ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กฤษณมูรติ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Santilibrary (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Santilibrary (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: เพิ่มข้อความไม่เป็นวิกิขนาดใหญ่
บรรทัด 22:
เธอทราบไหมว่า วัยเยาว์เป็นช่วงชีวิตที่สำคัญอย่างยิ่ง เธอควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความกลัว ไม่เช่นนั้นเธอจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ขี้ขลาดหวาดกลัว เรากลัวการดำเนินชีวิต กลัวตกงาน กลัวจารีตประเพณี กลัวสิ่งที่เพื่อนบ้านหรือสามีภรรยาจะพูดถึงเรา กลัวความตาย พวกเรามักจะมีความกลัวไม่ลักษณะใดก็ลักษณะหนึ่งอยู่เสมอ เมื่อความกลัวเกิดขึ้นสติปัญญาก็พลันหายไป เป็นไปได้หรือไม่ ที่ช่วงเยาว์วัยเราจะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความหวาดกลัว เป็นบรรยากาศอันเต็มไปด้วยอิสรภาพ ไม่ใช่เพียงแค่อิสรภาพในการได้ทำในสิ่งที่ใจเราปรารถนาเท่านั้น แต่อิสรภาพที่จะทำความเข้าใจกระบวนกาทั้งหมดของการดำรงชีวิต ชีวิตเป็นสิ่งงดงามอย่างยิ่ง ไม่ได้เกลียดน่ากลัวอย่างที่เราทำให้มันเป็น เธอจะชื่นชมและเห็นคุณค่าในความสมบูรณ์ ความลึกล้ำ ความน่ารักพิเศษสุดของชีวิต ก็ต่อเมื่อเธอกบฏต่อสิ่งทั้งปวงเท่านั้น กบฏต่อศาสนาจัดตั้งจารีต กบฏต่อสังคมที่เหลวแหลกอย่างที่เป็นอยู่ เพื่อที่เธอในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง จะได้ค้นหาว่าอะไรคือความจริงด้วยตัวเธอเอง มิใช่การเลียนแบบ แต่เป็นการค้นหา ซึ่งนั่นคือการศึกษามิใช่หรือ เป็นเรื่องง่ายดายที่จะยอมปฏิบัติตาม คล้อยตามคำสั่งสอนของสังคม พ่อแม่และครู ซึ่งเป็นวิถีที่ง่ายและปลอดภัยในการดำรงอยู่ แต่นั่นมิใช่การมีชีวิต เพราะเธอทำเช่นนั้นด้วยความกลัว ความเสื่อมสลายและความตาย การมีชีวิตอยู่คือการค้นพบด้วยตนเองว่าอะไรคือความจริงซึ่งเธอสามารถจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีอิสรภาพ เมื่อเธอกบฏภายในจิตใจ ภายในตัวเธอเองอย่างต่อเนื่อง"
จากหนังสือ กบฏความคิด หน้าที่อ้างอิง 21,23
 
"ฉันอยากถามว่า จะมีประโยชน์อะไรไหม ถ้าคนเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอันลึกซึ้งภายในตนเอง จะเป็นไปได้ไหม ที่การปฏิวัติขั้นพื้นฐานทางจิตอันลึกล้ำจะบังเกิดขึ้น และดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ คนเรามีชีวิตอยู่ในกรอบอันแคบจำกัดและทุกข์ทรมาน จึงเป็นการยากมากที่จะมองเห็นความจริงที่ว่า เธอก็คือคนอื่นๆ ที่มีชีวิตอยู่ในโลก เธอคือส่วนหนึ่งในโลก นี่คือความจริง เป็นสัจจะ มิใช่เป็นการคิดหรือการสร้างเหตุผลขึ้น เธอในฐานะมนุษย์ผู้หนึ่งคือตัวแทนของมนุษยชาติทั้งหมด เธอมีความทุกข์ทรมาน มีความกังวล ความไม่แน่ใจ ความสับสน ความเศร้า ความหวาดกลัว ความเจ็บปวด และอื่นๆ เช่นเดียวกันกับคนทุกคน ดังนั้นสติสำนึกของเธอก็คือสติสำนึกของมนุษยชาติ จากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่าความทุกข์ของมวลมนุษย์นั้นมีอยู่ในสติสำนึก ความทุกข์ของเธอจึงเป็นความทุกข์ของมนุษย์ชาติทั้งหมดด้วย ถ้าเธอรู้สึกอย่างจริงจังว่า ความทุกข์มิใช่เป็นเพียงความทุกข์ของเธอ แต่เป็นของมนุษยชาติทั้งหมดแล้ว เธอก็หยุดร้องไห้ เธอจะเลิกหลั่งน้ำตาให้กับความเจ็บปวด ความล้มเหลว ความกังวล และเรื่องอื่นๆที่แสนจะเล็กน้อยของเธอ เป็นไปได้ไหม ที่คนเราจะหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ ถ้าเป็นไปได้ การหลุดพ้นจากทุกข์ของคนๆหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของมนุษยชาติ ก็ย่อมมีผลกระทบต่อสิ่งที่เรากำลังคุยกัน ลองค้นพบและทดสอบดู นั่นหมายถึงว่า เธอต้องมีอิสระที่จะสังเกต สังเกตโดยปราศจากแรงกระตุ้นผลักดัน ปราศจากความต้องการ ความกดดันและอื่นๆ จงสังเกตดังเช่นเธอสังเกตดูดอกไม้ซึ่งสวยงามเท่านั้น
ฉันสงสัยว่า ทำไมมนุษย์ทั่วโลกไม่สามารถมองเห็นข้อเท็จจริงง่ายๆที่ว่า เธอไม่อาจมีสันติภาพในโลกได้ ถ้าเธอยังมีการแบ่งแยกทางเชื้อชาติกันอยู่ เราต้องการระเบียบภายนอก ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง ศาสนา เศรษฐกิจ สังคม หรือสัมพันธภาพที่มีต่อกัน เราต้องการระเบียบ เราต้องการสันติภาพ เราต้องการความเข้าใจ และถ้าสภาพจิตภายในของเราเป็นระเบียบ ปราศจากความสับสนขัดแย้ง ถ้าสภาพจิตในสติสำนึกของเราเงียบ แน่วแน่มั่นคง แจ่มใสแล้ว เธอก็จะสามารถนำระเบียบมาสู่โลกได้
แต่ขณะนี้ สิ่งที่เรากำลังพยายามทำก็คือ สร้างระเบียบขึ้นโดยทางกฏหมาย เชื้อชาติ และอื่นๆ เป็นระเบียบภายนอกที่ได้รับการพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า นำมาซึ่งความไร้ระเบียบโดยสิ้นเชิง สิ่งที่ผู้พูดต้องการชี้ให้เห็นก็คือว่า ปราศจากระเบียบภายในสติสำนึกซึ่งปกติมักยุ่งเหยิงและขัดแย้ง ปราศจากการสร้างระเบียบทางจิตภายในก่อนแล้ว เธอจะไม่สามารถสร้างระเบียบภายนอกได้เลยและวิกฤตการณ์ทั้งหลายจึงเกิดขึ้น วิกฤตการณ์เหล่านี้มิได้อยู่ภายนอก แต่มันอยู่ภายใน และเราก็ไม่เต็มใจที่จะเผชิญหน้าโดยตรงกับมัน"
จากหนังสือ หนึ่งพันจันทรา หน้าที่อ้างอิง 115-117