ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อเล็กซานเดอร์มหาราช"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ล แทนที่ "มาซิโดเนีย" → "มาเกโดเนีย" +แทนที่ "มาซีดอน" → "มาเดโดเนีย" +แทนที่ "มาเดโดเนีย" → "มาเกโดเ... |
|||
บรรทัด 4:
| title = เจ้าแห่งเอเชีย
| image = Aleksander-d-store.jpg
| caption = รูป
| succession1 = กษัตริย์แห่ง
| reign1 = พ.ศ. 207 – 220
| predecessor1 = [[ฟิลิปที่ 2 แห่ง
| successor1 = [[อเล็กซานเดอร์ที่ 4 แห่งมา
| succession2 =
| reign2 = พ.ศ. 211 – 220
| predecessor2 = [[ดาริอุสที่ 3]] {{small|([[จักรวรรดิอะคีเมนิด|ราชวงศ์อะคีเมนิด]])}}
| successor2 = [[อเล็กซานเดอร์ที่ 4 แห่งมา
| succession3 =
| reign3 = พ.ศ. 213 – 220
| predecessor3 = [[ดาริอุสที่ 3]] {{small|([[จักรวรรดิอะคีเมนิด|ราชวงศ์อะคีเมนิด]])}}
| successor3 = [[อเล็กซานเดอร์ที่ 4 แห่งมา
| othertitles =มหาจักรพรรดิแห่งเอเชีย
| full name = อเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งมา
| native_lang1 = [[ภาษากรีก|กรีก]]
| native_lang1_name1 ={{plainlist |
บรรทัด 25:
}}
| spouse = โรซานาแห่งแบคเทรีย <br> สตาเธียร่าที่ 2 แห่งเปอร์เซีย <br> ปารีซาติสแห่งเปอร์เซีย
| issue = [[อเล็กซานเดอร์ที่ 4 แห่งมา
| house = [[ราชวงศ์อาร์กีด|อาร์กีด]]
| house-type = ราชวงศ์
| father = [[ฟิลิปที่ 2 แห่ง
| mother = โอลิมเปียสแห่งอิพิรุส
| birth_date = 20 หรือ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 187
| birth_place = เพลลา, [[ราชอาณาจักร
| death_date = 10 หรือ 11 มิถุนายน พ.ศ. 220 (32 ชันษา)
| death_place = [[:en:Babylon|บาบิโลน]]
| religion = กรีกเทวนิยม }}
'''อเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งมา
พระเจ้าฟิลิปทรงนำแว่นแคว้นกรีกโดยมากบนแผ่นดินใหญ่กรีซให้มาอยู่ภายใต้การปกครองของ
อเล็กซานเดอร์สวรรคตที่เมือง[[บาบิโลน]] ในปีที่ 323 ก่อนคริสตกาล ก่อนจะเริ่มแผนการรบต่อเนื่องในการรุกรานคาบสมุทรอาระเบีย ในปีถัดจากการสวรรคตของอเล็กซานเดอร์ เกิดสงครามกลางเมืองทั่วไปจนอาณาจักรของพระองค์แตกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้เกิดเป็นรัฐใหญ่น้อยมากมายปกครองโดยบรรดาขุนนางชาว
== ชีวิตช่วงต้น ==
[[ไฟล์:Filip II Macedonia.jpg|180px|thumb|upright|รูปสลักของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 บิดาของอเล็กซานเดอร์]]▼
=== เชื้อสายและวัยเยาว์ ===
อเล็กซานเดอร์ประสูติเมื่อวันที่ 20 (หรือ 21) กรกฎาคม ปีที่ 356 ก่อนคริสตกาล,<ref name=PA3>Plutarch, [http://www.perseus.tufts.edu/cgi-bin/ptext?lookup=Plut.+Caes.+3.1 ''Alexander,'' 3]</ref><ref>อเล็กซานเดอร์เกิดในวันที่ 6 ของเดือน [[Attic calendar|Hekatombaion]] ตามปฏิทินแอตติก{{cite web|url=http://www.livius.org/aj-al/alexander/alexander_t32.html#7|title=The birth of Alexander at Livius.org}}</ref> ที่เมืองเพลลา เมืองหลวงของ[[ราชอาณาจักรมา
ในฐานะที่ทรงเป็นสมาชิกราชวงศ์อาร์กีด อเล็กซานเดอร์จึงถือว่าสืบเชื้อสายมาจาก[[เฮราคลีส]]ผ่านทางกษัตริย์คารานุสแห่งมา
ตามบันทึกของ[[พลูตาร์ค]] นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกโบราณ ในคืนวันก่อนวันวิวาห์ของนางโอลิมเพียสกับฟิลิป โอลิมเพียสฝันว่าท้องของนางถูกสายฟ้าฟาดเกิดเปลวเพลิงแผ่กระจายออกไป "ทั้งกว้างและไกล" ก่อนจะมอดดับไป หลังจากแต่งงานแล้ว ฟิลิปเคยบอกว่า ตนฝันเห็นตัวเองกำลังปิดผนึกครรภ์ของภรรยาด้วยดวงตราที่สลักภาพของสิงโต<ref name=PA2/> พลูตาร์คตีความความฝันเหล่านี้ออกมาหลายความหมาย เช่นโอลิมเพียสตั้งครรภ์มาก่อนแล้วก่อนแต่งงาน โดยสังเกตจากการที่ครรภ์ถูกผนึก หรือบิดาของอเล็กซานเดอร์อาจเป็นเทพ[[ซูส]] นักวิจารณ์ในยุคโบราณมีความคิดแตกแยกกันไปว่าโอลิมเพียสประกาศเรื่องเชื้อสายอันศักดิ์สิทธิ์ของอเล็กซานเดอร์ด้วยความทะเยอทะยาน บางคนอ้างว่านางเป็นคนบอกอเล็กซานเดอร์เอง แต่บางคนก็ว่านางไม่สนใจคำแนะนำทำนองนี้เพราะเป็นการไม่เคารพ<ref name=PA2/>
เส้น 54 ⟶ 55:
เมื่อยังเล็ก ผู้เลี้ยงดูอเล็กซานเดอร์คือนางอภิบาล ลาไนกี พี่สาวของ[[เคลอิตุส]]ซึ่งในอนาคตได้เป็นทั้งเพื่อนและแม่ทัพของอเล็กซานเดอร์ ครูในวัยเยาว์ของอเล็กซานเดอร์คือ[[ลีโอไนดัส]]ผู้เข้มงวด ซึ่งเป็นญาติทางฝ่ายมารดา และ[[ไลซิมาคัส]]<ref name=M33-34-R<ref name=M33-34-R>Renault, pp. 33–34.</ref><ref name=PA5>Plutarch, [http://www.perseus.tufts.edu/cgi-bin/ptext?lookup=Plut.+Caes.+5.1 ''Alexander'', 5]</ref>
เมื่ออเล็กซานเดอร์อายุได้ 10 ปี พ่อค้าม้าคนหนึ่งจากเมือง[[เทสสะลี]]นำม้ามาถวายฟิลิปตัวหนึ่ง โดยเสนอขายเป็นเงิน 13 ทาเลนท์ ม้าตัวนี้ไม่มีใครขี่ได้ ฟิลิปจึงสั่งให้เอาตัวออกไป ทว่าอเล็กซานเดอร์สังเกตได้ว่าม้านี้กลัวเงาของตัวมันเอง จึงขอโอกาสฝึกม้านี้ให้เชื่อง ซึ่งต่อมาเขาสามารถทำได้สำเร็จ ตามบันทึกของพลูตาร์ค ฟิลิปชื่นชมยินดีมากเพราะนี่เป็นสิ่งแสดงถึงความกล้าหาญและความมักใหญ่ใฝ่สูง เขาจูบบุตรชายด้วยน้ำตา และว่า "ลูกข้า เจ้าจะต้องหาอาณาจักรที่ใหญ่พอสำหรับความทะเยอทะยานของเจ้า มา
=== การศึกษา และชีวิตวัยหนุ่ม ===
เมื่ออเล็กซานเดอร์อายุได้ 13 ปี ฟิลิปตัดสินพระทัยว่าอเล็กซานเดอร์ควรได้รับการศึกษาขั้นสูงขึ้น จึงเริ่มเสาะหาอาจารย์ดีให้แก่บุตร เขาเปลี่ยนอาจารย์ไปหลายคน เช่น [[ไอโซเครตีส]] และ [[สพีอุสสิปัส]] ซึ่งเป็นผู้สืบทอดของ[[เพลโต]]ที่วิทยาลัยแห่งเอเธนส์ ซึ่งขอลาออกเองเพื่อไปรับตำแหน่ง ในที่สุดฟิลิปเสนองานนี้ให้แก่ [[อริสโตเติล]] ฟิลิปยกวิหารแห่งนิมฟ์ที่[[มีซา]]ให้พวกเขาใช้เป็นห้องเรียน ค่าตอบแทนในการสอนหนังสือแก่อเล็กซานเดอร์คือการสร้างเมืองเกิดของอริสโตเติล คือเมือง[[สตาเกรา]]ที่ฟิลิปทำลายราบไปขึ้นใหม่ และให้ฟื้นฟูเมืองนี้โดยการซื้อตัวหรือปลดปล่อยอดีตพลเมืองของเมืองนี้ที่ถูกจับตัวไปเป็นทาส และยกโทษให้แก่พวกที่ถูกเนรเทศไปด้วย<ref name=PA7>Plutarch, [http://www.perseus.tufts.edu/cgi-bin/ptext?lookup=Plut.+Caes.+7.1 ''Alexander'', 7]</ref><ref name=R65-F>Fox, ''The Search For Alexander'', p. 65.</ref><ref>Renault, p. 44.</ref><ref>McCarty, p. 15.</ref>
[[ภาพ:Hephaestion Cropped.jpg|180px|thumb|รูปสลักของ[[เฮฟีสเทียน]] เพื่อนในวัยเด็กของอเล็กซานเดอร์และต่อมาได้เป็นแม่ทัพคู่กายอเล็กซานเดอร์]]
มีเอซา เป็นเหมือนโรงเรียนประจำสำหรับอเล็กซานเดอร์และบรรดาบุตรขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์ของมา
== ทายาทของฟิลิป ==
=== ผู้สำเร็จราชการและผู้สืบทอดมา
เมื่ออเล็กซานเดอร์อายุได้ 16 ปี การร่ำเรียนกับอริสโตเติลก็ยุติลง พระเจ้าฟิลิปยกทัพไปทำสงครามกับ[[ไบแซนเทียม]]และแต่งตั้งให้อเล็กซานเดอร์รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ ระหว่างที่ฟิลิปไม่อยู่ พวก[[แมดี]]ใน[[เทรซ]]ก็แข็งเมืองต่อต้านการปกครองของ
▲[[ไฟล์:Filip II Macedonia.jpg|thumb|upright|พระเจ้าฟิลิปที่ 2 บิดาของอเล็กซานเดอร์]]
หลังจากฟิลิปกลับมาจากไบแซนเทียม พระองค์มองกองกำลังเล็กๆ ให้แก่อเล็กซานเดอร์เพื่อไปปราบปรามกบฏทางตอนใต้ของเทรซ มีบันทึกว่าอเล็กซานเดอร์ได้ช่วยชีวิตของบิดาไว้ได้ระหว่างการรบครั้งหนึ่งกับนครรัฐกรีกชื่อ[[เพรินทุส]] ในขณะเดียวกัน เมือง[[แอมฟิสซา]]ได้เริ่มการทำลายสถานสักการะเทพอพอลโลใกลักับ[[วิหารแห่งเดลฟี]] ซึ่งเป็นโอกาสให้ฟิลิปยื่นมือเข้าแทรกแซงกิจการของกรีซ ขณะที่พำนักอยู่ที่เมืองเทรซ ฟิลิปสั่งให้อเล็กซานเดอร์รวบรวมกองทัพสำหรับการรณยุทธ์กับกรีซ เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ว่านครรัฐกรีกอื่นๆ จะยื่นมือเข้ามายุ่ง อเล็กซานเดอร์จึงแสร้งทำเสมือนว่ากำลังเตรียมการไปโจมตี[[อิลลีเรีย]]แทน ในระหว่างความยุ่งเหยิงนั้น อิลลีเรียถือโอกาสมารุกราน
▲เมื่ออเล็กซานเดอร์อายุได้ 16 ปี การร่ำเรียนกับอริสโตเติลก็ยุติลง พระเจ้าฟิลิปยกทัพไปทำสงครามกับ[[ไบแซนเทียม]]และแต่งตั้งให้อเล็กซานเดอร์รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ ระหว่างที่ฟิลิปไม่อยู่ พวก[[แมดี]]ใน[[เทรซ]]ก็แข็งเมืองต่อต้านการปกครองของมาซิโดเนีย อเล็กซานเดอร์ตอบโต้อย่างฉับพลัน บดขยี้พวกแมดีและขับไล่ออกไปจากเขตแดน แล้วผนวกเมืองนี้เข้ากับอาณาจักรกรีก ตั้งเมืองใหม่ขึ้นให้ชื่อว่า [[อเล็กซานโดรโพลิส]]<ref name=PA9>Plutarch, [http://www.perseus.tufts.edu/cgi-bin/ptext?lookup=Plut.+Caes.+9.1 ''Alexander,'' 9]</ref><ref name=R68-F>Fox, ''The Search For Alexander'', p. 68.</ref><ref>Renault, p. 47.</ref><ref>Bose, p. 43.</ref>
ปีที่ 338 ก่อนคริสตกาล ฟิลิปยกทัพมาร่วมกับอเล็กซานเดอร์แล้วมุ่งหน้าลงใต้ผ่านเมือง[[เทอร์โมไพลี]]ซึ่งทำการต่อต้านอย่างโง่ๆ ด้วยกองทหารชาวธีบส์ ทั้งสองบุกยึดเมือง[[เอลาเทีย]]ซึ่งอยู่ห่างจาก[[เอเธนส์]]และ[[ธีบส์]]เพียงชั่วเดินทัพไม่กี่วัน ขณะเดียวกัน ชาวเอเธนส์ภายใต้การนำของดีมอสเทนีส ลงคะแนนเสียงให้เป็นพันธมิตรกับธีบส์เพื่อทำสงครามร่วมรบกับ
▲หลังจากฟิลิปกลับมาจากไบแซนเทียม พระองค์มองกองกำลังเล็กๆ ให้แก่อเล็กซานเดอร์เพื่อไปปราบปรามกบฏทางตอนใต้ของเทรซ มีบันทึกว่าอเล็กซานเดอร์ได้ช่วยชีวิตของบิดาไว้ได้ระหว่างการรบครั้งหนึ่งกับนครรัฐกรีกชื่อ[[เพรินทุส]] ในขณะเดียวกัน เมือง[[แอมฟิสซา]]ได้เริ่มการทำลายสถานสักการะเทพอพอลโลใกลักับ[[วิหารแห่งเดลฟี]] ซึ่งเป็นโอกาสให้ฟิลิปยื่นมือเข้าแทรกแซงกิจการของกรีซ ขณะที่พำนักอยู่ที่เมืองเทรซ ฟิลิปสั่งให้อเล็กซานเดอร์รวบรวมกองทัพสำหรับการรณยุทธ์กับกรีซ เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ว่านครรัฐกรีกอื่นๆ จะยื่นมือเข้ามายุ่ง อเล็กซานเดอร์จึงแสร้งทำเสมือนว่ากำลังเตรียมการไปโจมตี[[อิลลีเรีย]]แทน ในระหว่างความยุ่งเหยิงนั้น อิลลีเรียถือโอกาสมารุกรานมาซิโดเนีย แต่อเล็กซานเดอร์ก็สามารถขับไล่ผู้รุกรานไปได้<ref name=Renault47-49>Renault, pp. 47–49.</ref>
▲ปีที่ 338 ก่อนคริสตกาล ฟิลิปยกทัพมาร่วมกับอเล็กซานเดอร์แล้วมุ่งหน้าลงใต้ผ่านเมือง[[เทอร์โมไพลี]]ซึ่งทำการต่อต้านอย่างโง่ๆ ด้วยกองทหารชาวธีบส์ ทั้งสองบุกยึดเมือง[[เอลาเทีย]]ซึ่งอยู่ห่างจาก[[เอเธนส์]]และ[[ธีบส์]]เพียงชั่วเดินทัพไม่กี่วัน ขณะเดียวกัน ชาวเอเธนส์ภายใต้การนำของดีมอสเทนีส ลงคะแนนเสียงให้เป็นพันธมิตรกับธีบส์เพื่อทำสงครามร่วมรบกับมาซิโดเนีย ทั้งเอเธนส์และฟิลิปพากันส่งทูตไปเพื่อเอาชนะใจธีบส์ แต่ทางเอเธนส์เป็นฝ่ายประสบความสำเร็จ<ref name=M50-51-R>Renault, pp. 50–51.</ref><ref>Bose, pp. 44–45</ref><ref>McCarty, p. 23</ref> ฟิลิปยกทัพไปแอมฟิสซา จับกุมทหารรับจ้างที่ดีมอสเทนีสส่งไป แล้วเมืองนั้นก็ยอมจำนน ฟิลิปกลับมาเมืองเอลาเทียและส่งข้อเสนอสงบศึกครั้งสุดท้ายไปยังเอเธนส์และธีบส์ แต่ทั้งสองเมืองปฏิเสธ<ref name=M51-R>Renault, p. 51.</ref><ref>Bose, p. 47.</ref><ref>McCarty, p. 24.</ref>
[[ไฟล์:Alexander1256.jpg|thumb|left|150px|รูปปั้นอเล็กซานเดอร์ ที่พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งอิสตันบูล]]▼
ฟิลิปยกทัพลงใต้ แต่ถูกสกัดเอาไว้บริเวณใกล้เมืองไคโรเนียของโบโอเทีย โดยกองกำลังของเอเธนส์และธีบส์ ระหว่าง[[การสัประยุทธ์แห่งไคโรเนีย]] ฟิลิปบังคับบัญชากองทัพปีกขวา ส่วนอเล็กซานเดอร์บังคับบัญชากองทัพปีกซ้าย ร่วมกับกลุ่มนายพลซึ่งเป็นที่ไว้วางใจของฟิลิป ตามแหล่งข้อมูลโบราณ ทั้งสองฟากของกองทัพต้องต่อสู้อย่างหนักเป็นเวลายาวนาน ฟิลิปจงใจสั่งให้กองทัพปีกขวาของตนถอยทัพเพื่อให้ทหาร[[ฮอพไลท์]]ของเอเธนส์ติดตามมา ทำลายแถวทหารของฝ่ายตรงข้าม ส่วนปีกซ้ายนั้นอเล็กซานเดอร์เป็นคนนำหน้าบุกเข้าตีแถวทหารของธีบส์แตกกระจาย โดยมีนายพลของฟิลิปตามมาติดๆ เมื่อสามารถทำลายสามัคคีของกองทัพฝ่ายศัตรูได้แล้ว ฟิลิปสั่งให้กองทหารของตนเดินหน้ากดดันเข้าตีทัพศัตรู ทัพเอเธนส์ถูกตีพ่ายไป เหลือเพียงทัพธีบส์ต่อสู้เพียงลำพัง และถูกบดขยี้ลงอย่างราบคาบ<ref name="DiodXVI">Diodorus Siculus, [http://www.perseus.tufts.edu/cgi-bin/ptext?lookup=Diod.+16.86.1 ''Library XVI, 86'']</ref>
เส้น 78 ⟶ 76:
=== การลี้ภัยและหวนกลับคืน ===
▲[[ไฟล์:Alexander1256.jpg|thumb|left|
หลังจากกลับมาเมืองเพลลา ฟิลิปตกหลุมรักกับคลีโอพัตรา ยูรีไดส์ แห่งมา
อเล็กซานเดอร์รู้สึกเสียหน้ามากจากการหย่าร้างระหว่างพระชนกกับพระชนนีครั้งนี้ ประกอบกับภัยที่กำลังคุกคามการสืบทอดอำนาจของพระองค์ ทำให้เกิดการโต้เถียงกับพระชนกอย่างรุนแรง พระองค์(อเล็กซานเดอร์หนี)และพระชนนี โอลิมปีอัส หนีออกจากมา
ปีถัดมา พิโซดารุส เจ้าเมืองเปอร์เซียผู้ปกครอง[[คาเรีย]] ได้เสนองานวิวาห์ระหว่างบุตรสาวคนโตของตนกับฟิลิป [[อาร์ริดาอุส]] ซึ่งเป็นพี่น้องต่างมารดาของอเล็กซานเดอร์ โอลิมเพียสกับเพื่อนอีกหลายคนของอเล็กซานเดอร์เห็นว่าสิ่งนี้แสดงถึงความตั้งใจของฟิลิปที่จะแต่งตั้งให้อาร์ริดาอุสเป็นรัชทายาท อเล็กซานเดอร์ตอบโต้โดยส่งเทสซาลุสแห่งโครินธ์ นักแสดงผู้หนึ่งไปแจ้งแก่พิโซดารุสว่าไม่ควรเสนอให้บุตรสาวของตนแต่งงานกับบุตรชายผู้ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทว่าควรให้แต่งงานกับอเล็กซานเดอร์มากกว่า เมื่อฟิลิปทราบเรื่องนี้ก็ตำหนิดุด่าอเล็กซานเดอร์อย่างรุนแรง แล้วเนรเทศสหายของอเล็กซานเดอร์ 4 คนคือ ฮาร์พาลุส นีอาร์คุส ทอเลมี และเอริไกอุส ทั้งให้ล่ามตรวนเทสซาลุสกลับมาส่งให้ตน<ref name=McCarty27/><ref>Renault, p. 59.</ref><ref>Fox, ''The Search For Alexander'', p. 71.</ref>
== กษัตริย์แห่งมา
=== การขึ้นครองราชย์ ===
ปีที่ 336 ก่อนคริสตกาล ขณะที่ฟิลิปอยู่ที่ [[Aegae]] เข้าร่วมในพิธีวิวาห์ระหว่าง [[คลีโอพัตราแห่งมา
=== การรวบรวมอำนาจ ===
เส้น 99 ⟶ 96:
[[ไฟล์:Napoli BW 2013-05-16 16-24-01.jpg|thumb|240px|right|ภาพโมเสคที่ค้นพบที่ซากเมืองปอมเปอีย์ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์รบ กับ กษัตริย์ดาไรอุสที่ 3 แห่งเปอร์เซีย ณ สมรภูมิกัวกาเมล่า ในศึกแห่งอิสซุส(รูปนี้ถ้าเป็นรูปเต็ม จะมีรูปกษัตริย์ดาไรอุสตกพระทัยจากหอกที่พุ่งใส่ อยู่บนรถม้าอยู่ทางขวามือ โดยรูปนี้แสดงถึงความกล้าหาญของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ และความอ่อนแอของกษัตริย์ดาไรอุส โดยรูปนี้นับเป็นรูปที่มีชื่อเสียงที่สุดของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ด้วย)]]
เมื่อต้นเดือน[[ตุลาคม]][[พ.ศ. 212]] หรือ เมื่อ 333 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์ยาตราทัพสู่อาณาจักรเปอร์เซีย เพื่อท้ารบกับกษัตริย์ดาไรอุสที่ 3 แห่งเปอร์เซีย ที่เชื่อว่าเป็นผู้จ้างคนลอบสังหารพระเจ้าฟิลิปที่ 2 พระบิดาของพระองค์ ในศึกแห่งอิสซุส ทัพของทั้งคู่เผชิญหน้ากันที่กัวกาเมล่า (ในตะวันออกกลาง หรือพื้นที่ส่วนมากของ[[ประเทศอิรัก]]ในปัจจุบัน) โดยที่กองทัพของอเล็กซานเดอร์มหาราชมีเพียง 20,000 เท่านั้น ขณะที่กองทัพเปอร์เซียมีนับแสน แต่ด้วยความกล้าหาญของทหาร
== การรบครั้งสุดท้าย ==
เมื่อ [[พ.ศ. 216]] พระองค์ได้ทะลุถึง[[ตักศิลา|กรุงตักกศิลา]] (Taxila) [[แคว้นคันธาระ]]
เมืองที่มีชื่อเสียงด้านการศึกษาทั้งพุทธศาสนา และพราหมณ์ ณ ที่นี่[[พระเจ้าอัมพิราชา]] (Ambhiraja) ไม่ได้ทรงต่อต้านเพราะเห็นว่า ตัวเองมีกำลังอำนาจไม่เข้มแข็ง พอที่จะต้านศัตรูต่างแดนได้ จึงได้เปิดเมืองต้อนรับอเล็กซานเดอร์ ซึ่งพระองค์ก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่ให้ตักกศิลาเป็นเมืองขึ้นต่อ
การรบครั้งสุดท้ายที่มีผู้ต่อกรกับอเล็กซานเดอร์มหาราชอย่างจริงจัง เมื่อพระองค์ยกกองทัพเข้ามาทางภาคเหนือของอินเดียในปี [[พ.ศ. 217]] โดยเข้าสู่บริเวณลุ่ม [[แม่น้ำสินธุ]] แล้วบุกตระลุยลงมาสู่เมืองนิเกีย (Nicaea) [[รัฐปัญจาบ|แคว้นปัญจาบ]] ในพระเจ้าโปรัสหรือพระเจ้าพอรุส (Porus) (หากใช้สำเนียงเอเซียจะเรียกว่า[[พระเจ้าเปารวะ]]) พระเจ้าเปารวะเป็นผู้เข้มแข็งในการรบ ซึ่งมีพระสมญาว่า "สิงห์แห่งปัญจาบ" ได้รับแจ้งข่าวกับบรรดามหาราชาแห่งอินเดียว่ามีข้าศึกชาวตะวันตกผมบรอนซ์ตาสีฟ้ายกทัพข้ามภูเขาฮินดูกูชเข้ามา ฝ่ายอินเดียระดมกำลังพลทหารราบ 40,000 ทหารม้า 4,000 รถศึกอีก 500 และกองทัพช้างมหึมาจำนวน 500 เชือกรอรับอยู่ กองทัพกรีกพร้อมทหารตักกศิลาเป็นพันธมิตร ที่มีกำลังพลจำนวน 17,000 โดยมีอเล็กซานเดอร์เป็นแม่ทัพกับกองทัพปัญจาบ ของฝ่ายอินเดียโดยมีพระเจ้าเปารวะเป็นแม่ทัพ โดยพระองค์ได้มองเห็นทัพพระเจ้าเปารวะตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามแม่น้ำวิตัสตะ อันเป็นสาขาของแม่น้ำสินธุ เมื่อถึงตอนกลางคืนทัพของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ปะทะกันที่ฝั่งแม่น้ำ และเริ่มโจมตีอย่างฉับพลัน ทัพของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ข้ามแม่น้ำสำเร็จโดยอาศัยธรรมชาติช่วย แต่ทหารม้าของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชไม่เคยสู้รบกับช้าง ประกอบกับเกิดความสับสนอลหม่านจึงบังเกิดความแตกตื่นอลหม่านขึ้น ช้างศึกจึงอาละวาดเหยียบทั้งทหารตนเองและทหารกรีก และ ทหารหอกยาวนับหมื่นของพระองค์ก็ได้พยายามต่อสู้อย่างเต็มความสามารถ นี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่รบมาเป็นเวลา 15 ปีที่กองทหารหอก ([[Phalanx]]) อันมีระเบียบวินัยในพระองค์บาดเจ็บจนบ้าเลือดบุกตะลุยไปทั่ว ทำร้ายไม่ว่าจะเป็นทหารจากฝ่ายใด การรบวันนั้นต้องสิ้นสุดลงด้วยการหย่าศึก เพราะบาดเจ็บล้มตายกับทั้งสองข้าง แต่ถึงอย่างไรพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชก็ยังทรงได้รับชัยชนะอยู่ดี เพราะพระเจ้าเปารวะถูกลูกศรขณะที่ทรงช้างจนพระองค์บาดเจ็บสาหัส และทัพอินเดียของพระเจ้าเปารวะก็แพ้อย่างยับเยิน พร้อมกับถูกนายทหารกรีกจับตัวมาเฝ้าพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ในฐานะเชลยสงคราม เมื่อพระเจ้าเปารวะถูกจับมาเผชิญพระพักตร์กับพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ มหาราชตรัสถามว่า
เส้น 121 ⟶ 118:
เสร็จศึกในครั้งนั้นอเล็กซานเดอร์มหาราช ได้สดับความมั่งคั่งสมบูรณ์ของ[[แคว้นมคธ]] และได้ตระเตรียมยาตราทัพมาตี แต่ทหารของพระองค์ที่ร่วมศึกกับพระองค์มาตั้งแต่เป็น[[พระยุพราช]]เป็นเวลา 15 ปีที่ไม่ได้กลับบ้านกลับเมือง พากันเบื่อหน่ายการรบ โดยให้ความเห็นว่าถ้าตีมคธได้ก็คงตีแคว้นอื่นต่อไปอีกไม่มีกำหนดสิ้นสุด ประกอบกับ ทหารบางคนลังเลและก่อกบฏไม่ยอมสู้รบอีกต่อไป<ref>http://my.dek-d.com/kotore/blog/?blog_id=208493</ref> อเล็กซานเดอร์มหาราชจึงต้องจำพระทัยเลิกทัพกลับ ช่วงนิวัตกลับอเล็กซานเดอร์มหาราชแบ่งกองทัพออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้กลับทางบก ส่วนพระองค์นิวัตโดยทางชลมาร์คลงมาตามแม่น้ำสินธุอย่างผู้พิชิตพร้อมด้วยทหารฝ่ายที่เหลือ รวมเวลาที่อเล็กซานเดอร์มหาราชรบอยู่ในอินเดีย 1 ปี กับ 8 เดือน พระองค์ได้เสด็จฯไปยังกรุงบาบิลอน โดยนำทัพย้อนกลับมาทางตะวันตกผ่านดินแดนแห้งแล้ง ทางตอนใต้ของอิหร่าน ในช่วงเส้นทางนี้มีทหารล้มตายหลายพันคน เนื่องจากแสงแดดแผดร้อน แห้ง และขาดน้ำ แต่ในท้ายที่สุด พระองค์ก็พาเหล่าทหารที่เหลือเดินทางมาจนถึงบาบิโลนในเมโสโปเตเมีย ซึ่งเป็นนครเอกของโลกในเวลานั้น<ref>http://my.dek-d.com/kotore/blog/?blog_id=208493</ref>
==การสวรรคต ==
แม้อเล็กซานเดอร์จะมีมเหสีอยู่ 3 องค์ แต่สาเหตุที่ทำการอภิเษกสมรสนั้นก็ล้วนเกิดจากปัจจัยทางการเมืองเป็นสำคัญ ดังที่คนส่วนใหญ่ทราบกันดีว่าความสัมพันธ์ของพระองค์กับทหารและเพื่อนสนิทที่มีนามว่า [[เฮฟีสเทียน]] นั้นลึกซึ่งเกินกว่าคำว่าเพื่อนสนิทหรือเจ้ากับข้า [[อริสโตเติล]]ได้อธิบายว่าอเล็กซานเดอร์กับเฮฟีสเทียนนั้นเป็น ''"หนึ่งวิญญาณที่ดำรงอยู่ในสองร่าง"''<ref>Curtius 3.12.17</ref> เมื่อเฮฟีสเทียนเสียชีวิตจากอาการป่วย อเล็กซานเดอร์โทมมนัสนอนกอดศพของเฮฟีสเทียนและร้องไห้อยู่สองวันสองคืนโดยที่ไม่ได้เสวยอะไรเลย<ref>Arrian 7.15.1</ref> ไม่ตอบสนองต่อสิ่งรอบข้าง<ref>Arrian 7.15.3</ref>
[[พลูตาร์ก]]ได้บันทึกว่า ในปี [[พ.ศ. 220]] ตรงกับฤดูใบไม้ผลิ เมื่ออเล็กซานเดอร์เสด็จฯไปถึงเมืองบาบิโลนเพื่อไปทอดพระเนตรสุสานที่เก็บศพเฮฟีสเทียนพระสหายสนิท แต่กลับยังสร้างไม่เสร็จ ปรากฏว่าพระองค์ทรงยกเลิกพิธีเคารพศพกลับมาเสวยน้ำจัณฑ์ติดต่อกันหลายวัน ด้วยความตรอมใจและพระวรกายทรุดโทรม ทำให้อเล็กซานเดอร์เสด็จสวรคตเพียงไม่กี่เดือนให้หลังเฮฟีสเทียนเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม สาเหตุการสวรรคตยังไม่เป็นที่แน่ชัด บ้างสันนิษฐานว่า ทรงถูกลอบปลงพระชนม์โดยการวางยาพิษในไวน์
== เชิงอรรถ ==
[[ไฟล์:Hecataeus world map-en.svg|200px|thumb|right|แผนที่โลกตามความคิดของชาวกรีกในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช]]
{{fnb|1}} ในเวลาที่อเล็กซานเดอร์สวรรคต พระองค์สามารถพิชิตจักรวรรดิเปอร์เซียทั้งหมด ผนวกดินแดนเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร
{{fnb|2}} ตัวอย่างเช่น [[ฮันนิบาล]] ยกย่องอเล็กซานเดอร์ว่าเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด<ref>{{cite book |last=Goldsworthy |first=A. |title=The Fall of Carthage |publisher=Cassel |date=2003 |isbn=0304366420}}</ref> [[จูเลียส ซีซาร์]] ร่ำไห้เมื่อเห็นอนุสาวรีย์ของอเล็กซานเดอร์ เพราะพระองค์ประสบความสำเร็จได้เพียงน้อยนิดขณะเมื่ออายุเท่ากัน<ref name="Plutarch, Caesar, 11">Plutarch, Caesar, 11</ref>[[พอมพี]] แสดงตัวว่าเป็น "อเล็กซานเดอร์คนใหม่"<ref>{{cite book|author=Holland, T.|title=Rubicon: Triumph and Tragedy in the Roman Republic |year=2003 |publisher=Abacus|isbn=9780349115634}}</ref> [[นโปเลียน โบนาปาร์ต]] ก็เปรียบเทียบตนเองกับอเล็กซานเดอร์<ref>{{cite book|author=Barnett, C. |title=Bonaparte |publisher=Wordsworth Editions |year=1997 |isbn=1853266787}}</ref>
เส้น 217 ⟶ 214:
[[หมวดหมู่:ราชวงศ์อียิปต์โบราณ]]
[[หมวดหมู่:ผู้ปกครองยุคเฮลเลนิสติก]]
[[หมวดหมู่:พระมหากษัตริย์มา
[[หมวดหมู่:มหาราช]]
[[หมวดหมู่:พระมหากษัตริย์ที่ขึ้นครองราชย์ขณะทรงพระเยาว์]]
|