ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แมวตีนดำ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่ ‘(?mi)\{\{Link FA\|.+?\}\}\n?’ ด้วย ‘’: เลิกใช้ เปลี่ยนไปใช้วิกิสนเทศ
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 27:
[[ไฟล์:Felis nigripes 9.JPG|thumb|left|ภาพถ่ายแมวตีนดำที่ถ่ายใกล้]]
[[ภาพ:ComparaisonChatApattesnoires.svg|thumb|left|ขนาดเมื่อเทียบกับมนุษย์]]
แมวตีนดำเป็นแมวขนาดเล็กมาก ตัวเมียหนัก 0.8-8—1.6 กิโลกรัม ตัวผู้หนัก 1.6-6—2.1 กิโลกรัม ความยาวลำตัวประมาณ 50 เซนติเมตร ความสูงที่หัวไหล่เพียง 25 เซนติเมตร
 
แมวตีนดำมีขนหนานุ่ม มีสีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนอมเหลืองจนถึงน้ำตาลแดง มีลายเป็นจุดกลมสีเข้มตามลำตัว บางจุดมีการเชื่อมต่อกันเป็นสายสั้น ๆ หรือเป็นวง หัวโตและกว้างเมื่อเทียบสัดส่วนกับลำตัว ตาโต สีเหลืองอำพันหรือสีน้ำตาลอมเทา คาง หน้าอก ท้อง และขาด้านในมีสีขาว มีเส้นสีเข้มที่แก้มข้างละสองเส้น หูใหญ่มน หลังหูสีน้ำตาลอ่อน ขามีเส้นสีดำพาดตามแนวนอน มีแถบเข้มที่แก้มก้น อุ้งตีนดำและมีขนยาวสีดำปกคลุมอันเป็นที่มาของชื่อ หางค่อนข้างสั้น มีความยาวราวครึ่งหนึ่งของลำตัว มีปล้องสีดำสองหรือสามปล้อง ปลายหางเรียว สีดำ<ref name="โลกสีเขียว">[http://www.verdantplanet.org/catsoftheworld/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B3 แมวตีนดำ] โลกสีเขียว</ref>
 
แมสตีนดำ ได้รับฉายาว่า ''"เสือจอมปลวก"'' เนื่องจากอาศัยอยู่ในจอมปลวก แม้จะมีขนาดเล็ก แต่เป็นสัตว์ที่ดุร้ายก้าวร้าวมาก หากต้องต่อสู้เพื่อปกป้องถิ่นที่อยู่เมื่อถูกคุกคาม<ref>หน้า 114—125, ''นักล่าลี้ลับแมวป่า'' โดย คริสทีน เดลามอร์. นิตยสารเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย ปีที่ 16 ฉบับที่ 187: กุมภาพันธ์ 2560</ref>
 
==การกระจายพันธุ์==
แมวตีนดำเป็นสัตว์ถิ่นเดียวที่พบทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา พบใน[[แอฟริกาใต้]], [[นามิเบีย]], [[บอตสวานา]], และชายขอบของ[[ซิมบับเว]] และทางตอนใต้ของ[[แองโกลา]] มักอาศัยอยู่ตามป่าละเมาะทะเลทราย ที่ราบกึ่งทะเลทราย ทุ่งหญ้าสเตปปส์ รวมถึงในทะเลทรายคาลาฮารีและทะเลทรายคารู<ref name="iucn" /><ref name="โลกสีเขียว"/>
 
มีสองชนิดย่อย:<ref name=msw3>Wozencraft, W. Christopher (16 November 2005). "Order Carnivora (pp. 532-628)". In Wilson, Don E., and Reeder, DeeAnn M., eds. Mammal Species of the World: A Taxonomic and Geographic Reference (3rd ed.). Baltimore: Johns Hopkins University Press, 2 vols. (2142 pp.). pp. 536. ISBN 978-0-8018-8221-0. OCLC 62265494</ref>