ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การกอบกู้เอกราชของเจ้าตาก"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1:
{{การสงครามในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี}}▼
'''การกอบกู้เอกราชของเจ้าตาก''' นับเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งเป็นการรวบรวมกองกำลังของ[[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี|เจ้าตาก]] เพื่อขับไล่กองทัพพม่าที่ยังคงหลงเหลืออยู่ใน[[อาณาจักรอยุธยา|กรุงศรีอยุธยา]] ภายหลัง[[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]] อันส่งผลให้เกิด[[สภาพจลาจลหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง|สภาพจลาจลโดยทั่วไป]] ราชอาณาจักรอยุธยาเดิมจึงถูกแบ่งออกเป็นชุมนุมต่าง ๆ เป็นอิสระต่อกัน
ราวปี [[พ.ศ. 2309]] ก่อนเสียกรุง พระยาตากได้นำทหารในบังคับบัญชาตีฝ่าวงล้อมของกองทัพพม่าไปทางด้านทิศตะวันออกของกรุงศรีอยุธยา เพื่อรวบรวมผู้คนและยุทธปัจจัยต่าง ๆ มาสู้รบกับกองทัพพม่าอีกครั้ง ในระหว่างนั้นยังได้ตั้งตนเป็นเจ้า
== เบื้องหลัง ==
{{ดูเพิ่มที่|การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง}}
หลังจากกรุงแตกแล้ว กองทัพพม่าได้พักอยู่ถึงวันที่ [[6 มิถุนายน]] พ.ศ. 2310<ref>ขจร สุขพานิช. หน้า 270.</ref> ก่อนจะรวบรวมเชลยและทรัพย์สมบัติแล้วยกทัพกลับ
หลังจากนั้น
== นโยบายทางการเมือง ==
พระยาตากได้ประกาศนโยบายรื้อฟื้นราชอาณาจักรอยุธยา ซึ่งมีความแตกต่างจากชุมนุม
อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวยังอาจมองได้ในอีกแง่หนึ่ง คือ พระยาตากได้ประกาศตนเป็นพระเจ้าแผ่นดินนับตั้งแต่ยกทัพออกจากกรุงศรีอยุธยาแล้ว ทำให้กองกำลังของพระยาตากเป็น "กลุ่มการเมืองติดอาวุธ"<ref>นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2550). '''การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี'''. โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด. หน้า 126-128.</ref> จึง
== การตั้งตนเป็นใหญ่ ==
=== เส้นทางเดินทัพของพระยาตาก ===
▲[[ไฟล์:เส้นทางเดินทัพของพระเจ้าตาก.jpg |thumb|300px|left|เส้นทางเดินทัพของพระยาตาก]]
ในวันที่ [[3 มกราคม|3 มกราคม]] [[พ.ศ. 2309|พ.ศ. 2309]] ซึ่งตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจอ อัฐศก พระยาตากเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาคงต้องเสียทีแก่พม่า จึงตัดสินใจร่วมกับ[[พระยาพิชัยดาบหัก|พระยาพิชัย]] พระเชียงเงิน หลวงพรหมเสนา หลวงราชเสน่หา ขุนอภัยภักดี พร้อมด้วยทหารกล้าราว 500 คน<ref>พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรีฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ว่า "ประมาณ 1000 เศษ"</ref> มีปืนเพียงกระบอกเดียว แต่ชำนาญด้านอาวุธสั้น<ref>พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์, '''สามกรุง''' (พระนคร : คลังวิทยา,2511) หน้า 60.</ref> ยกกำลังออกจากค่ายวัดพิชัย และตีฝ่าวงล้อมทหารพม่าไปทางทิศตะวันออก มุ่งตรงไปยังบ้านโพธิ์สังหาร<ref>พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ว่า "บานโพสามหาว โพสาวหาร และโพสังหาร"</ref>
ขณะที่เนื้อความใน คำให้การขุนหลวงหาวัด เอกสารที่ใกล้เคียงกับยุคสมัยมากกว่า ได้ระบุว่ามีราชโองการให้ "พระยาตาก" พระยาเพชรบุรีและหลวงสุรเสนีแต่งทัพเรือไปคอยดักสกัดทัพเรือพม่าที่วัดใหญ่ พระยาเพชรบุรีนำกำลังรุดเข้าตีทหารพม่าก่อนแต่กลับพ่ายแพ้
รุ่งเช้า ได้ต่อสู้กับกองทหารพม่าจนล้มตายและบางส่วนแตกหนีไป ก่อนเดินทางไปตั้งค่ายพักอยู่[[บ้านพรานนก]] ในขณะนั้นมีทหารพม่ากองหนึ่งซึ่งประกอบด้วยทหารม้าประมาณ 30 คน ทหารเดินเท้าประมาณ 200 คน เดินทางมาจากแขวงเมือง[[ปราจีนบุรี]]<ref>สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, [http://www.dld.go.th/lsra_ray/prajen.doc สภาพทั่วไปและข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตรของจังหวัดปราจีนบุรี]</ref> สวนทางมาพบทหารพระยาตากที่เที่ยวหาเสบียงอาหาร ทหารพม่าก็ไล่ตามมา
พวกราษฎรที่หลบซ่อน
พระยาตากได้ยกกองทัพผ่านเมืองฉะเชิงเทรา ชลบุรี แล้วจึงเดินทางต่อไปยังบ้านนาเกลือ แขวงเมือง[[บางละมุง]] เมื่อถึงเมือง[[ระยอง]] เจ้าเมืองระยองซึ่งได้ยินกิติศัพท์ของพระยาตากก็ยอมอ่อนน้อมเชิญให้เข้าเมือง นับตั้งแต่ได้ถอนตัวออกจากการป้องกันพระนครนั้น ภายในเวลาไม่ถึงเดือน
การประกาศยึดเมืองระยองได้กระทำกลางทุ่งนาและไพร่พลจำนวนมาก พระยาตากได้ประทับ ณ บริเวณวัดลุ่มมหาชัยชุมพล หลังจากนั้น
อันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยาได้ในวันที่ [[7 เมษายน|7 เมษายน]] [[พ.ศ. 2310|พ.ศ. 2310]]
{{คำพูด|ตัวเราคิดจะซ่องสุมประชาราษฎรในแขวงหัวเมืองให้ได้มาก แล้วจะยกกลับไปกู้กรุงให้คงคืนเป็นราชธานีดังเก่า แล้วจัดทำนุบำรุงสมณพราหมณาประชาราษฎร ซึ่งอนาถาหาที่พำนักมิได้ให้ร่มเย็นเป็นสุขานุสุข แล้วจะยอยกพระบวรพุทธศาสนาให้โชตนาการขึ้นเหมือนอย่างแต่ก่อน เราจะตั้งตัวเป็นเจ้าขึ้นให้คนทั้งหลายยำเกรงจงมาก ซึ่งจะก่อกู้แผ่นดินจึงจะสำเร็จโดยง่าย ท่านทั้งหลายจะเห็นประการใด|พระยาตาก}}
=== การยึดจันทบุรี ===
เจ้าตากเดินทัพจากระยองผ่านแกลงเข้า[[บางกระจะ]] มุ่งยึด[[จันทบุรี]] เจ้าเมืองจันทบุรีไม่ยอมสวามิภักดิ์
ในวันเสาร์ที่ [[14 มิถุนายน|14 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2310|พ.ศ. 2310]] ครั้นถึงเวลา 19.00 น. เจ้าตากจึงได้สั่งให้ทหารไทยและจีนลอบเข้าไปอยู่ตามสถานที่ที่ได้วางแผนไว้แล้ว ให้คอยฟังสัญญาณเข้าตีเมืองพร้อมกัน จึงให้โห่ขึ้นให้พวกอื่นรู้ เมื่อเวลา 03.00 น. เจ้าตากก็ขึ้นคอช้างพัง[[คีรีบัญชร]] ให้ยิงปืนสัญญาณ
▲เจ้าตากเดินทัพจากระยองผ่านแกลงเข้า[[บางกระจะ]] มุ่งยึด[[จันทบุรี]] เจ้าเมืองจันทบุรีไม่ยอมสวามิภักดิ์ หากเจ้าตากต้องการยึดเมืองจันทบุรีไว้เป็นที่มั่น เพื่อรวบรวมกำลังกลับมาตีพม่า จึงสั่งทหารทุกคนว่า ''"เราจะตีเมืองจันทบุรีในค่ำวันนี้ เมื่อกองทัพหุงข้าวเสร็จแล้ว ทั้งนายไพร่ให้เททิ้งอาหารที่เหลือและต่อยหม้อเสียให้หมด หมายไปกินข้าวเช้าด้วยกันที่ในเมืองเอาพรุ่งนี้ ถ้าตีเอาเมืองไม่ได้ในค่ำวันนี้ ก็จะให้ได้ตายเสียด้วยกันให้หมดทีเดียว"''<ref>ศรรวริศา เมฆไพบูลย์,ศิริโชค เลิศยะใส. ''NATIONAL GEOGRAPHIC ฉบับที่ 77 ธันวาคม 2550''. กรุงเทพฯ : อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน),หน้า 51.[[ISSN 1513-9840]]</ref>
หลังจากนั้น เจ้าตากได้เคลื่อนทัพไปยังเมือง[[ตราด]] พวกกรมการและราษฎรเกิดความเกรงกลัวต่างพากันมาอ่อนน้อมโดยดี ที่ปากน้ำเมืองตราดมีเรือสำเภาจีนมาทอดทุ่นอยู่หลายลำ เจ้าตากได้เรียกนายเรือมาพบ แต่พวกจีนนายเรือขัดขืนต่อสู้ เจ้าตากจึงนำกองเรือไปล้อมสำเภาจีนเหล่านั้น ได้ทำการต่อสู้กันอยู่ประมาณครึ่งวัน
▲ในวันเสาร์ที่ [[14 มิถุนายน|14 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2310|พ.ศ. 2310]] ครั้นถึงเวลา 19.00 น. เจ้าตากจึงได้สั่งให้ทหารไทยและจีนลอบเข้าไปอยู่ตามสถานที่ที่ได้วางแผนไว้แล้ว ให้คอยฟังสัญญาณเข้าตีเมืองพร้อมกัน จึงให้โห่ขึ้นให้พวกอื่นรู้ เมื่อเวลา 03.00 น. เจ้าตากก็ขึ้นคอช้างพัง[[คีรีบัญชร]] ให้ยิงปืนสัญญาณ พร้อมกับบอกพวกทหารเข้าตีเมืองพร้อมกัน<ref>จังหวัดตาก, '''ตากสินมหาราชานุสรณ์''' งานฉลองวันขึ้นปีใหม่ ปีที่ 22 พ.ศ. 2515 (พระนคร : มิตรสยาม 2514) หน้า 113.</ref> ส่วนเจ้าตากก็ไสช้างเข้าพังประตูเมืองจนทำให้บานประตูเมืองพังลง ทหารเจ้าตากจึงกรูกันเข้าเมืองได้ พวกชาวเมืองต่างพากันละทิ้งหน้าที่หนีไป ส่วนพระยาจันทบุรีก็พาครอบครัวลงเรือหนีไปยังเมือง[[บันทายมาศ]]<ref>กรมตำรากระทรวงธรรมการ, '''พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี แผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (พระเจ้าตากสิน) จุลศักราช 1128-1144'''. พิมพ์ครั้งที่ 4 ; พระนคร : โรงพิมพ์กรมตำรากระทรวงพระธรรมการ, 2472. หน้า 20-26.</ref> เจ้าตากตีเมืองจันทบุรีได้ เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 7 แรม 3 ค่ำ จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก เพลา 3 ยามเศษ ตรงกับวันที่ [[15 มิถุนายน|15 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2310|พ.ศ. 2310]] เวลาประมาณ 03.00 น. หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาแล้ว 2 เดือน
▲หลังจากนั้น เจ้าตากได้เคลื่อนทัพไปยังเมือง[[ตราด]] พวกกรมการและราษฎรเกิดความเกรงกลัวต่างพากันมาอ่อนน้อมโดยดี ที่ปากน้ำเมืองตราดมีเรือสำเภาจีนมาทอดทุ่นอยู่หลายลำ เจ้าตากได้เรียกนายเรือมาพบ แต่พวกจีนนายเรือขัดขืนต่อสู้ เจ้าตากจึงนำกองเรือไปล้อมสำเภาจีนเหล่านั้น ได้ทำการต่อสู้กันอยู่ประมาณครึ่งวัน เจ้าตากก็ยึดสำเภาจีนไว้ได้หมด ได้ทรัพย์สินสิ่งของมาเป็นจำนวนมาก
เมื่อสิ้นฤดูมรสุม
▲== แผนปฏิบัติการกอบกู้กรุงศรีอยุธยา ==
▲หลังจากนั้น เจ้าตากได้เดินทางกลับจาก[[ตราด]]มาตั้งมั่นรวบรวมผู้คนอยู่ที่เมือง[[จันทบุรี]] เพื่อวางแผนปฏิบัติการรบเพื่อตีกรุงศรีอยุธยาคืนจากข้าศึก พร้อมกับสั่งให้ต่อเรือรบและรวบรวมเครื่องศัตราวุธและยุทธภัณฑ์ภายในเวลา 3 เดือน พร้อมกับฝึกไพร่พลให้พร้อมที่จะปฏิบัติการ
▲เมื่อสิ้นฤดูมรสุม ในเดือนตุลาคม [[พ.ศ. 2310|พ.ศ. 2310]] เจ้าตากได้ยกกองทัพเรือจากจันทบุรีเข้ามาทางปาก[[แม่น้ำเจ้าพระยา]] แล้วเข้าโจมตีข้าศึกที่เมือง[[ธนบุรี]] เมื่อเจ้าตากยึดเมืองธนบุรีและปราบนายทองอินได้แล้ว<ref>พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์, '''สามกรุง''' (พระนคร:คลังวิทยา 2511) หน้า 98.</ref> จึงเคลื่อนทัพต่อไปที่กรุงศรีอยุธยา เข้ายึดค่ายโพธิ์สามต้น ปราบพม่าจนราบคาบ จึงสามารถกอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนมา เมื่อวันศุกร์ เดือน 12 ขึ้น 15 ค่ำ จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก เวลาบ่ายโมงเศษ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ [[6 พฤศจิกายน|6 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2310|พ.ศ. 2310]] เวลาประมาณ 13.00 น. ใช้เวลา 7 เดือนหลังจากคราวเสียกรุงศรีอยุธยา
== ปราบดาภิเษก ==
{{ดูเพิ่มที่|อาณาจักรธนบุรี}}
[[ไฟล์:ธนบัตร_20_บาท_แบบที่_12.jpg|thumb|300px|ภาพประธานด้านหลัง[[ธนบัตร 20 บาท]] แบบที่ 12 เป็นพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จำลองจากพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ สวนสาธารณะทุ่งนาเชย [[อำเภอเมืองจันทบุรี]] [[จังหวัดจันทบุรี]] ]]
หลังจากสร้างพระราชวังบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว
เดิมพระองค์ทรงคิดที่จะปฏิสังขรณ์พระนครศรีอยุธยาให้กลับคืนเป็นดังเดิม<ref>พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์, '''สามกรุง''' (พระนคร:คลังวิทยา 2511) หน้า 98.</ref> แต่
▲หลังจากสร้างพระราชวังบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว เมื่อทรงจัดการบ้านเมืองเรียบร้อยพอสมควร บรรดาแม่ทัพ นายกอง ขุนนาง ข้าราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน ตลอดทั้งสมณะพราหมณาจารย์และอาณาประชาราษฎร์ทั้งหลาย จึงพร้อมกันกราบบังคมทูลอัญเชิญขึ้นทรงปราบดาภิเษก เป็นพระมหากษัตริย์ ณ วันจันทร์ ขึ้น 8 ค่ำ เดือนยี่ ปีกุน จุลศักราช 1128 ซึ่งตรงกับวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 ทรงพระนามว่า ''พระศรีสรรเพชญ์'' หรือ ''สมเด็จพระบรมราชาที่ 4'' แต่เรียกขานพระนามของพระองค์ติดปากว่า ''สมเด็จพระเจ้าตากสิน'' หรือ ''สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี''
▲เดิมพระองค์ทรงคิดที่จะปฏิสังขรณ์พระนครศรีอยุธยาให้กลับคืนเป็นดังเดิม<ref>พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์, '''สามกรุง''' (พระนคร:คลังวิทยา 2511) หน้า 98.</ref> แต่แล้วหลังจากตรวจดูความพินาศของเมือง จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อพยพผู้คนและทรัพย์สินลงมาทางใต้ และตั้งราชธานีใหม่ขึ้นที่เมืองธนบุรี เรียกนามว่า '''กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร'''
ปรากฏว่าที่เมือง[[ลพบุรี]] มี[[พระบรมวงศานุวงศ์]]ของราชวงศ์อยุธยามาพำนักอยู่เป็นจำนวนมาก พระเจ้าตากจึงรับสั่งให้คนไปอัญเชิญมายังเมืองธนบุรี พระองค์ทรงขุดพระบรมศพของ[[พระเจ้าเอกทัศ]] ขึ้นมาถวายพระเพลิงตามโบราณราชประเพณี<ref>กรมตำรากระทรวงธรรมการ, '''พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี แผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (พระเจ้าตากสิน) จุลศักราช 1128-1144'''. พิมพ์ครั้งที่ 4 ; พระนคร : โรงพิมพ์กรมตำรากระทรวงพระธรรมการ, 2472. หน้า 23.</ref><ref>สุนทรภู่, '''นิราศสุนทรภู่ ตอน[[นิราศพระบาท]]''' (พระนคร:คุรุสภา 2519) หน้า 123-124.</ref>
เส้น 70 ⟶ 61:
== ดูเพิ่ม ==
* [[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี]]
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
|