|
[[ไฟล์:Dmitri Shostakovich credit Deutsche Fotothek adjusted.jpg|right|thumb|220px|ภาพถ่ายของชอสตาโกวิช เมื่อปี ค.ศ. 1950]]
{{ใช้ปีคศ}}
'''ดมิทรีดมีตรี ดมิทรีวิชดมีตรีเยวิช ชอสตาโควิชชอสตโกวิช''' ({{lang-en|Dmitri Dmitrievich Shostakovich}} ; {{lang-ru|Дмитрий Дмитриевич Шостакович}} ; เกิดเมื่อวันที่ [[25 กันยายน]] [[ค.ศ. 1906]] - เสียชีวิตเมื่อวันที่ [[9 สิงหาคม]] [[ค.ศ. 1975]]) เป็น[[คีตกวี]]ชาว[[รัสเซีย]] ในยุคสมัย[[สหภาพโซเวียต]]เรืองอำนาจ ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาส่วนใหญ่เป็น[[ซิมโฟนี]] และ[[สตริงควอร์เต็ต]] อย่างละ 15 บท หลังจากที่เขาเสียชีวิต ความเห็นของเขาที่มีต่อชีวิตใน[[สหภาพโซเวียต]]ได้กลายมาเป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง และความขัดแย้งทางดนตรี ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักใน[[ภาษาเยอรมัน]]ว่า "Dmitri Schostakowitsch" อันเนื่องมาจากการที่เขาได้นำชุดตัวโน้ต [[DSCH]] (ซึ่งหมายถึง ตัว เร-มีแฟลต-โด-ที ในระบบตัวโน้ตของเยอรมัน และชื่อย่อของเขาในภาษาเยอรมัน) มาใช้เป็นเอกลักษณ์ทางดนตรีของตนเอง
ชอสตาโควิชชอสตโกวิชมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับรัฐบาลโซเวียต ถูกทางการประณามบทเพลงของเขาถึงสองครั้ง ใน ค.ศ. 1936 และ ค.ศ. 1948 และห้ามแสดงผลงานของชอสตาโควิชเป็นช่วงชอสตโกวิชเป็นช่วง ๆ และในเวลาเดียวกัน เขาได้รับรางวัล accolades จำนวนมากมาย และรางวัลสถานะ และใช้สำหรับในสภานิติบัญญัติของโซเวียต ทั้ง ๆ ที่การโต้เถียงเป็นทางการ เขายังคงประพันธ์ผลงานของเขาที่ประเทศโซเวียตที่ได้รับความนิยมส่วนมากในการอ้างอิงมิติของเขาที่ต้องการ
หลังจากอิทธิพลเกี่ยวกับระยะเวลาโดยมี แซร์เจ โปรโคเฟียฟ และอิกอร์ สตราวินสกี้ (ซิมโฟนี่หมายเลข 1) ชอสตาโควิชชอสตโกวิชได้เปลี่ยนรูปแบบทางดนตรีสู่สมัยใหม่ (ซิมโฟนี่หมายเลข 2)
ก่อนการพัฒนาลักษณะลูกผสมกับอุปรากรเรื่อง "Lady Macbeth " และซิมโฟนีหมายเลข 4 ลักษณะลูกผสมแบบดนตรีแนว Neo-Classic (คลาสสิกใหม่) กับอิทธิพลของสตราวินสกี้ เพื่อวางแนวเพลงเกี่ยวกับเรื่องความรัก (กับลักษณะแบบมาเลอร์ที่มีต่ออิทธิพล) ของเขา ที่รวมถึงใช้อย่างมากเพราะเพลงแนวคลาสสิกใหม่นี้ จะทำให้กลมกลืนได้เช่นนี้หรือ? อย่างฮินเดมิธ (Hindemith) และ โปรโคเฟียฟ (Prokofiev) เพลงของเขารวมถึงความตรงกันข้ามกับความอัจฉริยะ และการประสานเสียงที่แปลกแหวกแนวบ่อย ๆ
ชอสตาโควิชชอสตโกวิชมีความภูมิใจในการประพันธ์ ลักษณะล้ำไปกว่าผลงานของกุสตาฟ มาห์เลอร์ (Gustav Mahler) คีตกวีชาวออสเตรียน และริมสกี้-คอร์ซาคอฟ (Nicolai Rimsky-Korsakov) ซึ่งผลงานงานยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาที่ถูกคิดว่าโดยทั่วไปคือซิมโฟนี่ชิ้นใหญ่ ผลงานสตริงควอร์เต็ทและอื่น ๆ รวมถึงอุปรากร คอนแชร์โต เพลงประกอบภาพยนตร์ ฯลฯ ความกดดันที่ขัดแย้งของความต้องการเป็นทางการ ที่ได้รับความทุกข์ของเพื่อน ๆ ของเขา และทางความคิดส่วนบุคคลของเขา จึงทำให้ชอสตาโควิชชอสตโกวิชประสบความสำเร็จในการประดิษฐ์ภาษาแห่งดนตรีของพลังอารมณ์ใหญ่ของเขาที่เกินความคาดหมาย
== ประวัติ ==
{{โครงส่วน}}
[[ไฟล์:Shostakovichbirthplaque.JPG|thumb|left|สถานที่เกิดของชอสตาโควิชชอสตโกวิช ปัจจุบันเป็นโรงเรียนแห่งที่ 267 และแผ่นจารึกที่อยู่ของชอสตาโควิชชอสตโกวิช]]
ชอสตาโควิชชอสตโกวิชเกิดที่บ้านเลขที่ 2 ถนนปาโดสกายา ในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นบุตรคนที่ 2 ในพี่น้อง 3 คน ของ Dmitri Boleslavovich Shostakovich และ Sofiya Vasilievna Shostakovich ครอบครัวของเขาเป็นคนใจกว้าง ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน (สิ่งหนึ่งของลุงของเขา คือพวกสังคมนิยมที่เข้าปกครองรัสเซีย แต่ครอบครัวยังปกป้องเกี่ยวกับพวกหัวรุนแรงด้านขวาไกล) เมื่อชอสตาโควิชชอสตโกวิชยังวัยเยาว์นั้น ได้เป็นที่กล่าวขวัญเขาว่าเป็น'''เด็กอัจฉริยะ'''เพราะเขาเล่นเปียโนได้ดีมาก โดยเชื่อว่าอาจจะเป็นพรสวรรค์ของเขาอย่างเด่นชัด หลังจากที่เขาเริ่มเรียนเปียโนเมื่ออายุ 9 ขวบ และใน ค.ศ. 1918 ชอสตาโควิชชอสตโกวิชแต่งเพลง Funeral March (เพลงเกี่ยวกับการแห่ศพ) โดยมีความทรงจำของสองผู้นำในงานสังสรรค์ Kadet Party โจรกรรมโดยกะลาสีเรือพวกสังคมนิยมที่เข้าปกครองรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1919 อย่างไรก็ตาม เขาได้รับความทุกข์สำหรับสังเกตของเขา ขาดแคลนความกระตือรือร้นเกินไปเกี่ยวกับการเมือง และล้มเหลวอย่างเริ่มต้นการสอบของเขาในมาร์คหลักการในปี ค.ศ. 1926 ความสำเร็จแห่งดนตรีหลักแรกของเขาคือ '''ซิมโฟนี่หมายเลข 1''' เขียนเช่นเดียวกับชิ้นการสำเร็จเป็นบัณฑิตของเขาเมื่ออายุเพียง 20 ปี
[[ไฟล์:Youngshostakovich.jpg|thumb|left|ภาพถ่ายของชอสตาโควิชชอสตโกวิชในช่วงวัยหนุ่ม]]
หลังจากการสำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตแล้ว เขาเริ่มงานด้วยการเป็นนักเปียโนและประพันธ์เพลง แต่สไตล์แห้ง ๆ ของเขานั้น (เขาลงความเห็นการยับยั้งอารมณ์ของเขา และ"หมุดย้ำเป็นจังหวะ") บ่อย ๆ เขาแต่ทว่า ชอสตาโควิชชอสตโกวิชได้ชนะเลิศการแข่งขันเปียโนน่าเคารพนับถือกล่าวถึงที่ เมื่อปี ค.ศ. 1927 ที่กรุงวอร์ซอว์ชื่อเมืองหลวงของประเทศโปแลนด์ในการแข่งขันเปียโนระหว่างประเทศ หลังจากการแข่งขันเปียโนแล้ว ชอสตาโกวิชได้พบกับวาทยกร บรูโน วาลเตอร์ (Bruno Walter) ซึ่งประทับใจซิมโฟนี่หมายเลข 1 อย่างมาก แต่ไม่รู้ว่า ผลงานนี้เป็นของใคร และใครเป็นผู้ประพันธ์ขึ้นมา? ที่ว่าเขาชักนำเมืองเบอร์ลินในเยอรมันแรกเริ่มปีนั้น ต่อจากนั้น ชอสตาโควิชชอสตโกวิชที่สิ่งที่อัดแน่นบนการประกอบเป็นส่วนต่าง ๆ ทั้งหมด และการปฏิบัติข้อจำกัดอย่างสำคัญให้เหล่านั้นของงานด้วยตัวเองของเขาเอง ในปี ค.ศ. 1927 ชอสตาโควิชชอสตโกวิชได้ประพันธ์ซิมโฟนีหมายเลข 2 หรือ "October" ขณะที่ชอสตาโกวิชกำลังประพันธ์อยู่นั้น เขายังเริ่มประพันธ์ Satirical และอุปรากรของเขา อาศัยเรื่องราวของนิโคไล โกกอล
ในปี ค.ศ. 1927 ยังทำเครื่องหมายการเริ่มของความสัมพันธ์ของผู้แต่ง กับ Ivan Sollertinsky ซึ่งยังคงเพื่อนใกล้ชิดที่สุดของเขา จนกระทั่งเขาได้เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1944 Sollertinsky ได้แนะนำชอสตาโควิชชอสตโกวิชเล่นเพลงของกุสตาฟ มาห์เลอร์ (Gustav Mahler) ซึ่งมีอิทธิพลในด้านเพลงของเขาจากซิมโฟนี่หมายเลข 4 ของเขาเอง ปี ค.ศ. 1932 ได้แต่งงานกับ Nina Varzar และต้องจบลงเพราะการใช้ชีวิตความลำบากเริ่มต้นทำให้การหย่าร้างกันไปในปี ค.ศ. 1935
ในปี 1930 ก่อนปี 1920 ชอสตาโควิชชอสตโกวิชได้ทำงานที่รถราง โรงภาพยนตร์เยาวชนกรรมการ ถึงแม้ว่าเขาทำงานเล็กน้อยในไปรษณีย์นี้ก็จริง แต่มันป้องกันเขาเนื่องจากเกี่ยวกับความนึกคิดโจมตีกับการปฏิวัติสหภาพโซเวียตมาก ระยะเวลานี้ถูกใช้จนหมดกับการเขียนอุปรากรเรื่อง '''Lady Macbeth of the Mtsensk Distric''' ครั้งแรกที่ถูกปฏิบัติในปี 1934 และเสร็จสมบูรณ์ทันที และได้รับชื่อเสียงอย่างมากของนโยบายที่ถูกต้องของงานอันสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นั้นอุปรากร “ถูกเขียนเฉพาะโดยผู้แต่งประเทศโซเวียตที่แนะนำในธรรมเนียมที่ดีที่สุดของวัฒนธรรมประเทศโซเวียต"
=== ต้องข้อกล่าวหาครั้งแรก ===
{{โครง-ส่วน}}
[[ไฟล์:Shos-Stalincartoon.jpg|150px|right|thumb|ภาพการ์ตูนล้อเลียนชอสตาโควิชชอสตโกวิช ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจของสตาลิน]]
ในปี ค.ศ. 1936 ชอสตาโควิชชอสตโกวิช ต้องตกอยู่ในสภาพที่ถูกโจมตีอย่างหนัก และเป็นปีที่เริ่มการโจมตีชอสตาโควิชชอสตโกวิชบนหนังสือพิมพ์ทางการของคอมมิวนิสต์และรายได้ของชอสตาโควิชชอสตโกวิชตกมากเพียง 3 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมด ซิมโฟนีหมายเลข 4 ชอสตาโควิชชอสตโกวิชได้เริ่มการซ้อมซิมโฟนี่หมายเลข 4 ในเดือนธันวาคมนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมืองที่ทำการปฏิบัติเป็นไปไม่ได้ มันไม่ถูกปฏิบัติจนกระทั่งปี ค.ศ. 1961 แต่ชอสตาโควิชชอสตโกวิชไม่บอกปัดงาน
ในปี 1936 ได้ริเริ่มทำเครื่องหมายความหวาดกลัว และซึ่งเพื่อนของชอสตาโควิชชอสตโกวิชจำนวนมากมายต้องถูกจำคุกหรือไม่ก็ฆ่า และต้องการปลอบโยนปลอบขวัญชอสตาโควิชชอสตโกวิช และในระยะเวลานี้คือวันเกิดของลูกสาวของเขา Galina ในปี 1936 แต่ชอสตาโควิชชอสตโกวิชได้เขียนข้อความ ความจริงคือลูกชายของเขา การตอบสนองทางดนตรีนั้น ทำให้ชอสตาโควิชชอสตโกวิชได้ประพันธ์เพลงซิมโฟนี่หมายเลข 5 และโดนประณามผลงานของชอสตาโควิชชอสตโกวิช ในปี 1937 ซึ่งนักอนุรักษนิยมแห่งดนตรีเห็นความสำคัญมากกว่างานล่าสุดของชอสตาโควิชชอสตโกวิชจนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก และยังคงมีสิ่งหนึ่งของงานที่ได้รับความนิยมส่วนมากของชอสตาโควิชชอสตโกวิช เวลานี้ชอสตาโควิชชอสตโกวิชได้ประพันธ์ผลงานสตริงควอร์เต็ท แล้วให้คนเล่นทดลองเล่นดูปรากฏว่า แสดงแนวความคิดสิ่งซึ่งจะรับไม่ได้ในสาธารณะมากกว่า และในเดือนกันยายนปี ค.ศ. 1937 เขาเริ่มสอนการประกอบส่วนต่าง ๆ ทั้งหมดที่ห้องกระจกสำหรับปลูกต้นไม้ ซึ่งอยู่ภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัยเรื่องการเงินจำนวนหนึ่งซึ่งไม่เป็นอุปสรรคต่องานในเชิงประดิษฐ์ด้วยตัวเขาเอง
=== สงคราม ===
{{โครง-ส่วน}}
[[ไฟล์:Shosta-timecover.jpg|thumb|right|รูปภาพการโฆษณายามสงครามของชอสตาโควิชชอสตโกวิชเป็นยามไฟที่เอื้อมจนถึงแห่งสหรัฐอเมริกา ของนิตยสาร"ไทม์" ของสหรัฐอเมริกา]]
การระเบิดออกของสงครามระหว่างรัสเซียและเยอรมัน ในปี ค.ศ. 1941 ชอสตาโควิชชอสตโกวิชได้เริ่มลงมือแต่งเพลงซิมโฟนีหมายเลข 7 "เลนินกราด" ในระหว่างการปะทุระเบิดสงครามอยู่นั้น ชอสตาโควิชชอสตโกวิชมิได้สนใจกับสงครามเลย ชอสตาโควิชชอสตโกวิชลงมือประพันธ์เพลงอย่างเดียว ซิมโฟนี่หมายเลข 7 (Leningrad) ที่เขาแจกจ่ายให้แก่ความพยายามการโฆษณาท่ามกลางสหภาพโซเวียตเป็นวิกฤติยามการริเริ่มสงคราม และการส่งให้วิทยุเผยแพร่ที่ผู้คนประเทศโซเวียตฟังในเดือนตุลาคมปี ค.ศ. 1941 ชอสตาโควิชชอสตโกวิชและครอบครัวของเขาอพยพไปถึง Kuybishev และซิมโฟนีหมายเลข 7 ก็เสร็จสมบูรณ์ ต่อมา มันถูกรับเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านเกี่ยวกับรัสเซียผู้คนที่ทั้งสองในชื่อทางการของประเทศโซเวียตและในตะวันตก
ฤดูใบไม้ผลิในปี 1943 ครอบครัวของชอสตาโควิชชอสตโกวิชได้ย้ายสู่กรุงมอสโคว์ ขณะที่ซิมโฟนีหมายเลข 7 ได้ประกาศชัยชนะอย่างกล้าหาญ ดิ้นรนต่อต้านภัยพิบัติ ต่อมา ชอสตาโควิชชอสตโกวิชลงมือประพันธ์เพลงซิมโฟนีหมายเลข 8 อีกชิ้น ของปีนี้ ล่าสุด บางทีในการบอกล่วงละเมิดรุนแรงภายในผลลัพธ์ของชอสตาโควิชชอสตโกวิช ส่งผลให้ชอสตาโควิชชอสตโกวิชต้องถูกห้ามนำผลงานออกแสดงเป็นอันขาด จนกระทั่งปี ค.ศ. 1960 ในความตรงกันข้าม ถ้าลักษณะดนตรีแบบไฮเดิน เหน็บแนมการเขียนล้อเลียน ซึ่งไม่ทำให้ทำให้พอใจและต้องข้อเรียกร้อง "เพลงร้องแห่งชัยชนะ" ชอสตาโควิชชอสตโกวิชก็ดำเนินต่อไปเพื่อประพันธ์เพลงจำพวกเชมเบอร์ คือเพลง Piano Trio No.2 ซึ่งประกอบด้วยนักเปียโน 1 คน นักไวโอลิน 1 คน และเชลโล่ 1 คน ชอสตาโควิชชอสตโกวิชได้อุทิศให้ Sollertinsky เพื่อนของชอสตาโควิชชอสตโกวิช ในความทรงจำครั้งก่อนของเขากับชีวิตอันขมขื่น
=== ต้องข้อกล่าวหาครั้งที่สอง ===
Both Shostakovich and his son, [[Maxim Shostakovich]], left behind a rich selection of recordings of the composer's piano works. Other superb interpreters of his music include [[Emil Gilels]], Mstislav Rostropovich, [[Tatiana Nikolayeva]], and [[Maria Yudina]], all of whom were good friends of the composer.
-->
เรียงตามโอปุส ผลงานตั้งแต่ช่วงแรกถึงวัยบั้นปลายชีวิตของชอสตาโควิชชอสตโกวิช
หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ [http://home.wanadoo.nl/ovar/shosopus/shosopus.htm ผลงานของชอสตาโควิชชอสตโกวิช]
'''Childhood and Youth (1906-1924) '''
* ''[http://home.wanadoo.nl/ovar/shosopus/shosopus.htm Onno van Rijen's Opus by Shostakovich]'' รายชื่อผลงาน
* ''[http://www.msu.edu/user/luebkejo/shost1.html Jon Luebke's Shostakovich Page]'' รายชื่อเพลงและชีวประวัติ
* ''[http://www.siue.edu/~aho/musov/dmitri.html Shostakovichiana]'' รวบรวมงานของชอสตาโควิชชอสตโกวิช
* ''[http://web.archive.org/20001011112051/www.geocities.com/rickredrick/Shostakovich.html Shostakovich Myths Debunked]'' บทวิจารณ์
* ''[http://www.siue.edu/~aho/musov/dmitri.html Shostakovichiana]'' รวบรวมงานของชอสตาโควิชชอสตโกวิช
{{birth|1906}}{{death|1975}}
| 