ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ซูโจว"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Xqbot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต: ลิงก์บทความคัดสรร hu:Szucsou; ปรับแต่งให้อ่านง่าย
G(Bot) (คุย | ส่วนร่วม)
Adding dtac article designator, article needing attention using AWB
บรรทัด 1:
{{บทความดีแทค}}
{{Infobox settlement
<!-- Basic info ---------------->
เส้น 137 ⟶ 138:
'''ซูโจว''' <span>(</span>[[จีนตัวเต็ม]]<span>: 蘇州; </span>[[จีนตัวย่อ]]<span>: 苏州</span>) เป็นเมืองสำคัญทางตะวันออกเฉียงใต้ของ[[มณฑลเจียงซู]]<span> ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของ</span>[[ประเทศจีน]] อยู่ติดกับ[[เขตการปกครองพิเศษของจีน|เขตการปกครองพิเศษ]][[เซี่ยงไฮ้]] ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ตอนปลายของ[[แม่น้ำแยงซี]] ริมฝั่ง[[ทะเลสาบไท่หรือไท่หู]] (อังกฤษ: Lake Tai or Tai Hu; จีนตัวย่อ: 太湖) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่[[สามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี]] เป็น[[เขตการปกครองระดับจังหวัด]]ที่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 4 ล้านคนในเขตเมือง และมีประชากรรวมกว่า 10 ล้านคนในพื้นที่เขตปกครองทั้งหมด เมืองซูโจวยังถือได้ว่าเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน<ref>[http://blogs.ft.com/beyond-brics/2010/12/08/china-regions-to-be-bigger-than-russia/ China provinces ‘to be bigger than Russia’]</ref> เป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ศูนย์กลางการค้า และการขนส่ง นอกจากนี้ซูโจวยังเป็นเมืองสำคัญด้านวัฒนธรรม การศึกษา ศิลปะ และการคมนาคม
 
เมืองซูโจวเริ่มก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อ 514 ปี ก่อนคริสตกาล มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ในสมัย[[ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก]] หรือเมื่อประมาณ 100 ปี ก่อนคริสตกาล เมืองซูโจวเป็นหนึ่งในสิบเมืองใหญ่ที่สุดในโลกเนื่องจากมีผู้คนอพยพเข้ามาอยู่จำนวนมาก<ref>{{cite book|author=Tertius Chandler|title=Four Thousand Years of Urban Growth: An Historical Census|year=1987|publisher=St. David's University Press|isbn=978-0889462076}}</ref><ref>{{cite web|title=Top 10 Cities of the Year 100|url=http://geography.about.com/library/weekly/aa011201b.htm|publisher=About.com|accessdate=2013-10-20}}</ref> และในศตวรรษที่ 10 สมัย[[Song Dynasty|ราชวงศ์ซ่ง]] เมืองซูโจวเคยเป็นเมืองศูนย์กลางด้านพาณิชย์ที่สำคัญของประเทศ ต่อมาในสมัย[[Ming Dynasty|ราชวงศ์หมิง]]และ[[Qing Dynasty|ราชวงศ์ชิง]] จนถึงช่วง[[Taiping Rebellion|กบฏไท่ผิง]] (Taiping Rebellion) ในปี ค.ศ. 1860 เมืองซูโจวเป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และพาณิชย์<ref>{{cite web|title=The Grand Canal|url=http://whc.unesco.org/en/tentativelists/5318/|publisher=[[World Heritage Centre|UNESCO World Heritage Centre]]|accessdate=1 January 2014}}</ref> และเป็นเมืองที่ไม่ใช่เมืองหลวงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกในสมัยนั้นอีกด้วย<ref>{{cite book|first=Michael|last=Marme|title=Suzhou: Where the Goods of All the Provinces Converge|year=2005|publisher=[[Stanford University Press]]|location=[[Stanford, California|Stanford]]|isbn=9780804731126}}</ref>
 
ซูโจวเป็นเมืองประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโดยมีชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็นสายน้ำ ภูเขา และโดยเฉพาะสวนโบราณ ในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ซูโจวเป็นหนึ่งในเมืองที่เจริญที่สุดในสมัยนั้น ในเมืองและนอกเมืองเต็มไปด้วยสวนโบราณ ในศตวรรษที่ 16-18 ซูโจวมีสวนโบราณมากกว่า 200 แห่ง ปัจจุบันมีสวนที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างสมบูรณ์แล้วกว่า 10 แห่ง นอกจากนี้ ซูโจวยังมีคลองต่างๆ มากมายเป็นอันดับหนึ่งในบริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงใต้ เป็นเมืองที่มีความงดงามมากจนได้รับฉายาว่าเป็น “เมืองสวรรค์ในโลกมนุษย์”
 
ด้วยความสวยงามทั้งทางธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างโบราณ อาทิ ลำคลอง สะพานหินโบราณ [[pagoda|เจดีย์]] และ[[Chinese garden|สวนจีน]]โบราณ เมืองซูโจวจึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศจีน เมื่อปี ค.ศ. 1997 และ 2000 [[Classical Gardens in Suzhou|สวนโบราณเมืองซูโจว]]ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น[[World Heritage Site|มรดกโลก]] (World Heritage Sites) โดย[[UNESCO|องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ]] (UNESCO)
 
นอกจากนั้นเมืองซูโจวยังได้รับการขนานนามว่าเป็น "[[List of places called Venice of the East|เวนิสแห่งตะวันออก]] (Venice of the East)" หรือ "เมืองเวนิสของจีน (Venice of China)"<ref>[http://www.andovertownsman.com/arts/local_story_055172444.html?keyword=secondarystory Visit some of China's best gardens next week without a passport » Arts/Entertainment » Andover Townsman, Andover, MA]. Andovertownsman.com. Retrieved on 2011-08-28.</ref><ref>{{cite news
เส้น 165 ⟶ 166:
 
== ประวัติศาสตร์ ==
เมืองซูโจวมีต้นกำเนิดตั้งแต่สมัย[[Wu (region)|แคว้นอู๋]]<ref>[http://www.chinadaily.com.cn/english/doc/2004-01/06/content_296130.htm Topic about Wu culture from China Daily]</ref><ref>[http://suzhou.jiangsu.net/ Cradle of Wu Culture from Jiangsu Official website]</ref> เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งในแถบลุ่มแม่น้า[[Yangtze River|แยงซี]] (จีนตัวเต็ม: 揚子; จีนตัวย่อ: 扬子; พินอิน: Yángzǐ) ใน [https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%A7 ยุคชุนชิว] (แปลว่า ยุคฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง หรือ ฤดูวสันต์และฤดูสารท; อังกฤษ: Spring and Autumn Period; จีนตัวย่อ: 春秋時代; พินอิน: Chūnqiū Shídài) สมัย[[Zhou dynasty|ราชวงศ์โจว]] มีบันทึกว่าชนเผ่าพื้นเมืองชื่อ [[Gou Wu|กัวอู]] อาศัยอยู่ในบริเวณที่เป็นเมืองซูโจวในปัจจุบัน ชนเผ่าพื้นเมืองเหล่านี้สร้างบ้านเรือนรวมกลุ่มกันเป็นหมู่บ้านอยู่ตามริมเขาบริเวณรอบๆ [[Lake Tai|ทะเลสาบไท่]]
 
[[ซือหม่าเชียน]] (อังกฤษ: Sima Qian; จีนตัวย่อ: 司馬遷) นักบันทึกประวัติศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยราชวงศ์ฮั่น ระบุไว้ใน ''[[Records of the Grand Historian|สื่อจี้ หรือสารานุกรมด้านประวัติศาสตร์จีน (Records of the Grand Historian)]]'' (''Taishi gong shu'' 太史公書 หรือ the ''Shiji'' 史記 – "Historical Records") ว่าในช่วงศตวรรษที่ 11 ก่อนคริสตกาล ราชบุตร[[ไท่ปั๋ว]] (อังกฤษ: Wu Taibo;จีนตัวย่อ: 泰伯) แห่งราชวงศ์[[โจว]] (อังกฤษ: Zhou; จีนตัวย่อ: 周) เป็นผู้ก่อตั้ง[[แคว้นอู๋]] ในบริเวณ[[อู่ซี]]ปัจจุบัน สร้างความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านการเกษตรและการชลประทาน ชื่อของเมืองก็เรียกว่า อู๋ เช่นเดียวกับชื่อของแคว้น ต่อมาเมื่อ&nbsp;514&nbsp;ปีก่อนคริสตกาล กษัตริย์[[เหอหลู๋]](King Helü) ของแคว้นอู๋ได้ตั้งเมืองหลวงแห่งใหม่ที่เมืองเหอหลู๋ (Helü&nbsp;City) ซึ่งที่แห่งนี้เองที่กลายเป็นเมืองซูโจวในปัจจุบัน ต่อมาใน&nbsp;496&nbsp;ปีก่อนคริสตกาล กษัตริย์เหอหลู๋สวรรคตและพระศพของพระองค์ถูกฝังไว้ที่[[เขาหูชิวหรือเนินเสือ]] (อังกฤษ: Tiger Hill; จีนตัวย่อ: 虎丘; พินอิน: Hǔqiū)
 
ช่วง&nbsp;473&nbsp;ปีก่อนคริสตกาล แคว้นอู๋ถูกรุกรานและยึดครองโดยแคว้น[[เยว่]]ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ต่อมาเมื่อ 306 ปี ก่อนคริสตกาล แคว้นเยว่ก็ถูกยึดครองโดยแคว้น[[ฉู่]]ปัจจุบันยังคงเหลือ[[ผานเหมินหรือประตูผาน]] (อังกฤษ: Pan Gate; จีนตัวย่อ: 盘门) อายุกว่า 2,500 ปี เป็นมรดกที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
 
ในยุค[[จั้นกั๋ว]] (Warring States period หรือยุคจ้านกว๋อ หรือเลียดก๊ก) เมืองซูโจวรู้จักกันในนามของ[[เทศมณฑลอู๋]] (อู๋เซี่ยน; Wuxian) หรือ Wu&nbsp;[[Commandery (China)|Commandery]] (อู๋จุน; Wu Jun <ref name="WDL">{{cite web |url = http://www.wdl.org/en/item/11384/ |title = Supplement to the Local Gazetteer of Wu Prefecture |website = [[World Digital Library]] |year = 1134 |accessdate = 2013-09-06 }}</ref>) ในสมัย[[ราชวงศ์ฉิน]]ได้เปลี่ยนชื่อเป็นไกว้ยจี (อังกฤษ: Kuaiji; จีนตัวย่อ: 會稽)
 
ช่วงรุ่งเรือง หรือ 209 ปีก่อนคริสตกาลของ[[ฌ้อปาอ๋อง]] (Xiang Yu หรือ ซีฉู่ป้าหวัง) ขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ในยุคปลายราชวงศ์ฉิน ก็เกิดขึ้นในบริเวณนี้ จนกระทั่ง[[ราชวงศ์ฉินล่มสลาย]]ลง
 
หลังจากการขุด[[คลองต้ายวิ่นเหอ]] (อังกฤษ: Grand Canal; จีนตัวย่อ: 大运河) ซึ่งขุดในสมัยราชวงศ์สุยเสร็จสิ้นลง เมืองซูโจวก็กลายเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับเส้นทางการค้าขายขนส่งสินค้าใน[[ประวัติศาสตร์จีน]] หรือเรียกได้ว่าเป็นเมืองหลวงของธุรกิจและอุตสาหกรรมในฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ต่อมาช่วง[[ราชวงศ์ถัง]] [[ไป๋จวีอี้]] (Bai Juyi) กวีคนสำคัญในยุคนั้น และเป็นผู้ควบคุมการขุดคลองซานถัง (Shantang&nbsp;Canal) (มักรู้จักกันในชื่อ "[[ถนนซานถัง]] (Shantang Street)") เพื่อเชื่อมตัวเมืองและเขาหูชิวหรือเนินเสือสำหรับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในยุคนั้น
 
ในปี ค.ศ.&nbsp;1035 [[ฟ่านจ้งหยาน]] (Fan Zhongyan) นักเขียนและกวีผู้มีชื่อเสียงได้ก่อตั้ง[[วัดขงจื้อ]] (อังกฤษ: temple of Confucius; จีนตัวย่อ: 孔庙) ขึ้น ซึ่งกลายเป็นสถานที่สำคัญที่ใช้ในการ[[การสอบขุนนาง]] (imperial civil examinations) และพัฒนามาเป็น[[โรงเรียนมัธยมซูโจว]]ในช่วงทศวรรษ 1910
 
เดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1130 กองทัพ[[Jin Dynasty, 1115–1234|จิ้น]]จากทางเหนือเข้าบุกรุกและปล้นสะดมเมือง ตามด้วย[[Mongol invasion of China|การรุกรานของมองโกล]] (Mongol invasion) ในปี ค.ศ. 1275 และในปี ค.ศ. 1356 ซูโจวได้กลายเป็นเมืองหลวงของ[[Zhang Shicheng|จาง ชื่อเฉิง]] (Zhang Shicheng) ผู้นำคนหนึ่งของ[[Red Turban Rebellion|กบฏโพกผ้าแดง]] (Red Turban Rebellion) กลุ่มต่อต้าน[[Yuan dynasty|ราชวงศ์หยวน]] และสถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ของแคว้น[[Kingdom of Dazhou|อู๋]]
 
ต่อมาในปี ค.ศ. 1367 [[จูหยวนจาง]] (Zhu Yuanzhang) ได้ยกกองทัพจาก[[หนานจิง]]เข้าโจมตีและยึดครองเมืองหลังจากเข้าโอบล้อมไว้ได้นานถึง 10 เดือน หลังจากนั้นไม่นาน จูหยวนจางก็ได้ตั้งตนเป็น[[จักรพรรดิหงหวู่]] จักรพรรดิพระองค์แรกของ[[ราชวงศ์หมิง]] และสั่งให้ทำลายที่ทำการเมืองซูโจว รวมทั้งกำหนดภาษีใหม่สำหรับชาวเมือง<ref>Johnson, Linda C. ''[http://books.google.com.au/books?id=Q_BIEPeKHgAC Cities of Jiangnan in Late Imperial China]'', pp. 26{{ndash}}27. SUNY Press, 1993. ISBN 0-7914-1423-X, 9780791414231.</ref> แม้ว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีอย่างหนัก และบุคคลสำคัญของเมืองซูโจวได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในหนานจิง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจักรพรรดิหงหวู่แทน เมืองซูโจวก็สามารถกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้งหนึ่งหลังจากนั้น
เส้น 191 ⟶ 192:
[[เขตกูซู]] (อังกฤษ: Gusu District ; จีนตัวย่อ: 姑苏区; พินอิน: ''Gūsū Qū'') หรือที่เรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า เขตมืองเก่าซูโจว ถือเป็นเขตศูนย์กลางของเมืองซูโจว โดยทางด้านทิศตะวันออกของเขตเมืองเก่าเป็น[[สวนอุตสาหกรรมซูโจว]] (Suzhou Industrial Park) และทางตะวันตกเป็น[[เขตพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคซูโจว]] (Suzhou High & New Technology Development Zone)
 
ในปี ค.ศ. 2000 พื้นที่เดิมที่เคยเป็น[[เทศมณฑลอู๋]] (อังกฤษ: Wu County หรือ Wuxian; จีนตัวย่อ: 吴县) ถูกแบ่งเป็น 2 เขตปกครองในระดับอำเภอ คือ [[เขตเซียงเฉิง]] (อังกฤษ: Xiangcheng; จีนตัวย่อ: 相城区) และ[[เขตอู๋จง]] (อังกฤษ: Wuzhong; จีนตัวย่อ: 吴中区) ซึ่งก็คือพื้นที่ทางตอนเหนือและใต้ของเมืองซูโจวในปัจจุบัน (ตามลำดับ)
 
ในปี ค.ศ. 2012 พื้นที่เดิมที่เคยเป็นเมืองอู๋เจียงในอดีตก็กลายเป็นเขตปกครองระดับอำเภอ คือ เขตอู๋เจียง (อังกฤษ: Wujiang District; จีนตัวย่อ: 吴江区) ของเมืองซูโจวในปัจจุบันเช่นกัน
 
เมืองซูโจว เป็นเมืองที่เจริญมากที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศจีน และยังเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหลายบริษัทอีกด้วย เมืองซูโจวจึงมีการพัฒนาที่เกี่ยวเนื่องออกไปสู่การเจริญเติบโตของ[[เมืองบริวาร]] (Satellite cities) โดยรอบ ซึ่งประกอบด้วย[[เมืองคุณซาน]] (อังกฤษ: Kunshan; จีนตัวย่อ: 昆山市) [[เมืองไท่ชาง]] (อังกฤษ: Taicang; จีนตัวย่อ: 太仓市) [[เมืองฉางฉู๋]] (อังกฤษ: Changshu; จีนตัวย่อ: 常熟市) และ[[เมืองจางเจียกั่ง]] (อังกฤษ: Zhangjiagang; จีนตัวย่อ:张家港市) ซึ่งเมืองทั้งหมดนี้รวมถึงเมืองซูโจว รวมเป็นพื้นที่เขตปกครองระดับจังหวัดหรือจังหวัดซูโจว (Suzhou prefecture)
 
{{Wide image|Prosperous Suzhou.jpg|5000px|''[[Prosperous Suzhou]]'' by [[Xu Yang (Qing Dynasty)|Xu Yang]]}}
เส้น 392 ⟶ 393:
=== วัด ===
[[วัดหานซาน]] (อังกฤษ: Hanshan Temple หรือ Cold Mountain Temple; จีนตัวย่อ: 寒山寺) เป็นวัดและพระอารามในพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงในเมืองซูโจว อยู่ใกล้กับสะพานเฟิ่งเฉียวหรือสะพานเมเปิล (อังกฤษ: Fengqiao หรือ Maple Bridge; จีนตัวย่อ: 枫桥) ราว{{convert|5|km|0|abbr=on}} ทางตะวันตกของเมืองเก่าซูโจว วัดหานซานมีชื่อเสียงมากในแถบเอเชียตะวันออกเนื่องจากมีบทกวีอันโด่งดังชื่อ "จอดเรือที่สะพานเมเปิล" (อังกฤษ: A Night Mooring near Maple Bridge; อักษรจีนตัวย่อ: 夜泊枫桥) เขียนโดยกวีผู้โด่งดังในสมัยราชวงศ์ถัง (ประมาณ 618-907 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ชื่อ จางจี้ (อังกฤษ: Zhang Ji; จีนตัวย่อ: 张继) กล่าวถึงวัดหานซานแห่งนี้ไว้ในบทกวีของเขาว่า
 
{{คำพูด|月落乌啼霜满天
บรรทัด 406:
ขณะมองพระจันทร์ยินเสียงนกการ้องระงม
 
เห็นแม่น้ำ ต้นไม้ และแสงตะเกียงจากเรือประมง
 
แว่วเสียงระฆังวัดหานซานนอกเมือง
บรรทัด 437:
[[Baodai Bridge|สะพานเป๋าไต๊]] (อังกฤษ: Baodai Bridge หรือ Precious Belt Bridge; จีนตัวย่อ: 宝带桥) เป็นสะพานข้ามทะเลสาบต้านไถ (Dantai Lake) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองซูโจว สร้างขึ้นในปี 806 ก่อนคริสตกาลในสมัยราชวงศ์ถัง มีพื้นที่ทั้งหมด 53 เอเคอร์ ยาว 317 เมตร สร้างด้วยหินจากภูเขาจินซาน (อังกฤษ: Jin Shan หรือ Gold Moutain; จีนตัวย่อ: 金山) สะพานนี้ถูกเรียกอีกชื่อว่าสะพานเข็มขัดสูงค่า หรือ Precious Belt Bridge เนื่องจากในอดีตระหว่างที่มีการระดุมทุนเพื่อสร้างสะพานแห่งนี้ ขุนนางผู้ปกครองเมืองได้บริจาคเข็มขัดมูลค่าสูงเพื่อเป็นทุนสร้างสะพาน โดยสะพานแห่งนี้ได้รับการบันทึกให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ (national monuments, resolution 5-285) ในปี ค.ศ. 2001
 
[[เจดีย์หูชิว]] (อังกฤษ: Huqiu Tower; จีนตัวย่อ: 虎丘塔) หรือ[[หยุนเหยียน]] (อังกฤษ: Yunyuan Pagoda; จีนตัวย่อ: 云岩寺塔) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 961 สมัยราชวงศซ่ง ลักษณะเป็น[[Chinese pagoda|เจดีย์จีน]]ตั้งอยู่บนเขาหูชิวหรือเนินเสือในเมืองซูโจว เจดีย์แห่งนี้มีชื่อเรียกหลากหลาย รวมถึงชื่อ "หอเอนแห่งประเทศจีน (Leaning Tower of China)" (อ้างอิงโดยนักประวัติศาสตร์ O.G. Ingles)<ref name="ingles 144">Ingles (1982), 144.</ref> เนื่องจากตัวเจดีย์เอนไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเมื่อหลายพันปีที่แล้ว โดยศูนย์กลางด้านบนเอียงจากศูนย์กลางของฐานเจดีย์ 2.32 เมตร หรือประมาณ 3 องศา ตัวหอมีความสูง 47&nbsp;เมตร (154&nbsp;ฟุต) มีลักษณะเป็นรูปแปดเหลี่ยมและมีจำนวนชั้น 7 ชั้น สร้างโดยใช้อิฐสีน้ำเงิน มีน้ำหนักรวมทั้งสิ้นประมาณ {{convert|7000000|kg}}<ref name="ingles 145">Ingles (1982), 145.</ref>
 
[[เจดีย์เป่ยซีอ]]หรือเจดีย์วัดเหนือ (อังกฤษ: Beisi Pagoda หรือ North Temple Pagoda; จีนตัวย่อ: 北寺塔) ตั้งอยู่ในบริเวณวัดเป่าเอิน (Bao’en Temple) ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่สร้างราวศตวรรษที่ 17 เดิมเจดีย์มีความสูงถึง 11 ชั้น แต่ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย จึงเหลือเพียง 9 ชั้นภายหลังจากการบูรณะใหม่ รูปแบบของเจดีย์เป็นสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์หมิงโดยโครงสร้างทำจากไม้และอิฐ เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม มีเก้าชั้น สูง 76 เมตร (243&nbsp;ฟุต) โดยเป็นเจดีย์สูงที่สุดในซูโจวและทางตอนใต้ของแม่นำแยงซี
บรรทัด 472:
ซูโจวอยู่บนเส้นทางรถไฟสายเซี่ยงไฮ้-นานกิง [[สถานีรถไฟซูโจว]] (Suzhou Railway Station) ตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางเมืองเป็นสถานีที่คับคั่งและมีผู้โดยสารใช้บริการมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน ให้บริการโดย[[รถไฟสายปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้]] (Beijing–Shanghai Railway) และ[[รถไฟระหว่างเมืองสายเซี่ยงไฮ้-นานกิง]] (Shanghai-Nanjing Intercity Railway) ซึ่งมีทั้งรถไฟความเร็วสูงแบบดี และแบบจี (high-speed D- and G-series trains) การเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงแบบจีจากเมืองซูโจวถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ใช้เวลาเพียง 25 นาที และถึงเมืองนานกิงจะใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
 
[[Suzhou North Railway Station|สถานีรถไฟซูโจวเหนือ (Suzhou North Railway Station)]] อยู่ทางตอนเหนือขึ้นไปไม่กี่กิโลเมตร เป็นสถานีที่อยู่บนเส้นทาง[[Beijing–Shanghai High-Speed Railway|รถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง–เซี่ยงไฮ้ (Beijing–Shanghai High-Speed Railway)]] เปิดให้บริการในปี ค.ศ. 2011 ให้บริการรถไฟความเร็วสูงไปปักกิ่งและชิงเต่า เป็นต้น
 
=== ทางหลวง ===
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/ซูโจว"