ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อีเกิลส์ (วงดนตรี)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Supanut Arunoprayote (คุย | ส่วนร่วม)
update เกริ่น
Supanut Arunoprayote (คุย | ส่วนร่วม)
เพิ่มเกริ่น
บรรทัด 46:
 
อีเกิลส์ได้กลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่มียอดจำหน่ายสูงสุดตลอดกาล ด้วยยอดจำหน่ายบันทึกเสียงรวมมากกว่า 150 ชุด<ref>{{cite news|first= Jim |last= Vorel |url= http://herald-review.com/entertainment/local/eagles-tribute-band-landing-at-kirkland/article_a8dcd506-08d0-11e2-82ac-001a4bcf887a.html |title= Eagles tribute band landing at Kirkland |date= September 27, 2012 |newspaper= [[Herald & Review]] |accessdate= January 18, 2013}}</ref> โดยในสหรัฐเพียงที่เดียวกว่า 100 ล้านชุด ซึ่งในบรรดาอัลบั้มทั้งหมด อัลบั้ม ''Their Greatest Hits (1971–1975) '' สามารถเก็บยอดจำหน่ายไปถึง 42 ล้านชุด และ ''Hotel California'' อีก 32 ล้านชุด โดยในอัลบั้ม ''Their Greatest Hits (1971–1975)'' เป็นอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายสูงสุดแห่งศตวรรษที่ 20<ref>{{cite magazine|first= Jenny |last= Liscu |title= The Eagles: Twenty-Six Million Served |magazine= [[Rolling Stone]] |date= January 20, 2000}}</ref> ในสหรัฐอเมริกา ทำให้พวกอีเกิลส์ได้กลายเป็นศิลปินอันดับที่ 5 ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดและเป็นวงดนตรีที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในประวัติศาสตร์ดนตรีสหรัฐอเมริกา
 
อีเกิลส์ได้เปิดตัวอัลบั้มแรกในชื่อเดียวกับวง ''Eagles'' (ค.ศ. 1972) ซึ่งได้มีเพลงฮิตที่ติดท็อป 40 ถึง 3 เพลง คือ "Take It Easy", "Witchy Woman", และ "Peaceful Easy Feeling" ในอัลบั้มที่ 2 ''Desperado'' (ค.ศ. 1973) กลับประสบความสำเร็จน้อยกว่าอัลบั้มก่อนหน้านี้ ด้วยการไต่ชาร์ทอันดับที่ 41 เท่านั้น และไม่มีซิงเกิลใดติดท็อป 40 เลย แต่ถึงอย่างไรก็ดี ในอัลบั้มก็ยังมีเพลงที่ฮิตในเวลาต่อมา คือ "Desperado" และ "Tequila Sunrise" วงได้ออกอัลบั้ม ''On the Border'' (ค.ศ. 1974) เป็นอัลบั้มต่อมา โดยได้ตัวดอน เฟนเดอร์ เป็นสมาชิกคนที่ 5 ของวง ในการร่วมบันทึกเสียงอัลบั้มครั้งนี้ อัลบั้มมีซิงเกิลติดท็อปชาร์ท 40 2 เพลง คือ "Already Gone" และ "Best of My Love"
 
ในอัลบั้ม ''One of These Nights'' (ค.ศ. 1975) ได้มีเพลงที่ติดท็อป 10 ถึง 3 เพลง คือ "One of These Nights", "Lyin' Eyes" และ "Take It to the Limit" และนับเป็นครั้งแรกของวงที่อัลบั้มสามารถติดอันดับ 1 บน[[บิลชาร์ทฮอต 100]] เป็นผลสำเร็จ อีเกิลส์ยังคงเดินหน้าประสบความสำเร็จทางพาณิชย์ด้วยการออกอัลบั้ม ''Hotel California'' (ค.ศ. 1976) ซึ่งสามารถจำหน่ายไปได้มากกว่า 16 ล้านชุดในสหรัฐ หรือกว่า 32 ล้านชุดทั่วโลก และมีซิงเกิลอันดับ 1 ถึง 2 เพลง คือ "New Kid in Town" และ "Hotel California" อีเกิลส์ได้ออกสตูดิโออัลบั้มต่อมาคือ ''The Long Run'' (ค.ศ. 1979) ซึ่งนับเป็นอัลบั้มสุดท้ายก่อนที่วงจะรวมวงอีกครั้งแล้วร่วมอัดสตูดิโออัลบั้มต่อไปในอีก 28 ข้างหน้า ในอัลบั้มมีเพลงฮิตติดท็อป 10 ได้แก่ "Heartache Tonight", "The Long Run", และ "I Can't Tell You Why"
 
อีเกิลส์ได้แตกลงเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1980 แต่ก็ได้รวมอีกครั้งในปี ค.ศ. 1994 เพื่อร่วมกันทำอัลบั้ม ''Hell Freezes Over'' ที่ได้กลายเป็นหนึ่งใน[[อัลบั้มแสดงสด]]ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอัลบั้มหนึ่งในประวัติศาสตร์<ref>{{cite web |url=http://www.eaglesonlinecentral.com/tour/1994hfo.htm |title=1994-1996 Hell Freezes OverTour |work=Eagles Online Central }}</ref> ภายหลังการทัวร์คอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่องในที่สุดอีเกิลส์ ก็ได้การบรรจุเข้าสู่[[หอเกียรติยศร็อกแอนด์โรล]] ในปี ค.ศ. 1998 ในปี ค.ศ. 2007 อีเกิลส์ได้เปิดตัว[[สตูดิโออัลบั้ม]]สุดท้ายภายหลังอัลบั้ม ''The Long Run'' กว่า 28 ปี ในอัลบั้ม ''Long Road Out of Eden'' (ค.ศ. 2007) ซึ่งสามารถเปิดตัวด้วยอันดับ 1 บนบิลบอร์ดฮอต 100 ทำให้กลายเป็นอัลบั้มที่ 6 ของวงที่สามารถเปิดตัวด้วยอันดับ 1 วงยังคงเปิดตัวอัลบั้มต่อไปด้วยการออกอัลบั้มแสดงสด ''Long Road Out of Eden Tour'' เพื่อเสริมการโปรโมตอัลบั้ม ''Long Road Out of Eden'' อีกด้วย ในปี ค.ศ. 2013 อีเกิลส์ ก็ได้ออกอัลบั้มแสดงสด ''History of the Eagles Tour'' ร่วมกับสารคดี ''History of the Eagles''
 
ภายหลังการเสียชีวิตของเฟรย์ ในปี ค.ศ. 2016 เฮนลีย์ก็ได้กล่าวสัมภาษณ์กับโรลลิงสโตนเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 2016 ว่าอีเกิลส์ได้สิ้นสุดลงแล้ว<ref name="Henley">{{cite magazine|first= David |last= Browne |title= Eagles' Complete Discography: Don Henley Looks Back |magazine= Rolling Stone |date= June 10, 2016 |accessdate= June 26, 2016 |url= http://www.rollingstone.com/music/lists/eagles-complete-discography-don-henley-looks-back-20160610}}</ref>
 
 
== ประวัติ ==