ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พญางำเมือง"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 24:
'''พญางำเมือง'''<ref>[[ประเสริฐ ณ นคร]]. (2549, กุมภาพันธ์). ''ประวัติศาสตร์เบ็ดเตล็ด.'' กรุงเทพฯ: มติชน. ISBN 9743236007. หน้า 269.</ref> ({{lang-nod|ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨦᩴᩣᨾᩮᩧ᩠ᩋᨦ}}) หรือ '''พญางำเมือง'''<ref>[[ประเสริฐ ณ นคร]]. (2549, กุมภาพันธ์). ''ประวัติศาสตร์เบ็ดเตล็ด.'' กรุงเทพฯ: มติชน. ISBN 9743236007. หน้า 234.</ref> '' พระราชโอรสของ[[พญามิ่งเมือง]] ประสูติ เมื่อปี [[พ.ศ. 1781]] (จ.ศ. 600) เดือน 6 ขึ้น 15 ค่ำ เมื่อพระชนมายุได้ 14 พรรษา ได้ไปศึกษาเล่าเรียน ศึกษาศาสตร์เพท ในสำนักอิสติน อยู่ภูเขาดอยด้วน เรียนอยู่ 2 ปี ครั้นพระชนมายุได้ 16 พรรษา ได้ไปศึกษาศิลปศาสตร์ ในสำนักสุกทันตฤๅษี กรุงละโว้ (ลพบุรี) เป็นศิษย์ร่วม สำนักเดียวกับ [[พญามังรายมหาราช]] และ [[พ่อขุนรามคำแหง]] พระร่วงเจ้าแห่ง[[กรุงสุโขทัย]] จึงสนิทสนมร่วมผูกไมตรี เป็นพระสหายตั้งแต่นั้นมา
ปี [[พ.ศ. 1801]] (จ.ศ. 620) พญา
พญางำเมือง ทรงเป็นกษัตริย์ ที่ทรงทศพิธราชธรรมและมีเมตตาเป็นที่ประจักษ์ ดังเช่น เหตุการณ์ ในประวัติศาสตร์กล่าวถึง พ่อขุนรามคำแหง พระสหาย ได้เสด็จไปมาหาสู่กัน เสมอมิได้ขาด จนเส้นทางที่เสด็จผ่านเป็นร่องลึกเรียกว่า แม่ร่องช้าง ในปัจจุบัน พระร่วงเจ้าเสด็จมาเมืองพะเยา ทรงเห็น[[พระนางอั้วเชียงแสน]] พระชายา พญางำเมือง มีรูปโฉมอันงามยิ่ง ก็บังเกิดปฏิพัทธิ์รักใคร่ และพระนาง ก็มีจิตปฏิพัทธ์เช่นกัน จึงได้ลักลอบปลอมแปลงพระองค์คล้ายกับพญางำเมือง เข้าสู่ห้องบรรทมพระนางอั้วเชียงแสน พญางำเมืองทราบเหตุ และสั่งให้อำมาตย์ ไพร่พล ทหารตามจับพระร่วงเจ้า นำไปขังได้และมีราชสาส์นเชิญพญามังราย ผู้เป็นสหายมาพิจารณาเหตุการณ์ พญามังรายทรงไกล่เกลี่ย ให้ทั้งสองพระองค์เป็นมิตรไมตรีต่อกันดังเดิม โดยขอให้พระร่วงเจ้าขอขมาโทษ พญางำเมือง ด้วยเบี้ยเก้าลุนทอง คือ เก้าแสนเก้าหมื่นเบี้ย เพื่อกำชับพระราชไมตรีต่อกันยิ่งกว่าเก่า กษัตริย์ทั้ง 3 พระองค์ได้ตั้งสัตยาธิษฐานต่อกัน ณ ริมฝั่งแม่น้ำขนภู แม่น้ำแห่งนี้จึงเรียกชื่อภายหลังว่า "[[แม่น้ำอิง]]"
|