ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กฎทรงพลังงาน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Pimpa waan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Pimpa waan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 19:
เมื่อพิจารณาระบบที่มีวัตถุก้อนหนึ่งมวล <math>m</math> กิโลกรัม อยู่ภายใต้อิทธิพลของ''แรงอนุรักษ์ (Conservative force)'' เช่น แรงโน้มถ่วงของโลกหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การที่วัตถุก้อนนี้อยู่ในสนามโน้มถ่วงของโลก '''g''' มีขนาดคงตัวประมาณ <math>9.8 m/s^2</math> หรือแม้แต่ใช้กันโดยอนุโลมเป็น <math>10 m/s^2</math> โดยทั่วไปแล้วเราจะเรียกผลรวมของพลังงานศักย์โน้มถ่วง <math>E_p</math> และพลังงานจลน์ <math>E_k</math> ของวัตถุก้อนนี้ ณ ตำแหน่งหนึ่ง ณ ขณะหนึ่งว่า [[พลังงานกล]] (Mechanical energy) และเป็นที่ประจักษ์ว่าพลังงานกลของวัตถุก่อนหนึ่งๆ จะมีค่าคงตัวเสมอจึงได้เรียกกันว่า ''กฎการอนุรักษ์พลังงานกล (Law of conservation of mechanical energy)'' กล่าวโดยสรุป คือ
 
''ในขณะที่ระบบวัตถุหนึ่งๆอยู่ภายใต้อิทธิพลของแรงอนุรักษ์ ดังเช่นในกรณีแรงโน้มถ่วงของโลกที่กำลังพิจารณาอยู่นี้ จะได้ว่าพลังงานกลของระบบวัตถุนี้ คือผลรวมของพลังงานศักย์โน้มถ่วงและพลังงานจลน์ของระบบวัตถุนี้ย่อมมีค่าคงตัว'' <ref>สมพงษ์ ใจดี. (2548). '''ฟิสิกส์เชิงวิเคราะห์ 1: กลศาสตร์.''' โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.</ref>
 
เนื่องจากทั้งพลังงานศักย์โน้มถ่วงและพลังงานจลน์ มีหน่วยเดียวกัน นั่นคือ ''จูล(Joule)'' ตามระบบ[[หน่วยอนุพันธ์เอสไอ]] ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเมื่อวัตถุก้อนหนึ่งมีการเปลี่ยนรูปไปมาระหว่างพลังงานสองชนิดนี้ เราควรจะพิจารณาลักษณะของพลังงานที่เปลี่ยนจะดูสมจริงมากกว่าการอ้างถึงกฎการอนุรักษ์พลังงานกลเพียงอย่างเดียว
 
== Notes ==
บรรทัด 28:
{{รายการอ้างอิง}}
{{โครงวิทยาศาสตร์}}