ผลต่างระหว่างรุ่นของ "บุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Kanitbas121 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
NIT SESHA (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{Infobox person
| name = บุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์
| image = Boonpong sirivejjabhandhu.jpg
| image = บุญผ่อง_สิริเวชชะพันธ์,_สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส.jpg
| alt =
| caption =
| birth_date = [[21 เมษายน]] [[พ.ศ. 2449]]
| birth_place = ตลาดปากแพรก [[อำเภอเมืองกาญจนบุรี|อำเภอเมือง]] [[จังหวัดกาญจนบุรี]]
| death_date = [[29 มกราคม]] [[พ.ศ. 2525]] (76 ปี)
| death_place = [[กรุงเทพมหานคร]]
| nationality =
| other_names =
| known_for = ผู้มีส่วนช่วยเหลือเชลยสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
| occupation = อดีตนักธุรกิจและนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี
}}
 
'''พันโทบุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์''' ([[21 เมษายน]] [[พ.ศ. 2449]] - [[29 มกราคม]] [[พ.ศ. 2525]]) อดีตนักธุรกิจและนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี ผู้มีส่วนช่วยเหลือเชลยสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อดีตนักธุรกิจกิจการรถเมล์บุญผ่อง รถเมล์เอกชนวิ่งรับผู้โดยสารในกรุงเทพมหานคร
 
== ประวัติ ==
'''พันโทบุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์''' เกิดเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2449 ที่ตลาดปากแพรก [[อำเภอเมืองกาญจนบุรี|อำเภอเมือง]] [[จังหวัดกาญจนบุรี]] เป็นบุตรชายคนโตในบรรดาบุตรทั้งหมด 7 คน ของ นายแพทย์ขุนสิริเวชชะพันธุ์ (เขียน สิริเวชชะพันธุ์) กับนางลำเจียก สิริเวชชะพันธุ์ และเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของ นาย[[แผน สิริเวชชะพันธ์]] [[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี]] (ส.ส.กาญจนบุรี) 3 สมัย และ[[อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม บุญผ่องมีพี่น้องทั้งหมด 7 คน คือ 1. พันโทบุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์ 2. นาย[[แผน สิริเวชชะพันธ์]]ในปี 3. นายผล สิริเวชชะพันธ์ 4. 2518นายผวน สิริเวชชะพันธ์ 5. นางบุหงา เจริญรัถ 6. นายศิลป์ สิริเวชชะพันธ์ 7. นางบุบผา กฤษณามระ
มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน ดังนี้
 
1. พันโทบุญผ่องสมรสกับนางสุรัตน์ สิริเวชชะพันธ์ (นามสกุลเดิม: ชอุ่มพฤษ์) ทั้งคู่มีบุตรสาวด้วยกันทั้งหมด 1 คน คือ นางผณี ศุภวัฒน์
 
==ประวัติการศึกษา ==
2. นาย[[แผน สิริเวชชะพันธ์]]
พันโทบุญผ่อง จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจาก[[โรงเรียนวิสุทธรังษี]] โรงเรียนประจำจังหวัดกาญจนบุรีแล้วได้ไปศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่[[โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย]] จบการศึกษาเมื่อ [[พ.ศ. 2469]] หลังจากนั้นได้เข้ารับราชการที่[[กรมรถไฟหลวง|กรมรถไฟ]]เป็นเวลา 8 ปี จึงลาออกมาประกอบอาชีพค้าขายกับบิดาและพี่น้อง ๆ ที่บ้านจังหวัดกาญจนบุรี โดยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของครอบครัว ต่อมาได้สมรสกับบุญผ่องมีบ้านเรือนอยู่ที่ตึกแถวถนนเลียบริมแม่น้ำแม่กลอง นางสุรัตน์เป็นตึกสูง สิริเวชชะพันธ์3 (นามสกุลเดิม:ชั้น ชอุ่มพฤษ์) ทั้งคู่โดยมีบุตรสาวด้วยกันทั้งหมดชื่อร้านว่า 1“Boonpong คนand คือBrothers” นางผณี(บุญผ่อง ศุภวัฒน์แอนด์ บราเดอร์)
 
3. นายผล สิริเวชชะพันธ์
 
4. นายผวน สิริเวชชะพันธ์
 
5. นางบุหงา เจริญรัถ
 
6. นายศิลป์ สิริเวชชะพันธ์
 
7. นางบุบผา กฤษณามระ
 
พันโทบุญผ่อง จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจาก[[โรงเรียนวิสุทธรังษี]] โรงเรียนประจำจังหวัดกาญจนบุรีแล้วได้ไปศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่[[โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย]] จบการศึกษาเมื่อ พ.ศ. 2469 หลังจากนั้นได้เข้ารับราชการที่[[กรมรถไฟหลวง|กรมรถไฟ]]เป็นเวลา 8 ปี จึงลาออกมาประกอบอาชีพค้าขายกับบิดาและพี่น้อง ๆ ที่บ้านจังหวัดกาญจนบุรี โดยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของครอบครัว ต่อมาได้สมรสกับ นางสุรัตน์ สิริเวชชะพันธ์ (นามสกุลเดิม: ชอุ่มพฤษ์) ทั้งคู่มีบุตรสาวด้วยกันทั้งหมด 1 คน คือ นางผณี ศุภวัฒน์
 
ต่อมานายบุญผ่อง ได้ลงสมัครเป็นนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี และได้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2483-พ.ศ. 2485 นับเป็นนายกเทศมนตรีคนที่ 3 ของเมืองกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองพอดี ซึ่งนายบุญผ่องขณะนั้นมีอายุเพียง 40 ปี<ref name="ย้อน"/>
 
==บุญผ่องกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ==
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นมีแผนในการสร้าง[[ทางรถไฟสายมรณะ|ทางรถไฟเพื่อที่จะตัดต่อไปยังประเทศพม่า]] จึงมีการต้อนเชลยศึกซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารสัมพันธมิตรชาติอังกฤษ, ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์มาที่กาญจนบุรีเพื่อสร้างทางรถไฟ จึงได้มาติดต่อขอซื้ออาหารจากร้านบุญผ่องแอนด์บราเดอร์ ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว ของนายบุญผ่อง เพื่อให้ไปส่งถึงที่ค่ายที่บริเวณเขาช่องไก่ เลียบ[[แม่น้ำแควน้อย]] ([[ช่องเขาขาด]] ในปัจจุบัน) นายบุญผ่องเมื่อได้เข้าไปถึงในค่ายเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเชลยแล้วพบว่า มีความเป็นที่อยู่ที่ทรมานอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่บาดเจ็บล้มป่วยจาก[[ไข้ป่า|โรคมาเลเรีย]]และการทำงานหนัก แต่ไม่มียารักษา จากสภาพแวดล้อมที่เป็นป่าดิบทึบ มีเชลยที่ต้องเสียชีวิตจากการนี้เป็นจำนวนมาก นายบุญผ่องจึงแอบลักลอบนำยาตลอดจนอาหารและจดหมายติดต่อต่าง ๆ เข้าไปยังค่ายก่อสร้าง โดยซ่อนไว้ในหีบห่อหรือบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ แม้จะต้องเสี่ยงต่อชีวิต ซึ่งในครั้งหลัง ๆ นายบุญผ่องได้ให้บุตรสาวเพียงคนเดียวเอาเข้าไปให้แทน จากการที่สร้างมิตรภาพแก่ทหารญี่ปุ่น จนได้รับความไว้วางใจ กระทั่งได้รู้จักกับ น.พ.[[เอ็ดเวิร์ด "เวรี่" ดันล็อป]] แพทย์ทหารชาวออสเตรเลีย หนึ่งในเชลยศึก
 
หลังสงครามยุติ นายบุญผ่องได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และได้รับยศ [[พันโทThe George Cross]] (GC) จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อครั้งเสด็จฯเยือนเมืองไทยในปี [[พ..) 2515]] อีกทั้งได้รับสั่งให้บุญผ่องและภรรยาเข้าเฝ้าและร่วมโต๊ะเสวยด้วย สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 น.พ.ดันล็อปได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นท่านเซอร์ยศ[[พันโท]]แก่นายบุญผ่อง จากรัฐบาลอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระราชทานบรรดาศักดิ์ท่านเซอร์ และแก่น.พ.ดันล็อปอีกด้วย ทั้งคู่ได้ร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิ "Weary Dunlop Boon Pong Exchange Fellowship" ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ให้ทุนแก่นักศึกษาแพทย์ชาวไทย โดยเฉพาะ[[ศัลยแพทย์]] ไปศึกษาต่อด้านแพทยศาสตร์ที่ประเทศออสเตรเลีย<ref name="คม"/> <ref>[http://news.thaipbs.or.th/content/%E2%80%9C%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E2%80%9D-%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%8D-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1 “บุญผ่อง” ละครสะท้อนเรื่องราวความกล้าหาญ - มีมนุษยธรรม จากไทยพีบีเอส]</ref>
 
วีรกรรมที่พันโทบุญผ่องได้สร้างไว้ ทำให้ได้รับการยกย่องอย่างมากจากชาติสัมพันธมิตร และได้รับฉายาจาก น.พ.ดันล็อปว่า "The Quiet Lions" (สิงโตเงียบ) เนื่องจากในช่วงต้นที่ติดต่อกันนั้น พันโทบุญผ่องต้องระมัดระวังตัวมาก โดยหลังสงคราม ได้เดินทางเข้าสู่[[กรุงเทพมหานคร]] เพื่อประกอบกิจการรถเมล์ ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ตอบแทนน้ำใจนายบุญผ่อง ด้วยการมอบรถที่ยึดได้จากกองทัพญี่ปุ่นเกือบ 200 คัน ให้ไปเป็นรถประกอบกิจการ ในนาม บริษัท บุญผ่อง จำกัด เรียกกันว่า รถเมล์สายสีน้ำเงิน นับเป็นคู่แข่งรถเมล์ขาวของบริษัท นายเลิศ ของนาย[[เลิศ เศรษฐบุตร]] <ref name="คม">[http://www.komchadluek.net/detail/20130512/158221/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94.html บุญผ่อง วีรชนช่องเขาขาด โดยธีรภาพ โลหิตกุล จากคมชัดลึก]</ref>
 
== ถึงแก่กรรม ==
พันโทบุญผ่อง ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ [[29 มกราคม]] [[พ.ศ. 2525]] ด้วยโรคเส้นเลือดในหัวใจพอง เรื่องราววีรกรรมของพันโทบุญผ่องได้ถูกถ่ายทอดเป็น[[ละครโทรทัศน์]]เรื่อง ''[[บุญผ่อง]]'' เมื่อกลางปี พ.ศ. 2556 ทาง[[สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส]]<ref name="ย้อน">[http://event.thaipbs.or.th/event/index.php?q=node/659 ย้อนประวัติ รู้จักกับบุญผ่อง จากไทยพีบีเอส]</ref> <ref>[http://www.oknation.net/blog/boonpong/2013/05/05/entry-1 ลาก่อนเวรี่... ลาทีบุญผ่อง จากโอเคเนชั่น]</ref>
พันโทบุญผ่อง ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ [[29 มกราคม]] [[พ.ศ. 2525]] ด้วยโรคเส้นเลือดในหัวใจพอง มีการตีพิมพ์ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และออสเตรเลีย รายงานว่า วีรบุรุษสงครามโลกชาวไทยได้เสียชีวิตด้วยโรคเส้นเลือดในหัวใจพอง มีการสัมภาษณ์อดีตทหารผ่านศึกหลายคน กล่าวยกย่องความกล้าหาญและทำให้พวกเขารอดชีวิตมาได้เพราะผู้ชายไทยคนนี้
 
พันโทบุญผ่อง ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ [[29 มกราคม]] [[พ.ศ. 2525]] ด้วยโรคเส้นเลือดในหัวใจพอง เรื่องราววีรกรรมของพันโทบุญผ่องได้ถูกถ่ายทอดเป็น[[ละครโทรทัศน์]]เรื่อง ''[[บุญผ่อง]]'' เมื่อกลางปี พ.ศ. 2556 ทาง[[สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส]]<ref name="ย้อน">[http://event.thaipbs.or.th/event/index.php?q=node/659 ย้อนประวัติ รู้จักกับบุญผ่อง จากไทยพีบีเอส]</ref> <ref>[http://www.oknation.net/blog/boonpong/2013/05/05/entry-1 ลาก่อนเวรี่... ลาทีบุญผ่อง จากโอเคเนชั่น]</ref>
 
==อ้างอิง==