบนี้สาเหตุหลักเพราะเธอเคยถูกดารามาเฟียชาย 2 คนข่มขืนโดยตอนหลังได้มีการเปิดเผยรายชื่อออกมาคือนักแสดงตัวร้ายรุ่นเก่าอย่างนาย [[เติ้งกวงหยง]] (เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว) และอีกคนคือดาราตลกที่อดีตเคยโด่งดังอย่างนาย [[เฉิง จื้อเหว่ย์|เจิ้งจื่อเหว่ย]] เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกมาแน่นอนว่านาย "เจิ้งจื่อเหว่ย" ก็รีบออกมาปฏิเสธข่าวทันทีพร้อมทั้งบอกว่าคลิปที่เป็นข่าวนั้นเป็นการตัดต่อและเตรียมจะฟ้องร้องผู้ที่ทำการเผยแพร่ทั้งหมด จนในที่สุดข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ค่อย ๆ เงียบไป โดยที่ยังไม่ได้มีการยืนยันข้อเท็จจริงใด ๆ จากหลันเจี๋ยอิง