เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
|
|
กระซู่ที่โตเต็มที่มีความสูงจรดหัวไหล่ประมาณ 120–145 [[เซนติเมตร|ซม.]] ลำตัวยาวประมาณ 250 ซม. มีน้ำหนัก 500–800 [[กิโลกรัม|กก.]] ถึงแม้ว่าจะมีกระซู่บางตัวในสวนสัตว์ที่หนักมากกว่า 1000 กก. กระซู่เหมือนกับแรดใน[[แอฟริกา]]ที่มีสองนอ นอใหญ่อยู่บริเวณจมูก โดยทั่วไปมีขนาด 15–25 ซม. ยาวที่สุดเท่าที่มีบันทึกไว้คือ 81 ซม.<ref name=LitStud/> นอด้านหลังมีขนาดเล็กกว่ามาก ปกติแล้วจะยาวน้อยกว่า 10 ซม. และบ่อยครั้งที่เป็นแค่ปุ่มขึ้นมา นอมีสีเทาเข้มหรือสีดำ เพศผู้มีนอใหญ่กว่าเพศเมียหรือในเพศเมียบางตัวอาจไม่มีนอใน<ref name="โลกสีเขียว">โลกสีเขียว [http://www.verdantplanet.org/animalfiles/sumatranrhinoceros_(Dicerorhinus_sumatrensis).php กระซู่] แฟ้มสัตว์โลก</ref> และไม่มีลักษณะแบ่งเพศที่เด่นชัดอื่นอีก กระซู่มีอายุโดยประมาณ 30-45 ปีเมื่ออยู่ตามธรรมชาติ มีบันทึกถึง ''D. lasiotis'' เพศเมียในกรงเลี้ยงว่ามีอายุ 32 ปี 8 เดือนก่อนที่จะตายลงในสวนสัตว์ลอนดอนในปี พ.ศ. 2443<ref name=Groves1972/>
มีหนังพับย่นขนาดใหญ่สองวงรอบที่ลำตัวบริเวณหลังขาหน้าและก่อนขาหลัง ที่คอมีรอยพับย่นเล็กน้อยรอบคอและรอบตา ริมฝีปากบนแหลมเป็นจงอยจะงอย<ref name="โลกสีเขียว" /> หนังหนา 10-16 มม. มีสีน้ำตาลอมเทา<ref name="โลกสีเขียว" /> ริมฝีปากและผิวหนังใต้ท้องบริเวณขามีสีเนื้อ<ref name="กองทุนสัตว์ป่าโลก">หนังสือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน ([[กรุงเทพมหานคร]] [[พ.ศ. 2543]]) โดย [[กองทุนสัตว์ป่าโลก]] ISBN 974-87081-5-2</ref> กระซู่ตามธรรมชาติไม่พบไขมันใต้หนัง มีขนปกคลุมหนาแน่นถึงเล็กน้อย (ในลูกกระซู่จะปกคลุมหนาแน่น) ปกติจะมีสีน้ำตาลแดง ในธรรมชาติกระซู่จะไม่ค่อยมีขนให้เห็นได้ชัดเจนนักเพราะเกิดจากการลงแช่ปลัก แต่ในกรงเลี้ยงกระซู่จะมีขนงอกออกมา หยาบ คาดว่าเพราะมีการเสียดสีกับพุ่มไม้ในเวลาเดินน้อยมาก กระซู่มีขนยาวบริเวณรอบหูและปกคลุมบริเวณหลังไปถึงปลายหางซึ่งมีผิวหนังบาง กระซู่เหมือนกับแรดทุกชนิด มีสายตาที่แย่ แต่ประสาทหูและประสาทรับกลิ่นดีมาก<ref name="สารคดี" /> กระซู่เคลื่อนที่ได้เร็วและกระฉับกระเฉง มันสามารถไต่เขาสูงชันและว่ายน้ำเก่ง<ref name="van Strien"/><ref name=Groves1972>{{Cite journal | journal = [[Mammalian Species]] | url = http://www.science.smith.edu/departments/Biology/VHAYSSEN/msi/pdf/i0076-3519-021-01-0001.pdf |format=PDF| year = 1972 | author = Groves, Colin P., and Fred Kurt | title = Dicerorhinus sumatrensis | issue = 21 | pages = 1–6 | doi = 10.2307/3503818}}</ref><ref name=LitStud>{{Cite journal | title = Dicerorhinus sumatrensis (Fischer), the Sumatran or two-horned rhinoceros: a study of literature | last = van Strien | first = N.J. | year = 1974 | journal = Mededelingen Landbouwhogeschool Wageningen | volume = 74 | issue = 16 | pages = 1–82}}</ref>
== การกระจายพันธุ์และถิ่นอาศัย ==
|