ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เกรซ เคลลี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Thai.2016 (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 57:
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2498 '''เกรซ เคลลี'''ได้รับการขอร้องให้เป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ใน[[เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์]] ขณะที่อยู่ที่นั่น เธอได้รับเชิญไปร่วมงานถ่ายภาพในวัง[[โมนาโก]]กับเจ้าชาย'''เรนีเย''' เจ้าผู้ครองประเทศโมนาโก หลังจากผลัดผ่อนหลายครั้งจากความไม่สะดวกหลายอย่าง ในที่สุด เกรซก็ได้ไปถึงโมนาโก ที่ซึ่งทำให้เกรซได้พบกับเจ้าชาย
 
หลังจากกลับสหรัฐฯ และเริ่มแสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่เรื่อง “หงส์” (The Swan - พ.ศ. 2499) ซึ่งบังเอิญสวมบทบาทเป็นเจ้าหญิง ไม่นานจากนั้น เกรซ เคลลีเริ่มมีการติดต่อสัมพันธ์กับเจ้าชายเรนีเยเป็นการส่วนตัว ในเดือนธันวาคมปีนั้น เจ้าชายก็ได้เสด็จมาอเมริกาเป็นทางการ ซึ่งมีการโจษจันว่าเสด็จเพื่อแสวงหาพระชายาพระอัครมเหสีเนื่องจากสนธิสัญญากับฝรั่งเศสซึ่งทำไว้เมื่อ [[พ.ศ. 2461]] บ่งไว้ว่า เมื่อใดที่เจ้าชายแห่งโมนาโกไม่มีรัชทายาท โมนาโกจะต้องรวมกับฝรั่งเศส
 
เจ้าชายได้ถูกถามในการให้สัมภาษณ์ว่าพระองค์กำลังแสวงหาพระชายาพระอัครมเหสีใช่หรือไม่ ซึ่งพระองค์ทรงตอบปฏิเสธ และในคำถามถัดมาถามว่าสมมุติว่าใช่ พระองค์จะโปรดพระชายาพระอัครมเหสีแบบไหน? พระองค์ทรงพระสรวลแล้วตอบว่า “ไม่ทราบ... แต่คงจะดีที่สุดกระมัง” เจ้าชายได้ทรงพบเกรซ เคลลีกับครอบครัวของเธอ และในอีกเพียง 3 วันต่อมาเจ้าชายเรนีเยก็ขอแต่งงานกับเกรซ ซึ่งเธอตอบรับ จากนั้นพระองค์และครอบครัวของเกรซก็ได้เตรียมการแต่งงานที่โด่งดังที่สุดแห่งศตวรรษ
 
ข่าวการหมั้นเป็นที่ตื่นเต้นเลื่องลือ แม้จะหมายความถึงการสิ้นสุดชีวิตการแสดงของเกรซก็ตาม วงการภาพยนตร์ก็รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เกรซอยู่ในวงการแสดงต่อไป จึงได้แต่อวยพรให้เธอมีความสุข
บรรทัด 65:
การเตรียมพระราชพิธีมงคลสมรสเต็มไปด้วยความพิถีพิถัน มีการทาสีพระราชวัง ตบแต่งใหม่ทั้งหมด รวมทั้งพิธีการเดินทางข้าม[[มหาสมุทรแอตแลนติก]]สู่โมนาโก ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2499 เกรซ เคลลีได้ลงเรือที่ท่าในนครนิวยอร์กพร้อมกับเพื่อนเจ้าสาวและครอบครัวของเธอ สุนัข[[พูเดิล]]และสัมภาระ 400 ชิ้นออกจากท่าสู่[[ริเวียรา]] มีนักข่าวมากกว่า 400 คนขอร่วมเดินทางไปด้วย แต่ก็ถูกปฏิเสธเกือบทั้งหมด ใช้เวลาเดินทาง 8 วัน มีผู้คอยต้อนรับมากกว่าสองหมื่นคนเรียงรายโห่ร้องต้อนรับเจ้าหญิงในอนาคตตามถนน
 
พระราชพิธีอภิเษกสมรสได้รับการถ่ายทอดไปทั่ว[[ยุโรป]] เกรซต้องจดจำชื่อตำแหน่งทางการให้ได้มากถึง 142 ชื่อ ในงานพระราชพิธีมีแขกผู้มีเกียรติและชนชั้นสูงได้รับเชิญจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก 600 คน และคาดว่ามีผู้ชมการถ่ายทอดทางโทรทัศน์รวม 30 ล้านคน เจ้าชายเรนีเยและเจ้าหญิงเกรซพระชายาพระอัครมเหสีได้เสด็จลงเรือยอชต์ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ท่องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นเวลา 7 วันในคืนวันนั้นเอง
 
ทั้งสองพระองค์ได้พระราชธิดาพระองค์แรกหลังพระราชพิธีสมรส 9 เดือนกับ 4 วัน มีการยิงสลุต 21 นัดและประกาศเป็นวันหยุดราชการ หยุดการพนัน แจกแชมเปญฟรี และในปีเศษต่อมามีการ[[ยิงสลุต]] 101 นัดเพื่อต้อนรับพระราชโอรส คือเจ้าชายอัลแบร์
 
เจ้าชายเรนีเยและเจ้าหญิงเกรซมีพระราชโอรสและพระราชธิดา 3 พระองค์ดังนี้
 
* [[เจ้าฟ้าเจ้าหญิงกาโรรอลีนแห่งฮาโนเวอร์ รัชทายาทแห่งโมนาโก|เจ้าฟ้าเจ้าหญิงกาโรลีนแห่งฮาโนเวอร์]] ประสูติวันที่ 23 มกราคม [[พ.ศ. 2500]]
* [[เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 องค์อธิปัตย์แห่งโมนาโก|เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2]] ประสูติพระราขสมภพ 14 มีนาคม [[พ.ศ. 2501]]
* [[เจ้าหญิงสเตฟานีแห่งโมนาโก|เจ้าหญิงสเตฟานี มารี เอลิซาเบทแห่งโมนาโก]] ประสูติ 1 กุมภาพันธ์ [[พ.ศ. 2508]]
 
เจ้าหญิงเกรซ ไม่ได้หวนกลับสู่วงการจอเงินอีก พระองค์ทรงเลือกที่จะเป็นผู้นำประเทศฝ่ายสตรี ในปี [[พ.ศ. 2505]] ฮิตช์ค็อกได้ทูลชวนฮิตช์ค็อกได้ทูลชอพระองค์ให้มาแสดงภาพยนตร์อีก พระองค์อยากจะลองแต่ไม่มีผู้ใดเห็นด้วยรวมทั้งเจ้าชายเรนีเย เจ้าหญิงจึงตอบปฏิเสธไป แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงเกรซก็ได้เข้าสู่วงการ[[ศิลปิน]]ในรูปแบบพิเศษโดยการอ่านบทกลอนในภาพยนตร์ชุดสารคดีเมื่อ [[พ.ศ. 2520]] พระองค์ในฐานะเจ้าหญิงได้มีบทบาทในการยกระดับสถาบันศิลปะของโมนาโก มีการจัดตั้ง''มูลนิธิเจ้าหญิงเกรซ''ขึ้นเพื่ออุปถัมภ์ศิลปินของประเทศ
 
เจ้าหญิงเกรซเป็นบุคคลชั้นสูงคนแรกที่สนับสนุนการเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา ทรงจัดงานคริสต์มาสประจำปีสำหรับเด็กกำพร้าและทรงจัดตั้งสโมสรสวนดอกไม้ขึ้นเนื่องจากที่พระองค์โปรดปรานดอกไม้มาก