ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สะบาโต"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่
DanMTaylor (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความ/แก้คำผิด/เพิ่มอ้างอิง/ตรวจสอบ
บรรทัด 1:
{{รอการตรวจสอบ}}
{{คริสต์}}
'''วันสะบาโต'''<ref>หนังสืออพยพ 20:8, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> ({{lang-en|Sabbath in Christianity หรือ Sabbath Day}}; {{lang-he|שומרי השבת}}) เป็นวันสำคัญทาง[[ศาสนายิวยูดาห์]] และ[[ศาสนาคริสต์]] สะบาโต มาจาก[[ภาษาฮีบรู]] "ซับบาธ" แปลว่า "พัก" พระเจ้าทรงสร้างโลก เว้น6 วัน และทรงพักในวันที่ 7 เพื่อให้มนุษย์ได้ปฏิบัติเป็นแบบอย่าง ถือเป็นวันบริสุทธิ์ห้ามทำกิจกรรมใดๆใด ไดๆ ได้ถือว่าวันนี้เป็นวันพักผ่อน เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ให้ทำกิจกรรมที่เป็นกุศล เช่น การอธิษฐาน การอ่านพระคัมภีร์ และขอบคุณพระเจ้า
 
== คริสเตียนกับวันสะบาโตในศาสนายูดาห์ ==
{{บทความหลัก|วันสะบาโต (ศาสนายูดาห์)}}
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์มีข้อพระธรรมหลายข้อที่กล่าวถึงคำบัญชาของพระเจ้าให้ถือรักษาวันสะบาโต และมีคำตำหนิอย่าง รุนแรงสำหรับคนที่ไม่ถือรักษาวันสะบาโต(อพย.๓๑.๑๒-๑๗ อสย.๕๘.๑๓-๑๔ ยรม.๑๗.๒๑-๒๒ กดว.๑๕.๓๒-๓๖) และคำสั่งเรื่องการถือรักษาวันสะบาโตก็เป็นพระบัญญัติข้อที่๔ของ[[บัญญัติ 10 ประการ]]ที่พระเจ้าทรงประทานผ่านทางท่านโมเสส (อพย.๒๐.๘-๑๑) ซึ่งข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ได้สร้างความรู้สึกไม่สบายใจต่อ คริสเตียนจำนวนมาก เนื่องจากเกรงว่าตนเองกำลังละเมิดพระบัญชาเรื่องวันสะบาโต อีกทั้งคริสตจักรคณะต่างๆก็มีความเห็นแตกต่างกัน เกี่ยวกับเรื่องวันสะบาโตเราจะมีคำถามหลักอยู่ ๒ ประการคือ ๑.วันสะบาโตคือวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ และ๒.คริสเตียนต้องถือรักษาวันสะบาโตหรือไม่
วันสะบาโต ในศาสนายูดาห์ตามระบบ[[ปฏิทินสุริยคติ]] คือ เวลาดวงอาทิตย์ตก(18.00 น.)ของวันศุกร์ ถึง เวลาดวงอาทิตย์ตก(17.59 น.)ของวันเสาร์
 
== วันสะบาโตในศาสนาคริสต์ ==
{{บทความหลัก|วันสะบาโต (ศาสนาคริสต์)}}
วันสะบาโต ในศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตสเตนต์ ([[เซเว่นเดย์แอดเวนทิสต์]]) ตามระบบ[[ปฏิทินสุริยคติ]] คือ วันเสาร์
วันสะบาโต ในศาสนาคริสต์ [[นิกายโรมันคาทอลิก]] และ [[นิกายโปรเตสแตนต์]] (ส่วนใหญ่) ตามระบบ[[ปฏิทินสุริยคติ]] คือ วันอาทิตย์
 
=== คริสเตียนกับวันสะบาโต ===
ใน[[พระคริสตธรรมคัมภีร์คริสตธรรมคัมภีร์]]มีข้อพระธรรมหลายข้อที่กล่าวถึงคำบัญชาของพระเจ้าให้ถือรักษาวันสะบาโต และมีคำตำหนิอย่าง รุนแรงสำหรับคนที่ไม่ถือรักษาวันสะบาโต(อพย.๓๑.๑๒<ref>หนังสืออพยพ 31:12-๑๗17, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref><ref>หนังสือกันดารวิถี อสย.๕๘.๑๓15:32-๑๔36, ยรม.๑๗.๒๑พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref><ref>หนังสืออิสยาห์ 58:13-๒๒14, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref><ref>หนังสือเยเรมีย์ กดว.๑๕.๓๒17:21-๓๖)22, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> และคำสั่งเรื่องการถือรักษาวันสะบาโตก็เป็นพระบัญญัติข้อที่ 4 ของ[[บัญญัติ 10 ประการ]] ที่พระเจ้าทรงประทานผ่านทางท่าน[[โมเสส]]<ref>หนังสืออพยพ (อพย.๒๐.๘20:8-๑๑)11, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> ซึ่งข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ได้สร้างความรู้สึกไม่สบายใจต่อ คริสเตียนจำนวนมาก เนื่องจากเกรงว่าตนเองกำลังละเมิดพระบัญชาเรื่องวันสะบาโต อีกทั้ง[[คริสตจักร]]คณะต่างๆต่าง ๆ ก็มีความเห็นแตกต่างกัน เกี่ยวกับเรื่องวันสะบาโต เราจะมีคำถามหลักอยู่ 2 ประการคือประเด็น ๑.วันสะบาโตคือวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ และ๒.คริสเตียนต้องถือรักษาวันสะบาโตหรือไม่
# วันสะบาโตคือวันเสาร์หรือวันอาทิตย์
# คริสเตียนต้องถือรักษาวันสะบาโตหรือไม่
=== วันสะบาโตคือวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ == =
วันสะบาโตเป็นวันเสาร์หรือเป็นวันอาทิต์เป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันของคริสเตียนสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งถือว่าวันสะบาโตเป็นวันเสาร์ กลุ่มนี้เรียกว่ากลุ่มคริสตจักรวันเสาร์หรือที่เรียกกันอย่างคุ้นเคยว่าคริสตจักรเซเว่นเดย์แอดแวนทิส เวนทิสต์ กลุ่มนี้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการถือรักษาวันสะบาโตในวันเสาร์ จะยึดถือปฏิบัติตามกฎระเบียบเรื่องวันสะบาโตตามที่บันทึกในพระคัมภีร์เดิมภาค[[พันธสัญญาเดิม]] นอกจากกฎเรื่องวันสะบาโตแล้วกลุ่มคริสตจักรเซเว่นเดย์แอดเวนทิสต์ก็ยังรักษากฎอื่น ในพระคัมภีร์ภาค[[พันธสัญญาเดิม]]ด้วย เช่นกฎเกี่ยวกับอาหาร คริสตจักรเซเว่นเดย์แอดเวนทิสต์เป็นกลุ่มคริสเตียนที่มีวิถีปฏิบัติที่ใกล้เคียงกับ[[ศาสนายูดาห์]]มากที่สุด นอกจากแต่ก็มีกฎบางประการที่คริสตจักรเซเว่นเดย์แอดเวนทิสต์ไม่ได้ยึดถือปฏิบัติ คือ พิธี[[ปัสคา]]และพิธี[[สุหนัต]] ซึ่งพิธีทั้งสองก็เป็นเรื่องสำคัญในระดับเดียวกันกับวันสะบาโตแล้ และพระเจ้าก็ทรงบัญชาอย่างหนักแน่นชัดเจนให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกับวันสะบาโต<ref>หนังสือปฐมกาล 17:10-14, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref><ref>หนังสืออพยพ 12:14, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> คำถามที่ตามมาก็คือกลุ่มคริสตจักรเซเว่นเดย์แอดเวนทิสต์ใช้หลักเกณฑ์อะไรในการที่จะเลือกปฏิบัติและไม่ปฏิบัติตามพระบัญญัติบางประการ
วกลุ่มคริสตจักรวันเสาร์ก็ยังรักษากฎอื่นๆในพระคัมภีร์เดิมด้วย เช่นกฎเกี่ยวกับอาหาร คริสตจักรวันเสาร์เป็นกลุ่มคริสเตียนที่มีวิถีปฏิบัติที่ใกล้เคียงกับศาสนายูดาห์มากที่สุด แต่ก็มีกฎบางประการที่คริสตจักรวันเสาร์ไม่ได้ยึดถือปฏิบัติคือ พิธี[[ปัสคา]]และพิธี[[สุหนัต]] ซึ่งพิธีทั้งสองก็เป็นเรื่องสำคัญในระดับเดียวกันกับวันสะบาโต และพระเจ้าก็ทรงบัญชาอย่างหนักแน่นชัดเจนให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกับวันสะบาโต (อพย.๑๒.๑๔ ปฐก.๑๗.๑๐-๑๔) คำถามที่ตามมาก็คือกลุ่มคริสตจักรวันเสาร์ใช้หลักเกณฑ์อะไรในการที่จะเลือกปฏิบัติพระบัญญัติบางข้อ และไม่ปฏิบัติตามพระบัญญัติบางข้อ
 
คริสเตียนอีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าวันสะบาโตคือวันอาทิตย์ กลุ่มคริสเตียนที่ถือว่าวันสะบาโตเป็นวันอาทิตย์ คือ [[นิกายโรมันคาทอลิคคาทอลิก]] และ[[นิกายโปรเตสแตนต์]]ส่วนใหญ่ กลุ่มนี้เชื่อว่าเดิมทีวันสะบาโตเป็นวันเสาร์แต่ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นวันอาทิตย์ โดยได้ให้เหตุผลในการเปลี่ยนแปลงไว้สองประการคือ หนึ่งเมื่อ[[จักรพรรดิคอนสแตนติน]]ได้เปลี่ยน[[จักวรรดิโรมัน]]มาเป็นคริสเตียนในช่วงศตวรรษที่ 4 ก็ได้ร่วมกับคริสตจักรประกาศให้เปลี่ยนแปลงวันสะบาโตจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์ คำถามที่ตามมาก็คือ มนุษย์เราเอาอำนาจอะไรมาเปลี่ยนแปลงพระบัญญัติของพระเจ้า เหตุผลประการที่สองคือคริสตจักรในยุค[[อัครทูต]]ก็ได้นมัสการในวันอาทิตย์<ref>จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่ 1 หนึ่งเมื่อจักรพรรดิคอนสแตนติน16:2, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref><ref>หนังสือกิจการของอัครทูต 20:7, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> โดยให้เหตุผลว่าสาเหตุที่คริสตจักรนมัสการวันอาทิตย์ก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของ[[พระเยซู]]ในวันอาทิตย์ เป็นความจริงที่มีการนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ของคริสตจักรในสมัยแรก แต่นี้ก็ไม่ได้มีเหตุผลเพียงพอที่จะอ้างว่าวันสะบาโตได้เปลี่ยนจักวรรดิโรมจากวันเสาร์มาเป็นคริสเตียนวันอาทิตย์ เพราะเราพบจากพระคัมภีร์ว่าทุกวันเสาร์อัครทูตก็ยังไปที่ธรรมศาลา อีกทั้งคริสตจักรยุคอัครทูตในศตวรรษเวลาเริ่มต้นมีการนมัสการทุกวัน<ref>หนังสือกิจการของอัครทูต 2:46, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref>
ที่๔ก็ได้ร่วมกับคริสตจักรประกาศให้เปลี่ยนแปลงวันสะบาโตจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์ คำถามที่ตามมาก็คือว่ามนุษย์เราเอาอำนาจอะไรมาเปลี่ยนแปลงพระบัญญัติของพระเจ้า เหตุผลประการที่สองคือคริสตจักรในยุคอัครทูตก็ได้นมัสการในวันอาทิตย์(๑คร.๑๖.๒ กจ.๒๐.๗) โดยให้เหตุผลว่าสาเหตุที่คริสตจักรนมัสการวันอาทิตย์ก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูในวันอาทิตย์ เป็นความจริงที่มีการนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ของคริสตจักรในสมัยแรก แต่นี้ก็ไม่ได้มีเหตุผลเพียงพอที่จะอ้างว่าวันสะบาโตได้เปลี่ยนจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์ เพราะเราพบจากพระคัมภีร์ว่าทุกวันเสาร์อัครทูตก็ยังไปที่ธรรมศาลา อีกทั้งคริสตจักรยุคอัครทูตในเวลาเริ่มต้นมีการนมัสการทุกวัน(กจ.๒.๔๖)
 
วันสะบาโตเป็นวันที่สถาปนาโดยพระเจ้า[[พระเป็นเจ้า]]และพระองค์ตรัสว่าเป็นพันธสัญญาตลอดชั่วชาติพันธุ์ ดังนั้นวันสะบาโตจึงตรงกับวันเสาร์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง (เริ่มจากเย็นดวงอาทิตย์ตก(18.00 น.)ของวันศุกร์จน ถึงเย็น เวลาดวงอาทิตย์ตก(17.59 น.)ของวันเสาร์ ตามการนับวันเวลาของพระคัมภีร์) วันสะบาโตตั้งขึ้นโดยอำนาจของพระเจ้า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องเปลี่ยนโดยอำนาจของพระเจ้าไม่ใช่อำนาจของคริสตจักรหรือรัฐ และเราไม่เคยพบข้อความใดในพระคัมภีร์ที่แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเปลี่ยนวันสะบาโตจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์
 
=== คริสเตียนต้องถือรักษาวันสะบาโตหรือไม่ ===
ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นคริสเตียนส่วนใหญ่เชื่อว่าตนยังต้องถือรักษาวันสะบาโตอยู่ เพียงแต่บางส่วนยึดถือว่าวันสะบาโตเป็นวันเสาร์และบางส่วนถือว่าวันสะบาโตได้เปลี่ยนจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์ แต่จากนี้ไปจะเป็นเหตุผลและหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าคริสเตียนไม่ได้อยู่ภายใต้พันธสัญญาเรื่องวันสะบาโต คริสเตียนจึงไม่ได้มีหน้าที่ในการถือรักษาวันสะบาโต
 
คำสั่งเรื่องวันสะบาโตเป็นคำสั่งเฉพาะสำหรับคน[[วงศ์วานอิสราเอล]]เท่านั้น หากเราพิจารณาดูทุกครั้งที่มีการกล่าวถึงคำสั่งของพระเจ้าเรื่องการถือรักษาวันสะบาโตจะเป็นการกล่าวกับชนชาติวงศ์วานอิสราเอล และจะเป็นการกล่าวภายใต้พันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับชนชาติวงศ์วานอิสราเอล โดยตั้งอยู่บนเหตุการณ์ที่พระเจ้าทรงช่วยกู้ชนชาติอิสราเอลออกจากการเป็นทาสในอียิปต์(อพย.๒๐ข้อ๒และข้อ๘) <ref>หนังสืออพยพ 20:2,8, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> วันสะบาโตเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างอิสราเอลกับพระเจ้า และชนชาติอิสราเอลได้รับพระบัญชาถือรักษาวันสะบาโตไว้ตราบเท่าที่ยังมีคนอิสราเอลอยู่<ref>หนังสืออพยพ 31:12-13, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> ดังนั้นคริสเตียนจึงไม่ต้องถือรักษาวันสะบาโตเพราะเราไม่ใช่ชนชาติอิสราเอลที่ต้องอยู่ภายใต้พันธสัญญาระหว่างชนชาติอิสราเอลกับพระเจ้า คริสเตียนไม่ได้อยู่ภายใต้พันธสัญญาที่ตั้งอยู่บนการช่วยกู้จากอียิปต์เหมือนชนชาติอิสราเอล แต่อยู่ภายใต้พันธสัญญาใหม่ที่ตั้งอยู่บนการช่วยกู้ให้พ้นจากบาปโดย[[พระคริสต์]] และเรามีเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับพระเจ้าคือ[[พิธีบัพติศมา]]และ[[พิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์]]<ref>พระวรสารนักบุญมัทธิว 26:26-28, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref><ref>หนังสือกิจการของอัครทูต 2:37-39, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref><ref>จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่ 1 11:23-26, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> สรุปให้เข้าใจโดยง่ายก็คือคริสเตียนและคนยิวถือหนังสือสัญญาคนละฉบับ เนื้อหาของหนังสือสัญญาแต่ละฉบับย่อมมีความแตกต่างกัน การนำเนื้อหาและเงื่อนไขทั้งสองฉบับมาปะปนกันย่อมก่อให้เกิดปัญหาทั้งในด้านการทำความเข้าใจและในการปฏิบัติ ซึ่งสภาพการณ์เช่นนี้ก็เป็นดังที่[[พระเยซู]]ตรัสเปรียบเทียบว่าเหมือนการนำเหล้าองุ่นหมักใหม่มาใส่ในถุงหนังใบเก่า ซึ่งผลที่ตามมาคือความเสียหายเพราะถุงหนังเก่าจะไม่สามารถทนแรงดันของเหล้าองุ่นหมักใหม่<ref>พระวรสารนักบุญมัทธิว 9:17, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref>
แห่งพันธสัญญาระหว่างอิสราเอลกับพระเจ้า และคนอิสราเอลได้รับพระบัญชาถือรักษาวันสะบาโตไว้ตราบเท่าที่ยังมีคนอิสราเอลอยู่(อพย.๓๑.๑๒-๑๓) ดังนั้นคริสเตียนจึงไม่ต้องถือรักษาวันสะบาโตเพราะเราไม่ใช่คนอิสราเอลที่ต้องอยู่ภายใต้พันธสัญญาระหว่างคนอิสราเอลกับพระเจ้า คริสเตียนไม่ได้อยู่ภายใต้พันธสัญญาที่ตั้งอยู่บนการช่วยกู้จากอียิปต์เหมือนคนอิสราเอล แต่อยู่ภายใต้พันธสัญญาใหม่ที่ตั้งอยู่บนการช่วยกู้ให้พ้นจากบาปโดยพระคริสต์ และเรามีเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับพระเจ้าคือ[[พิธีบัพติศมา]]และ[[พิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์]](มธ.๒๖.๒๖-๒๘ ๑ คร.๑๑.๒๓-๒๖ กจ.๒.๓๗-๓๙) สรุปให้เข้าใจโดยง่ายก็คือคริสเตียนและคนยิวถือหนังสือสัญญาคนละฉบับ เนื้อหาของหนังสือสัญญาแต่ละฉบับย่อมมีความแตกต่างกัน การนำเนื้อหาและเงื่อนไขทั้งสองฉบับมาปะปนกันย่อมก่อให้เกิดปัญหาทั้งในด้านการทำความเข้าใจและในการปฏิบัติ ซึ่งสภาพการณ์เช่นนี้ก็เป็นดังที่พระเยซูตรัสเปรียบเทียบว่าเหมือนการนำเหล้าองุ่นหมักใหม่มาใส่ในถุงหนังใบเก่า ซึ่งผลที่ตามมาคือความเสียหายเพราะถุงหนังเก่าจะไม่สามารถทนแรงดันของเหล้าองุ่นหมักใหม่(มัทธิว ๙.๑๗)
 
สภาของอัครทูตและผู้ปกครองใน[[กรุงเยรูซาเล็มเยรูซาเลม]]ตามที่บันทึกในพระธรรมหนังสือกิจการของอัครทูต บทที่ ๑๕ 15 มีมติให้คริสเตียนที่เป็นชาวต่างชาติไม่ต้องเข้า[[พิธีสุหนัต]]หรือถือตามกฎข้อปฏิบัติของคนอิสราเอล ปัญหาใหญ่ของคริสตจักรยุคแรกเกิดจากความเข้าใจเรื่องข้อปฏิบัติต่างๆต่าง ๆ ในศาสนายูดาห์ พระเยซูคริสต์ทรงเกิดเป็นชาวยิว อัครทูตและสาวกกลุ่มแรกก็เป็นชาวยิว ความเข้าใจเรื่องพระเจ้าของคริสเตียนก็มีพื้นฐานมาจากพระคัมภีร์เดิมภาคพันธสัญญาเดิม หรือคัมภีร์[[โทราห์]]ของชาวยิว ดังนั้นจึงมีคริสเตียนกลุ่มใหญ่ที่เชื่อว่าเมื่อคนต่างชาติจะมาเป็นคริสเตียนนั้นจะต้องเข้าพิธีสุหนัตก่อน เพราะพิธีสุหนัตเป็นเหมือนประตูเข้าสู่ศาสนายูดาห์ เหมือนพิธีบัพติศมาเป็นประตูเข้าสู่ศาสนาคริสต์ และเมื่อรับพิธีสุหนัตแล้วก็ต้องถือรักษาระเบียบพิธีต่างๆต่าง ๆ แบบคนชาวยิว(<ref>จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวกาลาเทีย 5:๓)3, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> แต่ท่านเปาโลและพวกได้ต่อสู้กับความเชื่อดังกล่าวอย่างเต็มที่ ความขัดแย้งนี้จึงถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมของสภาอัครทูตและผู้ปกครองในพระธรรมหนังสือกิจการของอัครทูต บทที่ ๑๕ 15 ซึ่งที่ประชุมมีมติให้คริสเตียนต่างชาติไม่ต้องเข้าพิธีสุหนัต และเมื่อไม่ต้องเข้าพิธีสุหนัตก็หมายความว่าไม่ต้องเข้าสู่พันธสัญญาระหว่างคนชนชาติอิสราเอลกับพระเจ้า ดังนั้นกฎอื่นๆอื่น ๆ ในศาสนายูดายยูดาห์จึงไม่เป็นกฎที่คริสเตียนถูกผูกมัดให้ถือปฏิบัติ เมื่อเราอ่านถึงสิ่งที่คริสเตียนในพระธรรมหนังสือกิจการของอัครทูตกระทำ เราต้องเข้าใจว่ามีวิถีการปฏิบัติที่แตกต่างกันระหว่างคริสเตียนยิวกับคริสเตียนที่เป็นคนต่างชาติ คริสเตียนต่างชาติที่ไม่ใช่ยิวจะถือรักษาเฉพาะพิธีบัพติศมาและพิธีมหาสนิท แต่คริสเตียนยิวในฐานะที่เป็นคริสเตียนเขาจะถือรักษาพิธีบัพติศมาและพิธีมหาสนิท และในฐานะที่เขาเป็นยิวเขาจะถือพิธีสุหนัต พีธี[[ปัสคา]]และถือรักษาวันสะบาโตด้วย ในพระธรรมหนังสือกิจการของอัครทูต บทที่๒๑ 21 ข้อ๑๗ 17-๒๖ 26 ท่านเปาโลถูกกล่าวหาว่าสั่งสอนคนยิวในต่างแดนให้ละทิ้งวิถีปฏิบัติของยิว แต่เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ท่านจึงต้องทำการบนตัวตามหลักของพระบัญญัติที่พระวิหารเพื่อแสดงว่าท่านเองก็ยังปฏิบัติตามวิถีของคนยิวอย่างเคร่งครัด เพราะท่านก็เป็นยิวด้วย
 
มีหลักฐานจากข้อพระคัมภีร์ที่ต่อต้านคำสอนเรื่องให้คริสเตียนต่างชาติถือรักษาวันสะบาโต ในจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโคโลสี บทที่ 2 ข้อ๑๖ 16 กล่าวว่า”เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการว่า ''”เพราะ‍ฉะนั้น​อย่า​ให้​ใคร​พิพาก‌ษา​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​ใน​เรื่อง​การ​กินการ การ​ดื่ม ในเรื่องเทศกาลใน​เรื่อง​เทศ‌กาล วันต้นหรือ​วัน​ต้น‍เดือน หรือ​วัน‍สะ‌บา‌โต”'' หรือวันสะบาโต”(พระธรรมจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโคโลสีเป็นจดหมายของเปาโลที่เขียนถึงคริสเตียนในเมืองโคโลสีซึ่งไม่ได้เป็นคนยิว) และเราก็ไม่เคยพบว่าพระคริสต์หรืออัครทูตได้มีคำสั่งให้คริสเตียนถือรักษาวันสะบาโตสักครั้งเดียว ถ้าหากว่าคำสอนเรื่องการถือรักษาวันสะบาโตเป็นเรื่องสำคัญพระคริสต์และอัครทูตก็ย่อมต้องกล่าวถึงเรื่องนี้หลายครั้ง การที่พระคริสต์และอัครทูตไม่เคยสั่งการให้ถือรักษาวันสะบาโตก็ย่อมแสดงว่าเรื่องวันสะบาโตไม่ใช่หน้าที่ของคริสเตียนที่จะต้องถือปฏิบัติ
 
== ในสมัยพระเยซูคริสต์ชาวยิวกับชาวสะมาเรียถกเถียงกันเรื่องสถานที่ที่ถูกต้องในการนมัสการพระเจ้า ==
ชาวสะมาเรียเชื่อว่าภูเขาเกริชิมคือสถานที่ซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดไว้เพื่อเป็นสถานนมัสการ ส่วนชาวยิวเชื่อว่าพระเจ้าทรงกำหนดกรุงเยรูซาเล็มเยรูซาเลมให้เป็นที่ตั้งของพระวิหารเพื่อการนมัสการ แต่พระคริสต์ตรัสสอนในพระธรรมยอห์นบทที่วรสารนักบุญยอห์น บทที่ 4 ว่าสาระสำคัญของการนมัสการไม่ไม่ไช่เรื่องสถานที่แต่เป็นท่าทีของเราในการนมัสการ พระเยซูสอนว่าการนมัสการที่แท้จริงเป็นการนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง ในปัจจุบันเราก็ถกเถียงกันเรื่องว่าวันใดคือวันที่พระเจ้าทรงตั้งไว้เพื่อการนมัสการพระองค์ บางคนก็ว่าวันเสาร์ บางคนก็ว่าวันอาทิตย์ แต่พระคริสต์ก็ตรัสเหมือนเดิมว่าสาระสำคัญของการนมัสการไม่ได้อยู่ที่วันเสาร์หรือวันอาทิตย์ สาระสำคัญคือการนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง
 
ผู้เขียน ชวน พันธสัญญากุล
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง|2}}
 
[[หมวดหมู่:วันสำคัญทางศาสนาคริสต์]]
 
{{โครงศาสนา}}
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/สะบาโต"