ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Stelios (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
→‎ประวัติ: ปรับปรุงเนื้อหาครั้งใหญ่
บรรทัด 26:
 
== ประวัติ ==
เขียว คาราบาว เกิดที่[[โรงพยาบาลศิริราช]] เมื่อวันที่ [[25 มกราคม]] [[พ.ศ. 2495]] เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 5 คน และเริ่มเข้ารับการศึกษาในชั้นอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ และจบการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนสาธิตสวนสุนันทาวิทยาลัย จากนั้นจึงเข้าศึกษาในระดับชั้นมัธยมจาก[[โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย]] เขียว ชื่นชอบการเล่น[[ฟุตบอล]]อย่างมากถึงขนาดเคยเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันฟุตบอล และเริ่มสนใจดนตรีสากลโดยเริ่มหัดเล่น[[กีตาร์]]และ[[กีตาร์เบส|เบส]] โดยหัดเล่นเพลงสากลอย่างเช่น ''Hang On Sloopy'' ของวง The McCoys
 
หลังจบชั้นมัธยมปลาย เขียวได้เล่นดนตรีอาชีพตามบาร์ของทหารจีไอ ที่มาตั้งฐานทัพ ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พอเล่นได้ซักระยะจึงยกระดับวงของตัวเองขึ้นมาโดยมีนักดนตรีต่างชาติฝีมือดีมาเล่นรวมอยู่ในวงด้วย ทำให้ได้ย้ายมาเล่นประจำที่ตึกนายเลิศ โดยเขียวทำหน้าที่เล่น[[กีตาร์เบส|เบส]] ต่อมาเมื่อทางวงมีรายได้จากการเล่นดนตรีมากขึ้น ก็เกิดปัญหาการแบ่งค่าตัวระหว่างสมาชิกภายในวงที่เป็นคนต่างชาติและสมาชิกที่เป็นคนไทย เขียวจึงตัดสินใจยุบวงตั้งแต่ตอนนั้น และเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล ที่สถาบันเทคโนโลยีมาปัว (Mapua Institute of Technology) เมือง [[มะนิลา]] [[ประเทศฟิลิปปินส์]]
 
=== คาราบาว ===
ที่ฟิลิปปินส์ เขียว ได้พบกับเพื่อนนักเรียนไทยที่นั่นอีก 2 คน คือแอ๊ด - [[ยืนยง โอภากุล]] (แอ๊ด) และไข่ - สานิตย์ ลิ่มศิลา (ไข่) ทั้ง 3 ได้ตั้งวงดนตรีที่ชื่อ "''[[คาราบาว]]"'' ขึ้นมาเพื่อเล่นประกวดในงานดนตรีของมหาวิทยาลัย โดยขึ้นเล่นเพลง ''Carry On'' ของวง ''Crossby[[ครอสบี,Still สติลส์,Nash &แนช Youngแอนด์ ยัง]]'' และเพลง ''Mahal Kita'' ซึ่งเป็นเพลงของฟิลิปปินส์ ซึ่งวงคาราบาวได้เข้าถึงเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย ก่อนจะตกรอบในเวลาต่อมา เมื่อกลับมาเมืองไทยในปี [[พ.ศ. 2520]] เขียวได้เป็นวิศวกรประเมินราคา แต่ยังคงเล่นดนตรีสากลในนามคาราบาว ร่วมกับแอ๊ด และ ไข่ โดยใช้เวลาหลังจากเลิกงานประจำมาเล่นดนตรี ต่อมาเมื่อ ไข่ สานิตย์ ลิ่มศิลา ได้แยกตัวออกไป คาราบาวจึงเหลือเพียง แอ๊ดและเขียว ทั้งคู่ได้ตระเวนเล่นดนตรีตามห้องอาหารต่าง ๆ ในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันก็ทำงานประจำ โดยทางวงจะเล่นเพลงสากลของ [[จอห์น เดนเวอร์]], [[อีเกิลส์ (วงดนตรี)|อิเกิ้ลส์]], [[ครอสบี, สติลส์, แนช แอนด์ ยัง]] เป็นต้น
 
[[ไฟล์:Bao106.jpg|thumb|250px|left|คาราบาวในยุคแรกเริ่ม (จากซ้าย) เขียว, แอ๊ด, เล็ก]]
จนในปลายปี [[พ.ศ. 2524]] อัลบั้มชุดแรกของคาราบาวก็เกิดขึ้น ในชื่อว่า "''[[ขี้เมา]]"'' โดยเขียว รับหน้าที่เล่น[[กีตาร์เบส]] แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก ต่อมาอัลบั้มชุด"ที่ 2 ''[[แป๊ะขายขวด]]"'' ซึ่งวางจำหน่ายปี [[พ.ศ. 2525]] เขียวและได้เล็ก - [[ปรีชา ชนะภัย]] จากวง[[เพรสซิเดนท์]]เข้าร่วมวงด้วย เขียวจึงเปลี่ยนหน้าที่จากเล่นเบสมาเล่นกีตาร์ และได้ร้องนำเป็นครั้งแรก โดยเป็นการร้องคู่กับ แอ๊ด - [[ยืนยง โอภากุล]] ในเพลง" ''แป๊ะขายขวด"'' และยังร้องเพลง ''หนทางใด'' และเพลง ''พรานทะเล'' อัลบั้มนี้ทำให้คาราบาวเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และในอัลบั้มชุด[[วณิพก (อัลบั้ม)|วณิพก]]ซึ่งวางจำหน่ายในปีถัดมา เขียว สมาชิกในตำแหน่งมือกีตาร์ ได้ร้องนำในเพลง "''หัวลำโพง"'' ก่อนจะเริ่มหันมาทำงานและมีบทบาทเบื้องหลังกับวงคาราบาวมากขึ้น
 
จนกระทั่งปลายปี [[พ.ศ. 2527]] คาราบาวจึงประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดจากอัลบั้มชุดที่ 5 "''[[เมด อิน ไทยแลนด์]]"'' ซึ่งสามารถทำยอดขายในปีที่วางจำหน่ายได้ถึงกว่า 5,000,000 ตลับ/ก๊อปปี้ และซึงเป็นสถิติที่สูง[[ที่สุดในประเทศไทย]] ทำให้ชื่อของเขียว คาราบาว เป็นที่รู้จักของคนไทยทั้งประเทศตังแต่บัดนั้น ผลจากความสำเร็จของอัลบั้มชุดนี้ทำให้เขียวได้ขึ้นเล่น[[คอนเสิร์ตทำโดยคนไทย]]ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของวงคาราบาว ที่สนามจักรยานเวโลโดรม ใน[[สนามกีฬาหัวหมาก]] ซึ่งคอนเสิร์ตดังกล่าวมียอดผู้ชมมากกว่า 660,0000000 คน และผลจากความสำเร็จของอัลบั้มชุดนี้ทำให้เขียว ได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง[[เสียงเพลงแห่งเสรีภาพ]] ในปี [[พ.ศ. 2528]] อีกด้วย โดยสมาชิกวงคาราบาวได้แสดงร่วมกันทั้งวง
 
หลังจากนั้นเขียว คาราบาวก็ได้ทำงานร่วมกับคาราบาวอีกหลายชุด เช่น [[อเมริโกย]], [[ประชาธิปไตย (คาราบาว)|ประชาธิปไตย]], [[เวลคัมทูไทยแลนด์|เวลคัม ทู ไทยแลนด์]], [[ทับหลัง (อัลบั้มเพลง)|ทับหลัง]], [[ห้ามจอดควาย]]
 
การทำหน้าที่ของเขียวในวง คือ เบื้องหน้าเล่นกีตาร์,คีย์บอร์ดและร้องประสานเสียง มีร้องนำบ้างเป็นบางเพลง โดยเพลงของเขียวที่เขียวร้องให้กับคาราบาวที่แฟนเพลงรู้จักดี คือ ''แป๊ะขายขวด'' และ ''[[สัญญาหน้าฝน]]'' ที่อยู่ในอัลบั้มชุดที่ 10 "''[[ห้ามจอดควาย]]"'' โดยเบื้องหลัง เขียวจะรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์และควบคุมเสียง รวมถึงดูแลเรื่องธุรกิจการเงินของคาราบาว โดยเป็นงานที่เจ้าตัวถนัด
 
=== แยกวง ===
ในปี [[พ.ศ. 2533]] วง[[คาราบาว]]ประสบความสำเร็จกับอัลบั้ม" ''[[ห้ามจอดควาย]]"'' โดยมีเพลงที่โด่งดังอย่างมากคือเพลง ''[[สัญญาหน้าฝน]]'' ซึ่งเขียว เป็นผู้ขับร้อง ผลจากความสำเร็จของเพลงนี้ทำให้เขียว โด่งดังอย่างมาก เขียว คาราบาวจึงได้ตัดสินใจแยกออกมาลาออกจากวงคาราบาว โดยก่อนหน้านี้สมาชิกในวงอีก 3 คน คือ[[เทียรี่ เมฆวัฒนา]], เป้า - [[อำนาจ ลูกจันทร์]], และอ.[[ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี]]ได้แยกมาออกอัลบั้มเดี่ยวกันแล้ว เขียวจึงได้ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตัวเองออกมาบ้างในชื่อชุด "ก่อกวน" โดยมีแอ๊ด - [[แอ๊ดยืนยง คาราบาวโอภากุล]] แต่งเนื้อร้องเพลง ''ไม่เคย'' ซึ่งเพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตที่แฟนเพลงในสมัยนั้นรู้จักกันดี และเป็นอีกหนึ่งเพลงประจำตัวของเขียว คาราบาว นอกจากเพลง ''[[สัญญาหน้าฝน]]''
 
ต่อมาในปี [[พ.ศ. 2536]] เขียว คาราบาว ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 2 ของตนในชื่อชุด "''หัวใจและเวลา"'' โดยเป็นการทำงานร่วมกับวง[[ตาวัน]] และแอ๊ด - [[ยืนยง โอภากุล]] ได้แต่งเพลงให้อีกหนึ่งเพลงคือเพลง ''รักเหรอ'' โดยเพลงนี้ได้มีการทำเป็นมิวสิค[[มิวสิกวิดีโอ]] นอกจากนี้ปู - [[พงษ์สิทธิ์ คำภีร์]] ยังได้ช่วยแต่งเพลง ''ตายรัง'' ให้อีกหนึ่งเพลง ซึ่งอัลบั้มชุดนี้จึงได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงเป็นอย่างดี
 
ปี [[พ.ศ. 2537]] เขียว คาราบาว ได้ออกอัลบั้มร่วมกับ [[ปราโมทย์ ม่วงไหมทอง]] อดีตมีกีตาร์ของวง[[ซูซู]] และปู - [[พงษ์สิทธิ์ คำภีร์]] ในชื่อชุด "''เซอ โซไซตี้"อโซไซตี้'' แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ก่อนที่ ปราโมทย์ จะเสียชีวิตในอีก 3 ปีต่อมา
 
เขียว คาราบาวได้ออกอัลบั้มของตัวเองตามมาอีกหลายชุด โดยส่วนมากจะเป็นดนตรีในแนว[[อคูสติก]]และคันทรีบลูส์ แต่ก็ยังถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าอัลบั้มเดี่ยว 2 ชุดแรก
 
หลังจากนั้นเขียว คาราบาวก็ยังคงกลับมาร่วมงานกับคาราบาวอีกเรื่อย ๆ เช่น การกลับมาร่วมงานในอัลบั้ม "''[[หากหัวใจยังรักควาย|15 ปี คาราบาว หากหัวใจยังรักควาย]]"'' ในปี [[พ.ศ. 25392538]] ที่สาชิกยุคคลาสสิกไลน์อัพกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง, อัลบั้ม "''[[อเมริกันอันธพาล]]"'' ในปี [[พ.ศ. 2541]] ที่สมาชิกในวงวงในยุคคลาสสิกไลน์อัพ 5 คนคือแอ๊ด, เล็ก, เทียรี่, เขียว และอ๊อด - [[อนุพงษ์ ประถมปัทมะ]] กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง และได้ร่วมงานกับสมาชิกยุคปัจจุบันเป็นครั้งแรก และอัลบั้ม "''[[ลูกลุงขี้เมา"]]'' ในปี [[พ.ศ. 2550]] ในโอกาสที่คาราบาวครบ 25 ปี รวมทั้งยังเป็นแขกรับเชิญในงานคอนเสิร์ตต่าง ๆ ของวง และทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์หรือผู้ควบคุมเสียงในการผลิตอัลบั้มของวงอีกต่างหากด้วย
 
=== ชีวิตส่วนตัว ===
เขียว คาราบาวแต่งงานกับพรวรินทร์ พรหมสาขา ณ สกลนคร ทั้งคู่มีทั้งลูกชายและลูกสาว โดยลูกสาวของเขียวคือกิ - [[กิรตรา พรหมสาขา ณ สกลนคร]] (กิ) อดีตสมาชิกวง[[นีซ (วงดนตรี)|นีซ]] สังกัด[[โดโจ ซิตี้]] ที่เคยมีผลงานในปี [[พ.ศ. 2541]] -43 และ[[พ.ศ. ปัจจุบัน2543]] ปัจจุบันเป็นนักร้องสังกัด [[สมอลล์รูม]] นอกจากนี้เขียว คาราบาวยังมีกิจการของตัวเอง เป็นร้านอาหารชื่อ "''สเต็กลาว เขียว คาราบาว"'' โดยเขียวเป็นผู้ดูแลกิจการของร้านเอง และบางครั้งจะขึ้นเล่นดนตรีให้ลูกค้าฟังอีกด้วย [[ไฟล์:Bao106.jpg|thumb|250px|left|คาราบาวในยุคแรกเริ่ม (จากซ้าย) เขียว, แอ๊ด, เล็ก]]
 
== ผลงานเพลง ==