ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โลกตะวันตก"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Txp158 (คุย | ส่วนร่วม)
Rongple36 (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 34:
[[ไฟล์:Theodosius I's empire.png|thumb|250px|right|การแบ่ง[[จักรวรรดิโรมัน]]หลังจากปีค.ศ. 395 ออกเป็นภาคตะวันตกและตะวันออก การแบ่งในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปซึ่งทำให้เกิดฝ่ายตะวันตกและตะวันออกนั้นมีต้นกำเนิดจากจักรวรรดิโรมัน<ref name="Bideleux,Robert; Jeffries, Ian 48">{{cite book | title=A history of eastern Europe: crisis and change | author=Bideleux,Robert; Jeffries, Ian | publisher=Routledge | isbn=978-0-415-16112-1 | page=48 | url=https://books.google.com/books?id=U39AYJm1L94C}}</ref>]]
 
การแบ่งยุโรปในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ซึ่งทำให้เกิดฝ่าย ''ตะวันตก'' และ ''ตะวันออก'' มีต้นกำเนิดจาก[[จักรวรรดิโรมัน]]<ref name="Bideleux,Robert; Jeffries, Ian 48"/> ในสมัยนั้นด้านตะวันออกของ[[บริเวณเมดิเตอร์เรเนียน]]จะเป็นสังคมเมืองซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าผู้มีวัฒนธรรมสูงและใช้ภาษากรีกเป็นภาษากลาง (โดยเป็นผลมาจากการปกครองของในอดีตของ[[อเล็กซานเดอร์มหาราช]]และ[[:en:Diadochi|ผู้สืบทอดอำนาจในสมัยเฮลเลนิสติก]]) ในขณะที่ฝั่งตะวันตกจะมีรูปแบบเป็นสังคมชนบทและนิยมใช้ภาษาละตินเป็นภาษากลาง หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกจะเห็นได้ว่าดินแดนยุโรปตะวันตกและยุโรปกลางนั้นถูกตัดออกจากฝั่งตะวันออกโดยสิ้นเชิงโดยที่ [[จักรวรรดิไบแซนไทน์|จักรวรรดิไบแซนไทน์หรือจักรวรรดิโรมันตะวันออก]] ซึ่งมีวัฒนธรรมกรีกและนับถือ[[ศาสนาคริสต์ตะวันออก]] กลายเป็นผู้เริ่มเผยแพร่อิทธิพลให้กับชนชนาติชาติ[[อาหรับ]]/ประวัติศาสตร์ของ[[ศาสนาอิสลาม]]และ[[ชาวสลาฟ]]ซึ่งอาศัยทางตะวันออกและใต้ของยุโรป ดังนั้นจะเห็นได้ว่าคริสตจักร[[โรมันคาทอลิก]]ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตะวันตกและกลางของยุโรปยังคงสามารถรักษาเอกลักษณ์ของตัวเองไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ศาสนจักรเริ่มที่กลับมาพัฒนาตัวเองใหม่ในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา และแม้กระทั่งภายหลังจากการปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ชาวโปรเตสแตนต์ในยุโรปก็ยังคงเห็นว่าตัวเองนั้นมีความผูกพันกับคริสตจักรโรมันคาทอลิกโรมันคาทอลิกในยุโรปมากกว่ามากกว่าชนชาติอื่นๆ
 
คำว่า ''โลกตะวันตก'' ได้เริ่มถูกนำไปใช้ในในการบอกวัฒนธรรมและภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมืองในช่วง[[ยุคแห่งการสำรวจ]]ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยุโรปได้แพร่กระจายวัฒนธรรมของตนไปยังส่วนอื่นๆของโลก ในอดีตสองศตวรรษที่ผ่านมาคำว่า ''โลกตะวันตก'' และ ''โลกของชาวศาสนาคริสต์'' มักจะสามารถถูกใช้แทนกันเนื่องจากจำนวนของผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์มากกว่าจำนวนของผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายอื่นๆ รวมถึงผู้ที่ยังคงนับถือความคิดโรมันแบบโบราณและความเชื่อ[[นอกรีต]] ในขณะที่ความเชื่อยึดติดกับศาสนาของคนเริ่มเสื่อมคลายลงในยุโรปและที่อื่นๆในช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 คำว่า ''ตะวันตก'' จึงมีความหมายในแง่ของศาสนาน้อยลงและเริ่มมีความหมายทางการเมืองมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามเย็น นอกจากนั้นความใกล้ชิดที่มากขึ้นระหว่าง ''ตะวันตก'' กับเอเชียและส่วนอื่นๆ ของโลกในเร็วๆนี้ก็มีผลให้ความหมายของคำไม่ชัดเจนเหมือนก่อน
บรรทัด 62:
แนวคิดของโลกที่เต็มไปด้วยรัฐชาติควบคู่กับอุดมการณ์ของยุคเรืองปัญญา การมาถึงของยุคแห่งความ[[:en:Modernity|ทันสมัย​​]] การป​​ฏิวัติทางวิทยาศาสตร์<ref>{{cite web|url=http://www.fordham.edu/halsall/mod/lect/mod07.html |title=Modern West Civ. 7: The Scientific Revolution of the 17 Cent |publisher=Fordham.edu |date= |accessdate=6 May 2011}}</ref> และการปฏิวัติอุตสาหกรรม<ref>{{cite web|url=http://mars.wnec.edu/~grempel/courses/wc2/lectures/industrialrev.html |title=The Industrial Revolution |publisher=Mars.wnec.edu |date= |accessdate=6 May 2011}}</ref>ได้สร้างสถาบันทางการเมืองและเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพและทรงอิทธิพลต่อนานาประเทศในโลกปัจจุบัน นักประวัติศาสตร์ยอมรับว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์<ref>[http://www.econlib.org/library/Enc/IndustrialRevolutionandtheStandardofLiving.html Industrial Revolution and the Standard of Living: The Concise Encyclopedia of Economics], Library of Economics and Liberty</ref>
 
การขยายแนวคิดและอุดมการณ์นี้มีจุดเริ่มต้นจากการเดินทางเพื่อ การค้นพบ การล่าอาณานิคม การยึดครอง และหาการหาประโยชน์ของประเทศ[[โปรตุเกส]]และ[[สเปน]] ซึ่งได้รับการสานต่อโดยความก้าวหน้าของ[[บริษัทอินเดียตะวันออกของดัตช์]]รวมถึงการสร้างและขยายอาณานิคมของ[[จักรวรรดิบริติช]]และ[[จักรวรรดิฝรั่งเศส]] เนื่องจากการขยายตัวของจักรวรรดิเหล่านี้ขนบธรรมเนียมต่างๆของชาติตะวันตกจึงแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมของโลกและยังคงหลงเหลืออยู่ในหลายๆประเทศแม้ประเทศเหล่านั้นจะได้ประกาศอิสรภาพจากการเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกแล้วก็ตาม หนึ่งในตัวอย่างของธรรมเนียมที่ยังคงหลงเหลืออยู่คือความต้องการของสังคมหลังยุคล่าอาณานิคมที่จะสร้างรูปแบบของ[[รัฐชาติ]] (ตามประเพณีตะวันตก) ด้วยการปักหลักและสร้างเส้นแบ่งเขตประเทศโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความเหมือนหรือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคน เชื้อชาติและวัฒนธรรม และสิ่งนี้คงยังเป็นสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างประเทศในปัจจุบัน แม้ว่ายุคสมัยของการล่าอาณานิคมจะได้ผ่านพ้นไปแล้วประเทศตะวันตกซึ่งมีความมั่งคั่งในเรื่องของเงิน อาวุธและวัฒนธรรมยังคงสามารถรักษาความมีอิทธิพลต่อโลกใบนี้ได้อยู่
 
===สงครามเย็น===