ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จอห์น เทร์รี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 32:
จอห์น เกิดในลอนดอนตะวันออก เขาร่วมเล่นกับ[[เชลซี]]ตั้งแต่อายุ 14 ปี ในขณะนั้นเขาเล่นในตำแหน่งกึ่งๆ กองกลาง วันหนึ่งเขาถูกส่งตัวให้ลงเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค มันเป็นวันที่ทีมเยาวชนไม่มีตัวเลือก จากนั้น เขาก็ไม่ได้มองกลับไปตำแหน่งมิดฟิลด์ อีกเลย
ช่วงเวลาสั้นๆ ในการไปเล่นให้กับ[[น๊อตติ้งแฮม ฟอเรสต์]] จากการถูกยืมตัว ช่วยให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น รวมไปถึงการได้กลับมาเล่นร่วมกับนักเตะอย่าง[[มาร์กแซล เดอซาญี่อไซญี่]] และ[[ฟรองค์ เลอเบิฟ]] ซึ่งช่วยให้เขาได้บทเรียนแรกที่สำคัญ นั่นทำให้จอห์น ได้รับการโหวตเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของเชลซี ในฤดูกาลที่ 2 ที่เขาเล่นให้กับทีม
จอห์นลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษนัดแรกในเดือนมิถุนายน ปี 2003 และเขาก็กลายเป็นตัวเลือกแรกในการติด[[ทีมชาติอังกฤษ]]ชุดสู้ศึก[[ยูโร 2004]] และ[[ฟุตบอลโลก 2006]] รวมทั้งการได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมในทัวนาเมนต์นี้ด้วย
สำหรับที่[[เชลซี]] เขาได้เป็นกัปตันทีมก่อนหน้าทีมชาตินิดหน่อย จากการศึกษานักเตะรุ่นพี่อย่างเดอซาญี่อไซญี่ และเขาก็นำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เขารับหน้าที่กัปตันทีม จากนั้น ก็ตามด้วยการชูถ้วยคาร์ลิ่ง คัพ ทำให้จอห์นกลายเป็น 1 ใน 4 กัปตันทีมเชลซีที่ได้นำทีมชูถ้วยในรายการใหญ่ๆ และเขาก็เป็นมากกว่ากัปตันทีม และกองหลังแล้วกลายเป็นนักเตะระดับเวิลด์คลาสในฤดูกาล 2004/05 ด้วยการทำ 8 ประตูให้กับทีมในฤดูกาลนี้ เขาได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีโดยเพื่อนร่วมอาชีพ ซึ่งเขาก็กลายเป็นนักเตะเชลซี คนแรกที่ได้รับเกียรตินี้
ความคงเส้นคงวาของจอห์นยังคงต่อเนื่องไปจนถึงฤดูกาล 2005/06 แม้ว่าท้ายฤดูกาลเขาจะถูกอาการบาดเจ็บทำให้เขาพลาดการลงสนาม แต่เขาก็ยังได้ขึ้นชูถ้วยพรีเมียร์ ลีก เป็นครั้งที่ 2 ในฤดูกาลนี้เขาทำ 7 ประตูในทุกรายการ และเราก็ได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของทีมเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ เขากลายเป็นนักเตะคนที่ 2 ของ[[เชลซี]] ที่ได้สวมปลอกแขนกัปตัน[[ทีมชาติอังกฤษ]] หลังจากเรย์ วิลกินส์ เป็นนักเตะคนแรกของทีมที่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติอังกฤษในช่วงยุค 70 แม้ว่าในปี 2010 นี้ฟาบิโอ คาเปลโล่ จะยึดปลอกแขนกัปตันทีมคืนหลังจากที่จอห์นมีข่าวคราวที่ไม่สู้ดีนักเกี่ยวกับ ชีวิตส่วนตัวของเขา
แม้จะได้ลงสนามให้ทีมมากกว่า 300 เกม แต่ในฤดูกาล 2006/07 เขาก็ถูกรบกวนโดยอาการบาดเจ็บที่หลังโดยตลอด อย่างไรก็ดี เขาก็ได้กลับมา และได้ชูถ้วยแชมป์เอฟเอ คัพ ในสนามเวมบลีย์ ใหม่ และก็ยังสามารถทำประตูได้ในสนามนี้ในเกมทีมชาติด้วย
บรรทัด 46:
วันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 ในนัดชิงชนะเลิศของฟุตบอล[[ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก]]แต่ความทรงจำที่สำคัญในปีนี้ของเขาคงจะหนีไม่พ้นการยิงจุดโทษพลาดที่ลูซนิกิ สเตเดี้ยม ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ้า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขารับหน้าที่ยิงจุดโทษเป็นคนที่ 5 หากยิงเข้า เขาก็จะนำทีมคว้าถ้วยแชมป์กลับลอนดอน แต่แล้วเขากลับลื่น และลูกยิงก็ไปเฉี่ยวเสาออกไป ทำให้ทีมพลาดถ้วยแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และเขาต้องกลับไปขอโทษแฟนๆ สำหรับความผิดพลาดครั้งนี้
แต่ JT ก็เรียกสติตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็วในฤดูกาลถัดมา และยังเป็นกัปตันทีมภายใต้การคุมทีมของหลุยซ์ [[ฟิลิปเป้ สโคลารี่]] จากนั้นก็[[กุส ฮิดดิงค์]] แม้ว่าจะไม่ได้แชมป์ลีกในปีนี้ แต่จอห์นก็ยังได้ชูถ้วยแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นครั้งที่ 2 ของเขา
จากนั้นในฤดูกาลถัดมาแม้จะผิดหวังจากเกมทีมชาติ แต่ JT ก็กลายเป็นกัปตันทีมเชลซี คนแรกที่นำทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ (พรีเมียร์ ลีก และเอฟเอ คัพ) ในปี 2009/2010
บรรทัด 52:
ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 [[ฟาบีโอ กาเปลโล]] ผู้จัดการ[[ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ]] ได้ปลดเทร์รีจากตำแหน่งกัปตันทีมชาติ เนื่องจากข่าวความสัมพันธ์ของเขากับกับวาเนสซา เพอร์รอนเซล ภรรยาของ[[เวย์น บริดจ์]] เพื่อนร่วมทีมชาติ<ref>[http://www.telegraph.co.uk/news/newstopics/celebritynews/7173919/John-Terry-affair-Vanessa-Perroncel-was-paid-to-stay-silent.html John Terry affair: Vanessa Perroncel was paid to stay silent]</ref>
 
ในปี ค.ศ. 2012 เทร์รีลาออกจากการเป็นกองหลังให้กับทีมชาติอังกฤษหลังจากถูก[[สมาคมฟุตบอลอังกฤษ]]แบนในคดีเหยียดสีผิว[[แอนทอน เฟอร์ดินานด์]] ฟุลแบ็ก[[สโมสรฟุตบอลควีนส์พาร์กเรนเจอส์]] เนื่องจากศาลได้มีคำพิพากษาให้จอห์น เทร์รีพ้นผิด แต่[[สมาคมฟุตบอลอังกฤษ]]ยืนยันที่จะริบปลอกแขนของเขา ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้เขาและฟาบีโอ กาเปลโลอย่างมาก เป็นเหตุผลให้ทั้งคู่หันหลังให้ทีมชาติอังกฤษ
 
ฤดูกาล2014-2015 เทอร์รี่ทำสถิติลงเล่นครบ38นัดในลีกถือเป็นนักเตะคนที่จอห์น เทอร์รีเป็นนักเตะคนที่สอง ที่ไม่ใช่ผู้รักษาประตู ซึ่งลงเล่นทุกนาทีกับทีมในหนึ่งฤดูกาล และยังคว้าแชมป์มาครองได้ ต่อจากแกรี พูลลิสเตอร์ ในฤดูกาล 1992/93ท และทำลายสถิติเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังที่ยิงประตูสูงสุดตลอดกาลพรีเมียร์ลีกที่39ประตูแซงหน้า อันสเวิร์ธ ตำนานฟูลแบ็คของท็อฟฟี่สีน้ำเงินเป็นที่เรียบ และพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และแคปปิตอลวันคัพ พร้อมทั้งติดทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลอีกด้วย