ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พัก จ็อง-ฮี"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 72:
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่เจ็ด ในปี ค.ศ. 1972 ได้เพิ่มบทบัญญัติให้ประธานาธิบดีสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ตลอดชีวิต ซึ่งหมายถึงการยกเลิกการกำหนดวาระของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีนั่นเอง เพื่อให้นายปาร์ค จุงฮีสามารถดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้ตลอดไป อนึ่ง ได้มีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยผ่านทางคณะผู้เลือกตั้ง (electoral college) หรือเรียกว่า เป็นการเลือกทางอ้อม นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังเพิ่มอำนาจให้กับประธานาธิบดีมากขึ้น เช่น เป็นผู้แต่งตั้งสมาชิกรัฐสภาจำนวนหนึ่งในสามของสภาทั้งหมด สามารถยุบสภาได้ และสามารถประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อสลายกลุ่มหรือบุคคลที่ทำการต่อต้านรัฐบาลได้
===การจัดตั้งองค์กรด้านข่าวกรอง===
ปาร์ค จุงฮี
Central Intelligence Agency)
▲Central Intelligence Agency) ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 19 มิถุนายน ค.ศ.1961 ในสมัยของปาร์ค จุงฮี โดยมีต้นแบบมาจาก องค์กร CIA ของสหรัฐอเมริกา เพื่อป้องกันการต่อต้านการทำรัฐประหาร รัฐบาลของปาร์ค จุงฮี และปราบปรามศัตรูที่มีศักยภาพทั้งหมด ในประเทศและต่างประเทศ มีอำนาจสืบสวน และสามารถจับกุมกักขังทุกคน ที่สงสัยว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย หรือเก็บงำความรู้สึกต่อต้านรัฐบาลทหาร ไม่เพียงเท่านั้นหน่วยข่าวกรองกลางขยายอำนาจของตน เพื่อกิจการทางเศรษฐกิจ และต่างประเทศ ภายใต้การสนับสนุน จาก ปาร์ค และดำเนินการองค์กรโดยผู้นำหน่วยคนแรก คิมจอง อิล (หลานเขยของปาร์ค) เป็นหนึ่งในนักวางแผนของการทำรัฐประหาร ในช่วงแรก องค์กร นี้มีหน้าที่เจรจาใน้กาหลีเหนือ ต่อมาเมื่ออำนาจของ ปาร์ค จุงฮี มากขึ้น KCIA ได้กลายมาเป็นองค์กรส่วนตัว ของประธานาธิบดี คอยสอดส่องดูแลและแทรกซึมเข้าไปในทุกวงการทั้งในและต่างประเทศ ในภายหลังองค์กรนี้ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "Agency for National Security Planning''
ทั้งนี้สหรัฐอเมริกา เกิดความกังวล เกี่ยวกับ ปาร์ค ที่จะดำเนินการลับกับพรรคคอมมิวนิสต์ นายทหารชาวอเมริกัน James Hausman ได้บินไปวอชิงตัน ด้วยการสนับสนุนจากสถานทูตสหรัฐในกรุงโซล เจ้าหน้าที่ระดับสูงกล่าวว่ามีเหตุสำหรับความกังวลใจ เกี่ยวกับ ปาร์ค อย่างไรก็ตาม ปาร์ค ไม่ได้เป็นคนที่สหรัฐฯจะให้การรับรองที่จะ เป็นผู้นำคนต่อไปของเกาหลี▼
ป.ล.ซึ่ง ปาร์ค ใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือจากหน่วยข่าวกรองกลาง ดั่งเผด็จการ โดยใช้อำนาจของตนเพื่อกิจการทางเศรษฐกิจ โดยได้ทำการจับกุมนักธุรกิจ รวมถึง นักการเมือง ที่มีพฤติกรรมในการทุจริตคอร์รัปชั่น รวมถึงผู้ครอบครองทรัพย์สินและร่ำรวยอย่างผิดปกติ มาบังคับให้จ่ายค่าปรับ ซึ่งนอกจากจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง ยังเป็นหุ้นจากธนาคารพาณิชย์ ทำให้รัฐบาลมีทุนและสามารถควบคุมธนาคารพาณิชย์ ให้มาร่วมมือสนับสนุนการลงทุนตามนโยบายรัฐบาล นอกจากเหนือจากนั้น ปาร์ค ยังเข้าทำการยึดอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ในสมัยที่มาปกครองเกาหลี มาเป็นของรัฐและมอบให้เอกชนที่ปาร์ค คัดเลือกมารับช่วงต่อไปดำเนินการ โดยมีรัฐบาลค้ำประกัน▼
▲
แนวความคิดในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ของ ปาร์ค มาจากประสบการณ์ของเขา ที่ได้รับมาในกองทัพญี่ปุ่น ด้วยการวางแผนและใช้อำนาจควบคุมจากส่วนกลาง และใช้อำนาจเด็ดขาดในการควบคุม ซึ่งการพัฒนาทางเศรษฐกิจของ ปาร์ค เป็นแบบอย่างที่เพิ่มเติมขึ้น ซึ่งเป็นแบบอย่างที่เกี่ยวกับยุค"เมจิ" ของประเทศญี่ปุ่น▼
▲
===นโยบายด้านเศรษฐกิจ===
▲แนวความคิดในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
*1. คณะกรรมการการวางแผนเศรษฐกิจ (EPB)
*2. กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (MTI)
เส้น 138 ⟶ 139:
การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ผู้ดำรงประธานาธิบดีไม่มีหมดวาระ สามารถครองอำนาจในการบริหารประเทศได้ตลอดการ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 1979
ทำให้เกิดการประท้วงปะทุขึ้นทั่วประเทศ ความไม่สงบรุนแรงเกิดขึ้น เมื่อกลุ่มนักศึกษาเรียกร้องให้มีการสิ้นสุดของการปกครองด้วยระบบ Yushin เริ่มต้นที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติปูซาน. การกระทำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ การต่อต้าน "Pu-Ma" (ชื่อพื้นที่ เขต ปูซานและ Masan ) บนท้องถนนของเมือง ที่นักศึกษาและตำรวจปราบจลาจลเผชิญหน้ากัน โดยมีนักศึกษา 50,000 คนมารวมตัวกันในเมืองปูซาน
ต่อมาอีกสองวันหลายคนถูกทำร้ายและผู้ประท้วงประมาณ 400 คนถูกจับ. เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมรัฐบาล ปาร์ค ประกาศกฎอัยการศึกในปูซาน การประท้วงในวันเดียวกันกับที่แพร่กระจายไปยังมหาวิทยาลัย Kyungnam ใน Masan มีผู้ชุมนุม 10,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและคนงาน เข้าร่วมการประท้วงต่อต้านระบบ Yushin ของ ปาร์ค ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการโจมตีที่สถานีตำรวจและ สำนักงานของพรรคการเมือง โดยมีการประกาศเคอร์ฟิวทั่วทั้งเมือง Masan.
การบริหารประเทศของ ปาร์ค ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ อย่างหนัก หนึ่งในกรณีที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ การจัดเก็บภาษีด้วยกฎอัยการศึก นอกจากนี้
==การถึงแก่อสัญกรรม==
|