ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Sodacan (คุย | ส่วนร่วม)
Higher quality svg (GlobalReplace v0.6.5)
บรรทัด 47:
== การสละราชสมบัติและการเสด็จสวรรคต ==
 
วันที่ [[20 สิงหาคม]] [[พ.ศ. 2518]] กองกำลัง[[ขบวนการปะเทดลาว]] ได้เข้ายึดกรุงเวียงจันทน์ นับเป็นเมืองสุดท้ายที่ได้ยึดครอง และส่งผลให้รัฐบาลเจ้าสุวรรณภูมาได้กลายเป็นรัฐบาลที่ไร้อำนาจและเสถียรภาพ ในวันที่ [[2 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2518]] มติสภาชั่วคราวได้ลงความเห็นให้ยกเลิกระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของลาวและสถาปนา [[ประเทศลาว|สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว]] ขึ้นมาแทนที่ ส่งผลให้พระองค์ต้องสละราชบัลลังก์และพระราชอำนาจไปยังสภาชั่วคราว ทางสภาได้มีมติแต่งตั้งพระองค์ให้เป็น "ที่ปรึกษาสูงสุดของประธานประเทศ" พระองค์ได้ปฏิเสธการหลีบหลบหนีอพยพออกจากประเทศด้วยเหตุผลว่า "พวกเราเป็นคนลาวเหมือนกันก็ต้องคุยกันได้" พระองค์ยังประทับอยู่ในพระราชวงศ์หลวงพระบางต่อไปจนกระทั่งปี [[พ.ศ. 2519]] [[พูมี วงวิจิด]] ได้สั่งการให้พระราชวังหลวงพระบางและทรัพย์สินในพระราชวังเป็นสมบัติของประเทศ และมีผลให้พระองค์กับพระญาติวงศ์ออกจากวังไปในทันที
 
เดือนมีนาคม [[พ.ศ. 2520]] ด้วยความที่รัฐบาลลาวหวั่นเกรงพระองค์ที่ถูกมองเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านคอมมิวนิสต์อันเนื่องมาจากการที่มีทหารม้งและมีชาวลาวนอกต่อต้านรัฐบาล สปป.ลาว บวกกับการหวั่นเกรงที่พระราชวงศ์จะหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศได้ ทหาร สปป.ลาว ได้นำพระองค์, [[พระนางคำผุย|พระมเหสี]], [[เจ้าฟ้าชายมกุฎราชกุมารวงศ์สว่าง|เจ้าฟ้าชายมกุฏราชกุมาร]], เจ้าฟ้าศรีสว่าง, และพระอนุชาของพระองค์คือ เจ้าฟ้าสุพันธรังสี และ เจ้าฟ้าทองสุก ไปอยู่ที่เมือง [[แขวงหัวพัน|เวียงไซ]] พระองค์ได้ทรงประทับในค่ายกักกันในเวียงไซที่ชื่อว่า "ค่ายเลข 1" ที่นักโทษทางการเมืองหลายๆคนได้อยู่ ระหว่างที่อยู่ในค่าย พระราชวงศ์ได้รับอนุญาตให้ได้ออกมาอยู่บริเวณรอบๆค่ายได้ ซึ่งบางครั้งแล้ว สมาชิกพรรคและเจ้าสุภานุวงศ์เองก็เคยเดินทางมาเยี่ยมพระเจ้ามหาชีวิตอยู่บ้าง พระองค์ถือว่าเป็นนักโทษที่ทรงชราภาพที่สุดในคุกนั้น โดยก่อนหน้านั้นแล้วในคุกนั้นจะมีนักโทษอายุประมาณ 55 ปีที่เคยแก่ที่สุด