ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ตลับเทป"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
EmausBot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.7.3) (โรบอต: แก้ไขจาก en:Audio cassette ไปเป็น en:Compact Cassette
Jay63 (คุย | ส่วนร่วม)
ป้ายระบุ: เพิ่มข้อความไม่เป็นวิกิขนาดใหญ่
บรรทัด 19:
 
=== เสื่อมความนิยมของเทป ===
ในยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือ ส่วนแบ่งตลาดของเทปเพลงค่อยๆ ลดต่ำลงเรื่อยๆ จากจุดสูงสุดในปี 1980 อันเนื่องมาจากการมาของ CD เพลงในช่วงปี 1990, ในปี 1993 มีการส่งมอบเครื่องเล่น CD มากขึ้นมาถึง 5 ล้านเครื่อง (เพิ่มขึ้น 21% จากปี 1992) ในขณะที่เครื่องเล่นเทปเพลง กลับลดการส่งมอบลงไปเหลือเพยง 3.4 ล้านเครื่องเท่านั้น และจนมาถึงปี 2001 ในบรรดาเพลงที่ขายออกไปได้ มีเทปคาสเซ็ทที่ขายได้คิดเป็นเพียงแค่ 4% เท่านั้น และยังคงลดต่อมาเรื่อยๆ และในปี 2007 ยอดขายของเทปเพลงก็เหลือเพียง 247,000 ตลับ และยิ่งเลวร้ายลงไปอีกในปี 2009 ที่เหลือยอดขายเพียง 34,000 ตลับเท่านั้น เทียบกับในปี 1990 ที่มียอดจำหน่ายสูงถึง 442 ล้านตลับ (สถิติในสหรัฐอเมริกา) จากสัญญาณนี้ทำให้ค่ายเพลงหลายๆ ค่าย ได้ลดกำลังผลิต หรือยกเลิกการผลิตเทปเพลงลงตั้งแต่ช่วงปี 2002 – 2003 อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังคงมีเทปคาสเซ็ทเปล่าขายอยู่ตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป
ในประเทศตะวันตกหลายประเทศ ตลาดเทปเสื่อมความนิยมอย่างรวดเร็ว หลังจากการได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงทศวรรษ 1980 โดยภายหลังได้มี [[ซีดี]] ขึ้นมาแทนที่ ทำให้เทปเสื่อมความนิยม โดยในปี พ.ศ. 2544 มียอดขายเทปเพียงร้อยละ 4 จากการขายเพลงทั้งหมด ยอดขายเทปเสียงในสหรัฐอเมริกาตกลงจากในปี พ.ศ. 2533 ยอดขาย 442 ล้านม้วน เหลือเพียง 700,000 ม้วนในปี พ.ศ. 2549
 
ในช่วงปี 1990 แม้เครื่องเล่นซีดีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่เทปเพลงก็ยังคงครองตลาดในบางกลุ่ม เช่นเครื่องเล่นเพลงในรถยนต์ เนื่องจากเทปเพลงมีปัญหาเกี่ยวกับฝุ่น ความร้อน และการกระตุกเมื่อรถสั่น น้อยกว่าซีดีติดรถยนต์ในสมัยนั้น แต่ในเวลาต่อมา เมื่อมีการคิดค้นระบบป้องกันการสั่นสำหรับซีดีติดรถยนต์ รวมถึงระบบเครื่องเสียงภายในรถที่คุณภาพดีขึ้น ทำให้ในช่วงปี 2000 เครื่องเล่นเทปติดรถยนต์ก็ถูกแทนที่ด้วยซีดีติดรถยนต์อย่างรวดเร็ว และกลายมาเป็นเครื่องเล่นเพลงประจำรถในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามในช่วงปี 2010 เครื่องเพลงซีดีติดรถยนต์ก็เริ่มถูกแทนที่ด้วยเครื่องเล่นเพลงที่อ่านข้อมูลจาก USB Flash drives แล้วเช่นกัน
 
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีศิลปินบางกลุ่มที่ยังคงออกผลงานมาเป็นเทปคาสเซ็ท เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายนั้นเป็นผู้สูงอายุ ที่ไม่สนใจที่จะซื้อเครื่องเล่นซีดีนั่นเอง
 
ในปัจจุบันยังเหลือเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ยังคงขายเทปเพลง (เช่นอินเดีย) อันเนื่องมาจากต้นทุนที่ถูกกว่า และในช่วงหลัง การออกผลงานในรูปแบบเทปเพลง เริ่มกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ศิลปินอินดี้ อันเนื่องมาจากต้นทุนที่ถูก และสามารถป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ (แชร์เพลงบนอินเตอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาต) ได้ดีในระดับหนึ่ง
 
== อ้างอิง ==