ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จิญจมาณวิกา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
[[File:Buddha with Cincamanavika.jpg|250px|right|thumb|ศิลปะลาว แสดงภาพจิญจมาณวิกากำลังให้ร้ายพระโคตมพุทธเจ้าท่ามกลางธารกำนัลพุทธบริษัท]]
{{สั้นมาก}}
 
'''จิญจมาณวิกา''' เป็นสตรีที่เชื่อว่ามีชีวิตอยู่ในสมัย[[พุทธกาล]] โดยใน[[พระไตรปิฎก]]กล่าวหาว่านางได้ให้ร้าย[[พระโคตมพุทธเจ้า]]ในท่ามกลางพุทธบริษัทและประชาชนที่มาฟังธรรมใน[[พระเชตวันมหาวิหาร]] ว่าทำให้นางตั้งครรภ์ แต่พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงร้อนพระทัยด้วยคำกล่าวของนางจึงทรงสงบนิ่งไม่โต้ตอบโต้หรือแก้ตัวใดๆ ทำให้พุทธบริษัทและประชาชนได้ถกเถียงกันว่าพระพุทธองค์ทำจริงหรือไม่ แต่ในที่สุดคำกล่าวหาของนางก็พบว่าไม่เป็นความจริง ประชาชนก็ได้ขับไล่นางออกจากวัดพระเชตวัน ด้วยผลกรรมที่ใส่ร้ายพระบรมศาสดา เมื่อออกจากวัดพระเชตวัน นางจึงถูกธรณีสูบลง[[อเวจีมหานรก]] สถานที่ที่นางถูกธรณีสูบอยู่สระโบกขรณีที่ติดกับสถานที่ที่[[พระเทวทัต]]ถูกธรณีสูบ
[[File:Buddha with Cincamanavika.jpg|250px|right|thumb|ศิลปะลาว แสดงภาพจิญจมาณวิกากำลังให้ร้ายพระโคตมพุทธเจ้าท่ามกลางธารกำนัล]]
==ประวัติความเป็นมา==
สาเหตุที่นางจิญจมาณวิกาได้กล่าวให้ร้ายแก่พระพุทธองค์เป็นเพราะนางได้รับไหว้วานจากเหล่า[[เดียรถีย์]]ในกรุงสาวัตถีเพราะประชาชนในกรุงสาวัตถีได้พากันเลิกนับถือพวกตนและหันไปนับถือพระพุทธศาสนาแทนกันหมดทำให้เสื่อมลาภสักการะ คือในตำนานพุทธประวัติ เรื่องมีอยู่ว่า
 
ในสมัยปฐมโพธิกาล พระพุทธเจ้ายังไม่ได้ประกาศพระศาสนาที่กรุง[[สาวัตถี]] แคว้นโกศล เหล่าเดียรถีย์ที่อาศัยในกรุงสาวัตถีได้รับลาภสักการะจากประชาชนอย่างมากมายจึงได้อยู่กันอย่างดีมาก แต่เมื่อพระพระพุทธเจ้าได้มาประกาศพระศาสนาที่กรุงสาวัตถีแล้ว เหล่าประชาชนได้ฟังธรรมแล้วจึงเกิดความเลื่อมใสกันเป็นจำนวนมากจึงพากันเลิกนับถือลัทธิเดิมของเหล่าเดียรถีย์และนับถือพระพุทธศาสนากันหมด ทำให้เหล่าเดียรถีย์เสื่อมลาภสักการะอยู่กันอย่างฝืดเคืองยากลำบาก เหล่าเดียรถีย์ได้พากันมาปรึกษาว่า เพราะพระสมณะโคดมแท้ๆทำให้เสื่อมลาภสักการะจึงทำให้พวกเราอยู่กันอย่างยากลำบาก และตกลงกันว่าจะทำการกลั่นแกล้งแก่พระพุทธองค์ทุกวิธีทางเพื่อทำให้ประชาชนเลิกนับถือพระพุทธศาสนาและหันมานับถือพวกตนตามเดิม จึงได้ให้นางจิญจมาณวิกาผู้เป็นสาวิกาของเหล่าเดียรถีย์เป็นเครื่องมือให้ใส่ร้ายพระพุทธองค์
'''จิญจมาณวิกา''' เป็นสตรีที่เชื่อว่ามีชีวิตอยู่ใน[[พุทธกาล]] โดยใน[[พระไตรปิฎก]]กล่าวหาว่านางได้ให้ร้าย[[พระโคตมพุทธเจ้า]]ในธารกำนัลว่าทำให้นางตั้งครรภ์ ดังมีในพุทธชัยมงคลบทที่ 25 ความว่า "กัตตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโทตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ" แปลว่า "นางจิญจมาณวิกาใช้ไม้มีสัณฐานกลมใส่ที่ท้อง ทำอาการประหนึ่งว่ามีครรภ์ เพื่อกล่าวร้ายพระพุทธเจ้า พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ด้วยวิธีสงบระงับพระทัยในท่ามกลางหมู่คน ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา" ด้วยผลกรรมที่ใส่ร้ายพระศาสนา เมื่อออกจากวัดพระเชตวัน นางจึงถูกธรณีสูบลง[[อเวจีมหานรก]] สถานที่ที่นางถูกธรณีสูบอยู่สระโบกขรณีที่ติดกับสถานที่ที่[[พระเทวทัต]]ถูกธรณีสูบ
 
นางจิญจมาณวิกาผู้เป็นสาวิกาของเหล่าเดียรถีย์นั่นเป็นหญิงรูปงาม เมื่อได้รับคำยุยงจากเหล่าเดียรถีย์ว่าให้ใส่ร้ายพระพุทธองค์ นางก็ตอบตกลง เมื่อถึงตอนเย็น แผนใส่ร้ายพระพุทธองค์ก็ได้เริ่มขึ้น นางได้แต่งตัวให้สวยงามเรียบร้อยและนำพานประดับด้วยดอกไม้เครื่องหอมมุ่งหน้าเข้าสู่วัดพระเชตวัน โดยเดินสวนทางกับประชาชนที่ได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์เสร็จได้ออกจากวัดพระเชตวัน ประชาชนได้เห็นนางจิญจมาณวิกาก็สงสัยจึงถามว่า จะไปไหนล่ะ นางแสร้งตอบปริศนาว่า ท่านจะรู้ไปทำไมว่าฉันจะไปไหน เมื่อลับส ายตาจากประชาชนไป แทนที่นางจะเข้าวัดพระเชตวัน แต่กลับไปเข้าอารามของเหล่าเดียรถีย์ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับวัดพระเชตวันและค้างแรมที่นั้น ตอนเช้า ประชาชนได้พากันไปที่วัดพระเชตะวันเพื่อมาทำบุญ นางจิญจมาณวิกาได้แสร้งทำเป็นว่าได้ออกมาจากวัดพระเชตวันและเดินสวนทางกับประชาชน ประชาชนก็ได้รู้ว่านางได้พักที่วัดพระเชตวันก็เกิดความสงสัยอีกจึงถามนางว่า เมื่อคืนนอนที่ไหนมา นางก็นางแสร้งตอบปริศนาอีกว่า ท่านจะรู้ไปทำไมว่าฉันนอนที่ไหน หลังจากนั้นนางก็ได้อดทนทำอย่างนี้เป็นเดือนๆจนนางตอบว่าฉันได้นอนที่พระคันธกุฎีและนอนที่เดียวกันกับพระพระพุทธองค์ ทำให้พุทธบริษัทและประชาชนเกิดเคลือบแคลงสงสัย ทำให้เกิดมีบางพวกที่เป็นปุถุชนก็เชื่อขึ้นมาและมีบางพวกที่ศรัทธาก็ไม่เชื่อและปกป้องแก้ต่างให้กับพระพระพุทธองค์ จึงเกิดข้อถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่ เหล่าพระ[[ภิกษุ]]รวมถึง[[พระอานนท์]]เมื่อได้ฟังข้อถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่ของประชาชนว่าพระพุทธองค์ได้นอนร่วมประเวณีกับนางจิญจมาณวิกาจึงรู้ว่าไม่เป็นความจริงและเป็นการใส่ร้ายพระพุทธองค์จึงได้พยายามแก้ต่างปกป้องและนำความกราบทูลกับพระพุทธองค์ พระพุทธองค์หาได้ใส่พระทัยไม่จึงตรัสกับพระอานนท์และเหล่าพระภิกษุว่า อย่าได้ใส่ใจเลย อย่าได้พยายามแก้ต่างปกป้องกับตถาคตเลย พระอานนท์และเหล่าพระภิกษุก็ได้แต่อยู่เฉยๆไม่ได้แก้พยายามแก้ต่างตามพระพุทธองค์ทรงตรัส
เวลาผ่านไป 3-4 เดือน นางจิญจมาณวิกาก็ได้แสร้งทำว่าตนเริ่มตั้งครรภ์โดยพันผ้าที่ท้องให้นูนขึ้นและเดินไปทั่วเมืองให้ประชาชนเห็นเพื่อให้เข้าใจว่านางกำลังเริ่มตั้งครรภ์ ยิ่งเวลาผ่านไปนางก็ได้ทำให้ท้องใหญ่ขึ้นจนเวลาผ่านไป 8-9 เดือน นางก็ได้ผูกไม้กลมที่หน้าท้องพร้อมกับห่มผ้าทับไว้ และใช้ไม้คางทุบหลังมือและหลังเท้าให้บวมโตทำอาการเหมือนคนท้องแก่
วันหนึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมบนธรรมมาสน์ท่ามกลางพุทธบริษัทและประชาชนในวัดพระเชตวัน นางจิญจมาณวิกาก็ได้ไปยืนอยู่ตรงหน้าพระพักตร์พร้อมกับชี้นิ้วที่พระพุทธองค์ได้กล่าวว่า
 
พระสมณะโคดม พระองค์อย่ามัวแต่แสดงธรรมอยู่เลย บัดนี้หม่อมฉันตั้งครรภ์ครบกำหนดใกล้จะคลอดแล้ว ขอให้พระองค์ช่วยจัดสถานที่คลอดลูกของเราแก่หม่อมฉันด้วยเถิด หากพระองค์ไม่ทำเอง ก็ตรัสบอกบอก[[พระเจ้าปเสนทิโกศล หรือ[[อนาถบิณฑิกเศรษฐี]] หรือ[[นางวิสาขา]] ให้ช่วยจัดจัดสถานที่คลอดลูกของเราแก่หม่อมฉันด้วยเถิด
 
พระพุทธองค์ทรงหยุดแสดงธรรม ทรงมีพระอาการสงบนิ่ง พระพักตร์เรียบเป็นปกติ ประชาชนบางพวกได้ศรัทธาในพระพุทธองค์ก็นั่งนิ่งเฉยๆ บางพวกก็เริ่มหวั่นไหวและเชื่อว่าพระพุทธองค์ทรงทำนางตั้งครรภ์จริงๆ ครั้นนั้นพระพุทธองค์ทรงได้ตรัสว่า
{{คำพูด|ดูก่อน น้องหญิง คำที่เธอกล่าวมานั้น จะจริงหรือไม่ ตถาคตและเธอเท่านั้นย่อมรู้อยู่}}
 
นางนางจิญจมาณวิกาได้กล่าวย้อนว่า
 
{{คำพูด|ก็ใช่นะ เรารู้กันสองคน เพราะเราทำกันสองคนเท่านั้นนี่}}
 
การกล่าวโต้ตอบระหว่างพระพุทธองค์กับนางนางจิญจมาณวิกานั้น ทำให้ประชาชนเริ่มสงสัยเข้าไปใหญ่ ในขณะนั้นแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ที่ประทับของ[[ท้าวสักกะ]]เทวราชแห่งชั้นดาวดึงส์ได้เกิดร้อน พระองค์ก็เกิดสะดุ้งร้อนก็ได้ตรวจดูด้วยเนตรทิพย์พบว่า นางนางจิญจมาณวิกากำลังกล่าวใส่ร้ายพระพุทธองค์อยู่ พระองค์ทรงเสด็จลงมาพร้อมกับเทพบุตรบริวารทั้งสี่ ทรงรับสั่งให้เทพบุตรบริวารทั้งสี่แปลงเป็นลูกหนูเข้าไปกัดเชือกที่ผูกท่อนไม้กลมที่หน้าท้อง เมื่อเชือกขาดพร้อมกับเกิดลมพัดขึ้นตีผืนผ้าปลิวสะบัด ก็ได้ตกลงมาทับเท้าทั้งสองข้างของนางจิญจมาณวิกาจนแตกเลือดสาด เหล่าประชาชนเมื่อได้พบความจริงแล้วจึงได้ทุบตบตีและขับไล่นางออกจากวัดพระเชตวันด้วยความโกรธ นางจิญจมาณวิกาก็รีบวิ่งหนีออกจากวัดพระเชตวันทันที แต่ครั้นออกไปพอพ้นจากพระจักษุของพระพุทธองค์ ธรณีไม่อาจรองรับกรรมอันชั่วช้าของนางจิญจมาณวิกาได้จึงสูบนางลงไปยังมหาขุมนรก[[อเวจี]]ทันทีทำใหนางต้องชดใช้กรรมในนรกอย่างแสนสาหัส หลังจากวันนั้นประชาชนก็ได้พากันนับถือพระพุทธศาสนากันมากขึ้นจนเจริญรุ่งเรื่อง ส่วนเหล่าเดียรถีย์ก็ได้เสื่อมลาภสักการะหนักเข้าไปอีก แม้จะกลั่นแกล้งพระพุทธองค์ต่างๆนานาแต่สุดท้ายก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ในที่สุด
 
==พุทธชัยมงคล==
พุทธชัยมงคลบทที่ 5 ความว่า "กัตตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโทตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ"
แปลว่า "นางจิญจมาณวิกาใช้ไม้มีสัณฐานกลมใส่ที่ท้อง ทำอาการประหนึ่งว่ามีครรภ์ เพื่อกล่าวร้ายพระพุทธเจ้า พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ด้วยวิธีสงบระงับพระทัยในท่ามกลางหมู่คน ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา"
 
== อ้างอิง ==