ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ยุทธนาวีที่ช่องแคบเดนมาร์ก"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Supasate (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่ 7305173 สร้างโดย 134.196.50.201 (พูดคุย)
บรรทัด 19:
'''ยุทธนาวีช่องแคบเดนมาร์ก''' เป็นยุทธนาวีใน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ระหว่างราชนาวีอังกฤษและครีกสมารีเนอของเยอรมนี เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 [[เรือหลวงปรินส์ออฟเวลส์ (53)|เรือหลวง''ปรินส์ออฟเวลส์'']] เรือประจัญบาน และ[[เรือหลวงฮูด|เรือหลวง''ฮูด'']] เรือลาดตระเวนสงคราม สู้รบกับ[[เรือประจัญบานบิสมาร์ค|เรือประจัญบาน''บิสมาร์ค'']] และเรือลาดตระเวนหนัก ''[[ปรินซ์ออยเกน]]'' ของเยอรมนี เรือรบเยอรมันทั้งสองลำกำลังพยายามตีฝ่าออกไปยัง[[มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ]]เพื่อทำลายการขนส่งพาณิชย์ของฝ่ายสัมพันธมิตร
 
วันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ.1941 เรือรบเยอรมัน 2 ลำแล่นผ่านน่านน้ำแอตแลนติกเหนือโดยมี[[เรือลาดตระเวนหนัก ปรินซ์ ออยเก็น]]และ[[เรือประจัญบานบิสมาร์ค]] เรือรบบิสมาร์คกำลังเดินทางครั้งแรกเพื่อทำภารกิจลับสุดยอด รหัส"เอกซ์เซอร์ไซน์ ไลน์" แผนของเยอรมันก็คือลอบเข้าไปในแอตแลนติกโดยไม่ให้ถูกจับได้และโจมตีขบวนกองเรือของ[[สัมพันธมิตร]] แต่เยอรมันไม่รู้ตัว 30 ไมล์ทางตะวันออกเฉียงใต้มีเรือรบอังกฤษ 2 ลำแล่นตัดมาด้วยความเร็วเต็มที่ [[เรือหลวงปรินส์ออฟเวลส์ (53)]]และความภาดภูมิแห่งราชนาวีอังกฤษ[[เรือหลวงฮูด (51)]] แผนการรบของอังกฤษได้ผิดไปจากที่คาดไว้ โดยหวังที่จะโจมตีกองเรือเยอรมันไปถึงปากช่องแคบเดนมาร์กและแล่นตัดเป็นรูปตัว T เพื่อยิงปืนทุกกระบอกจากข้างลำเรือ แต่ระหว่างคืนน้นอังกฤษได้คลาดกับศัตรูไปพอรุ่งเช้าก็พบว่าตนนั้นอยู่นอกตำแหน่งไปเสียแล้วตอนนี้เยอรมันกำลังได้เปรียบโดยพบว่าเยอรมันทำสำเร็จด้วยความบังเอิญ แต่กองเรืออังกฤษไม่หวาดหวั่น"ฮูด"คือสัญลักษณ์แห่งแสนยานุภาพของราชนาวีอังกฤษ เวลา 5.52 น.เรือหลวงฮูดเริ่มยิงก่อน กระสุนกระทบกราบขวาของเรือปรินซ์ออยเก็น เรือหลวงปรินซ์ออฟเวลล์ระดมยิงไปอย่างรวดเร็วกระสุนนั้นได้พลาดเป้าไป น้ำจำนวนมากพุ่งพล่านขึ้นรอบเรือรบบิสมาร์คแต่น่าแปลกที่พลเรือเอก[[กึนเธอร์ ลึทเจนต์]]ยังไม่สั่งให้ยิง แท้จริงแล้วงานของลึกเจนส์ไม่ใช่การสู้กับเรือรบงานของเขาคือการทำลายการค้าถ้าเรือของเขาเสียหายอย่างหนักเขาก็ต้องกลับไปที่ท่าเรือแล้วภารกิจก็จบสิ้น เรือรบของอังกฤษกระหน่ำยิงแต่ลึทเจนส์ยังปฏิเสธที่จะยิงโต้กลับ ในที่สุดพลเรือเอก[[แอร์นสท์ ลินเดมันน์]]ผู้จนตรอกได้ก้าวเข้ามาและพูดว่า"ผมจะไม่ยอมให้เรือผมถูกยิงจมไปต่อหน้าต่อตา"หลังจากนั้นเรือรบบิสมาร์คเปิดฉากยิง กระสุนขนาด 1 ตันจากเรือรบบิสมาร์คพุ่งไปสู่เรือหลวงฮูดโดยที่รู้กิตติศัพท์ว่ากระสุนที่ตกลงมาจากแนวลาดดิ่งซึ่งเรียกว่า"กระสุนมุมสูง"จะสามารถเจาะทะลุลึกและระเบิดภายในได้ง่ายๆตรงส่วนดาดฟ้าของเรือซึ่งเป็นเกราะบาง เมื่อเรือหลวงฮูดรู้ภัยของกระสุนมุมสูงเรือหลวงฮูดจึงรุดเข้าไปโดยพยายามเข้าใกล้ให้มากพอที่จะทำให้พลปืนเยอรมันยิงในวิถีแนวราบและหวังว่ากระสุนจะโดนส่วนเกราะตัวเรือหนา 12 นิ้วแทนที่จะเป็นส่วนดาดฟ้าบางๆ การระดมยิงครั้งแรกของเรือรบบิสมาร์ดเกือบพลาดเป้าไปกระสุนระเบิดที่ข้างกราบเรือข้างซ้ายของเรือหลวงฮูด เรือรบบิสมาร์คยิงอีกครั้ง พลปืนเยอรมันเล็งเป้าด้วยความแม่นฉมัง เวลา 5.55 น.กระสุนจากเรือรบบิสมาร์คแล่นตัดคลังกระสุนของเรือหลวงฮูดทำให้กระสุนต่อสู้อากาศยานขนาด 4 นิ้วระเบิดอย่างใหญ่และไฟได้เผาร่างลูกเรือจนวอดวาย กระสุนอีกนัดของเรือรบบิสมาร์คโดนที่หอหลักของเรือหลวงฮูด สถานการณ์น่าสิ้นหวัง ในระยะ 8 ไมล์ พลเรือเอก[[แลนสล็อต ฮอลแลนด์]]ผู้การเรือหลวงฮูด บัญชาการให้กลับลำเรือเพื่อให้เรือยิงจากด้านข้างได้อย่างเต็มที่ แต่พลเรือเอกฮอลแลนด์คำนวณผิด เรือรบบิสมาร์คได้ยิงออกไปโดยล็อกเป้าหมายไว้ที่เรือหลวงฮูด เวลา 6.00 น.กระสุนเจาะเกราะขนาด 1 ตันนัดหนึ่งก็เจาะเข้าสู่จุดตายของเรือหลวงฮูดเข้าพอดี กระสุนเจาะเกราะทะลุเข้าไปในเรือหลวงฮูดทำให้ดินปืนในห้องเก็บดินระเบิดลุกเป็นไฟ ต่อมาทหารเรือบนเรือหลวงปรินซ์ออฟเวลล์ดูภาพอันน่าสยองของเปลวไฟที่ประทุขึ้นจากดาดฟ้าของเรือหลวงฮูดที่ย่อยยับด้วยความตกตะลึงและแล้วเปลวไฟจากดินปืนจำนวนมหาศาลในห้องเก็บดินระเบิดทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า"การคุระอุไหม้"จากนั้นระเบิดลูกใหญ่ก็ทำให้ตัวเรือโก่งบิดและฉีกตัวเรือหลวงฮูดขาดเป็น 2 ท่อน ส่วนหัวเชิดตั้งขึ้นบนอากาศขณะที่ส่วนกลางจมลงไป น่านน้ำอีกฝั่งเรือรบบิสมาร์คดูการล่มสลายของเรือหลวงฮูด ในขณะที่เรือหลวงฮูดเคลื่อนตัวลงใต้เกลียวคลื่นป้อมปืนหัวเรือก็ยิงออกมาเป็นครั้งสุดท้ายท้าทายการระดมยิงก่อนจมลงสู่ความมืดใต้ท้องทะเล ลูกเรืออังกฤษ 1,418 คนรวมทั้งพลเรือเอกฮอลแลนด์จมลงพร้อมกับเรือหลวงฮูด ตอนนี้เรือรบบิสมาร์คและเรือรบปรินซ์ออยเก็นมาให้ความสนใจกับเรือหลวงปรินซ์ออฟเวลล์แล้ว เรือหลวงปรินซ์ออฟเวลล์ยังเป็นเรือใหม่ไม่เคยมีประสบการณ์การรบมาก่อนและมีปัญหาด้านเครื่องยนต์อยู่ด้วยปืนของเรือหลวงปรินซ์ออฟเวลล์ติดตั้งไว้มากมายแต่ 8 ใน 10 นั้นอยู่ในฐานปืนใหม่ที่ซับซ้อนซึ่งยังไม่ได้รับการทดสอบและขัดข้อง ผู้บัญชาการเรือหลวงปรินซ์ออฟเวลล์[[จอห์น ลีช]]บัญชาการให้หันกราบเรือขวาเพื่อเลี่ยงซากเรือหลวงฮูด เรือรบบิสมาร์คและเรือรบปรินซ์ออยเก็นหันปืนไปยังเรือหลวงปรินซ์ออฟเวลล์ที่โดดเดี่ยวจากนั้นก็กระหน่ำยิงทั้งอาวุธหลักและอาวุธรอง นัดแรกโดนที่ส่วนกราบหลังของเรือหลวงปรินซ์ออฟเวลล์ นัดที่สองโดนหอบังคับการกับการทางด้านหลังของฐานปืนส่วนกระสุนชุดต่อไปโดนตัวเรือที่ใต้ปั่นจั่นยกเครื่องบินกับปล่องไฟและดาดฟ้าเรือและอีก 3 นัดได้ตกลงทะเลไป แต่การกราดยิงของเรือรบ 2 ลำของเยอรมันก็มากเกินไปสำหรับเรือหลวงปรินซ์ออฟเวลล์ที่ขัดข้อง มันถูกยิงจนเสียหายถึง 7 นัด ทหารเรือ 14 นายเสียชีวิตปืนบนเรือติดค้างชะงัก หลั้งจากกระหน่ำยิงถึง 23 ครั้งเรือหลวงปรินซ์ออฟเวลล์ควันโขมงและล่าถอยไปทางตะวันออกเฉียงใต้ พลเรือเอกลึทเจนส์ปฏิเสธที่จะไม่ตามไป เรือรบบิสมาร์คได้รับความเสียหายจากกระสุน 3 นัดจากเรือหลวงปรินซ์ออฟเวลล์ทำให้น้ำทะเล 2,000 ตันไหลท่วมทะลักเข้ามาในห้องใต้ท้องเรือและถังน้ำมันก็แตกด้วย น้ำมันอันมีค่ากำลังรั่วไหล พลเรือเอกลึกเจนส์ต้องหาท่าเรือและทำการซ่อมแซมให้เร็วที่สุด เวลา 18.14 น.ของวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ.1941 เรือรบหลวงจักรีนฤเบศร์บิสมาร์คแยกทางกับเรือรบปรินซ์ออยเก็นและมุ่งหน้าไปยังฐานหลบภัยที่[[ฝรั่งเศส]]ซึ่งนาซียึดครองอยู่
ทำให้น้ำทะเล 2,000 ตันไหลท่วมทะลักเข้ามาในห้องใต้ท้องเรือและถังน้ำมันก็แตกด้วย น้ำมันอันมีค่ากำลังรั่วไหล พลเรือเอกลึกเจนส์ต้องหาท่าเรือและทำการซ่อมแซมให้เร็วที่สุด เวลา 18.14 น.ของวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ.1941 เรือรบบิสมาร์คแยกทางกับเรือรบปรินซ์ออยเก็นและมุ่งหน้าไปยังฐานหลบภัยที่[[ฝรั่งเศส]]ซึ่งนาซียึดครองอยู่
 
จากการยุทธนาวีครั้งนี้ทำให้ทั้งอังกฤษตกตะลึงและเสียขวัญเป็นอย่างมากจากเหตุการณ์นี้เพราะรู้ดีว่าเรือหลวงฮูดเป็นเรือที่ไม่มีวันจม หลังจากนั้นอังกฤษก็ได้สั่งให้กองทัพเรือและอากาศให้ตามล่าและทำลายเรือรบบิสมาร์คไปให้ถึงที่สุดไม่ว่าจะเสียอะไรก็ตามเพื่อล้างแค้นเรือหลวงฮูด