ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลิลิตตะเลงพ่าย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ย้อนการแก้ไขที่ 6649811 สร้างโดย 116.58.243.141 (พูดคุย)
เป็นเหตุการ์ณของตองอูกับอยุธยา
บรรทัด 10:
}}
 
'''ลิลิตตะเลงพ่าย''' เป็นบทประพันธ์ประเภท[[ลิลิต]] ประพันธ์ขึ้นโดย[[สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส]]และ [[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์]] เพื่อสดุดีวีรกรรมของ[[สมเด็จพระนเรศวรมหาราช]] ในวาระงานพระราชพิธีฉลองตึก[[วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม]]ใน[[รัชกาลที่ 3]] โดยตะเลงในที่นี้หมายถึง [[มอญพม่า]]
ที่มาของเรื่อง
1.พระราชพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)
บรรทัด 24:
 
== เนื้อเรื่องย่อ ==
เริ่มต้นด้วยการชมพระบารมีและพระบรมเดชานุภาพของ[[สมเด็จพระนเรศวรมหาราช]] แล้วดำเนินความตามประวัติศาสตร์ว่า [[พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง]]ทรงทราบว่า [[สมเด็จพระมหาธรรมราชา]] เสด็จสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรได้ครองราชสมบัติ พระองค์จึงตรัสปรึกษาขุนนางทั้งปวงว่า[[กรุงศรีอยุธยา]]ผลัดเปลี่ยนกษัตริย์ สมเด็จพระนเรศวรและ[[สมเด็จพระเอกาทศรถ]] พระพี่น้องทั้งสองอาจรบพุ่งชิงความเป็นใหญ่กัน ยังไม่รู้เหตุผลประการใด ควรส่งทัพไปเหยียบดินแดนไทยอยุธยา เป็นการเตือน[[สงคราม]]ไว้ก่อน ถ้าเหตุการณ์เมืองไทยอยุธยาไม่ปกติสุขก็ให้โจมตีทันที ขุนนางทั้งหลายก็เห็นชอบตามพระราชดำรีดำรินั้น พระเจ้าหงสาวดีจึงตรัสให้ พระมหาอุปราชเตรียมทัพร่วมกับ[[พระมหาราชเจ้านครเชียงใหม่]] แต่พระมหาอุปราชากราบทูลพระบิดาว่าโหรทายว่าชันษาของพระองค์ร้ายนัก
 
สมเด็จพระเจ้าหงสาวดีตรัสว่าพระมหาธรรมราชาไม่เสียแรงมีโอรสล้วนแต่เชี่ยวชาญกล้าหาญในศึกมิเคยย่อท้อการสงคราม ไม่เคยพักให้พระราชบิดาใช้เลยต้องห้ามเสียอีก ผิดกับพระองค์ และให้พระมหาอุปราชาไปเอาภัสตราภรณ์สตรีมาทรงเสีย พระมหาอุปราชาทรงอับอายและหวาดกลัวพระราชอาญาของพระบิดายิ่งนัก จึงเตรียมจัดทัพหลวงและทัพหัวเมืองต่างๆ เพื่อยกมาตีไทยอยุธยา ขณะนั้นสมเด็จพระนเรศวรเตรียมทัพจะไปตี[[กัมพูชา]]เป็นการแก้แค้นที่ถือโอกาสรุกรานไทยอยุธยาหลายครั้งระหว่างที่ไทยอยุธยาติดศึกกับ[[พม่า]] พอสมเด็จพระนเรศวรทรงทราบข่าวศึกก็ทรงถอนกำลังไปสู้รบกับพม่าทันที ทัพหน้ายกล่วงหน้าไปตั้งที่ตำบลหนองสาหร่าย
 
ฝ่ายพระมหาอุปราชาทรงคุมทัพมากับพระเจ้าเชียงใหม่รี้พลรบ 5 แสน เข้ามาทาง[[ด่านเจดีย์สามองค์]] ทรงชมไม้ ชมนก ชมเขา และคร่ำครวญถึงพระสนมกำนัลมาตลอดจนผ่านไทรโยคลำกระเพิน และเข้ายึดเมือง[[กาญจนบุรี]]ได้โดยสะดวก ต่อจากนั้นก็เคลื่อนพลผ่านพนมทวนเกิดลางร้ายลมเวรัมภาพัดฉัตรหัก ทรงตั้งค่ายหลวงที่ตำบล[[ตระพังตรุ]] ฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถทรงเคลื่อน[[พยุหยาตราทางชลมารค]] ไปขึ้นบกที่ปากโมก บังเกิดศุภนิมิต ต่อจากนั้นทรงกรีฑาทัพทางบกไปตั้งค่ายที่ตำบลหนองสาหร่าย เมื่อทรงทราบว่าพม่าส่งทหารมาลาดตะเวน ทรงแน่พระทัยว่าพม่าจะต้องโจมตีกรุงศรีอยุธยาเป็นแน่ จึงรับสั่งให้ทัพหน้าเข้าปะทะข้าศึกแล้ว ล่าถอยเพื่อลวงข้าศึกให้ประมาท แล้วสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับสมเด็จพระเอกาทศรถทรงนำทัพหลวงออกมาช่วย ช้างพระที่นั่งลองเชือกตกมันกลับเขาไปในหมู่ข้าศึกแม่ทัพนายกองตามไม่ทัน สมเด็จพระนเรศวรมหาราชตรัสท้าพระมหาอุปราชาทำ[[ยุทธหัตถี]]และทรงได้รับชัยชนะ โดยทรงใช้พระแสงของ้าวฟันพระมหาอุปราชาขาดคาคอช้าง พระแสงของ้าวนั้นได้รับการขนานนามในภายหลังว่า [[พระแสงของ้าวเจ้าพระยาแสนพลพ่าย]] ทางด้านสมเด็จพระเอกาทศรถได้ทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะแก่[[มังจาชโร]]