ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลุยส์ ซัวเรซ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Dinamik-bot (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 66:
ในวันที่ [[2 กุมภาพันธ์]] [[ค.ศ. 2011]] [[สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล|ลิเวอร์พูล]] ได้ซื้อกองหน้ามา 2 คนคือ [[แอนดี แคร์โรล]] และ [[หลุยส์ ซัวเรซ]] เข้ามาในถิ่น[[แอนฟิลด์]] และได้เซ็นสัญญาให้กับ [[สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล]] ถึงปี 2016 โดยซัวเรซได้มีโอกาสลงเล่นตัวจริงค่อนข้างมากถึงแม้จะอยู่ในช่วงปลายฤดูกาล 2010-11 แล้วก็ตาม [[เคนนี ดัลกลิช]] ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลได้เห็นความสามารถและความพิเศษของเขาคนนี้ ดัลกลิชเลยให้เขาสวมเสื้อเบอร์ 7 โดยได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะให้ซัวเรซเป็นตำนานของลิเวอร์พูบต่อจากเขาต่อไป เกมแรกที่ซัวเรซได้เล่นให้กับ [[สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล|ลิเวอร์พูล]] เป็นครั้งแรกและเล่นในถิ่นแอนฟิลด์คือการเจอกับ [[สโมสรฟุตบอลสโตกซิตี|สโตกซิตี]] โดยซัวเรซทำไป 1 ประตู และทำให้ลิเวอร์พูลชนะไป 2-0 โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองและก็ประเดิมประตูแรกของตัวเองในสีเสื้อลิเวอร์พูล ได้ทันที เรียกว่าเป็นการลดความกดดันทั้งในเรื่องค่าตัวและเบอร์เสื้ออย่างสิ้นเชิง<ref>{{cite news |author=Mandeep Sanghera |url=http://news.bbc.co.uk/sport1/hi/football/eng_prem/9378729.stm |title=Liverpool 2–0 Stoke |publisher=BBC Sport|date=2 February 2011 |accessdate=2 February 2011}}</ref> และในวันที่ [[6 มีนาคม]] [[ค.ศ. 2011]] ในนัดที่ ลิเวอร์พูลเปิดรังแอนฟิลด์ตอนรับการมาเยือนของคู่อริ [[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด]] ถึงแม้ในวันนั้นซัวเรซจะไม่ได้ทำประตูแต่ก็ช่วยจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูชนะ [[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด|แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด]] ไป 3-1 ซัวเรซได้จ่ายไป 2 ลูก โดยการทำ [[แฮตทริก]]ของ [[เดิร์ค เคาท์]] ปีกขวา[[ฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์|ทีมชาติเนเธอร์แลนด์]] ซึ่งในเกมนั้นยังต้องหลบซีนตำแหน่ง นักเตะยอดเยี่ยมประจำ เกมให้กับเขาเลยทีเดียว จานนั้น ซัวเรซ ก็ยิงได้อีก 3 ประตู ในนัดที่ ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0, ชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 3-0 และ ชนะ [[สโมสรฟุตบอลฟูแลม|ฟูแลม]] 5-2 ทำให้ ซัวเรซทำสถิติตลอดระยะเวลา 5 เดือนแรกกับหงส์แดงด้วยการทำไป 4 ประตูจาก 13 เกม และก้าวเข้าไปอยู่ในหัวใจของสาวกเดอะ ค็อปได้อย่างเต็มตัว รวมถึง บรรดาเพื่อนร่วมทีมที่เรียงหน้าออกมาชมไม่ขาดสาย และช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบอันดับที่ 6 เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2010-11 ซัวเรซ ก็กลายเป็นผู้เล่นที่เป็นกุญแจสำคัญของลิเวอร์พูล
[[ไฟล์:Luis Suarez runs at Distin 3.jpg|thumb|right|250px|ซัวเรซ ดวลกับ [[ซิลแว็ง ดิสแต็ง]] นักเตะของ [[สโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน|เอฟเวอร์ตัน]] ในศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ในเดือนมีนาคม 2012]]
ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011–12 ลิเวอร์พูล ลงเล่นนัดแรกเจอกับ [[สโมสรฟุตบอลซันเดอร์แลนด์|ซันเดอร์แลนด์]] โดย ซัวเรซ ยิง[[จุดโทษ]]พลาดในช่วงต้นเกม แต่เขาก็ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 1-0 ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 ต่อมา ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล|อาร์เซนอล]] ถึง [[เอมิเรตส์สเตเดียม]] 2-0 ต่อมา ในลีกคัพ รอบ 2 ซัวเรซ ก็ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ Exeter City 3-1 ต่อมา ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลวุลเวอร์แฮมป์ตันวันเดอเรอส์|วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส]] 2-1 ต่อมา ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน|เอฟเวอร์ตัน]] คู่ปรับร่วมเมือง 2-0 ต่อมา ในลีกคัพ รอบ 4 ซัวเรซ ก็ทำ 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี 2-1 ต่อมา ซัวเรซ ก็ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลควีนส์พาร์กเรนเจอส์|ควีนส์พาร์กเรนเจอส์]] 1-0 หลังจากนั้น ซัวเรซ ก็โดนแบน 8 นัด จากการเหยียดผิว ปาทริส เอวรา ต่อมา ในวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2012 หลุยส์ ซัวเรซ ได้ตัดสินใจต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล เป็นที่เรียบร้อย เป็นที่คาดการณ์กันว่าจะช่วยการันตีให้เขาค้าแข้งอยู่ที่แอนฟิลด์ต่อไปอย่างน้อยๆ 3 ปี โดยรับค่าเหนื่อยเทียบเท่า [[สตีเวน เจอร์ราร์ด]] ที่ 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
 
ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012–13 วันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับแชมป์เก่า [[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี|แมนเชสเตอร์ซิตี]] โดย ซัวเรซ ได้ยิงฟรีคิกให้ลิเวอร์พูลออกนำ 2-1 ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 2-2 ต่อมา ใน[[ยูฟ่ายูโรปาลีก]] รอบเพลย์ออฟ ซัวเรซ ได้ยิงประตูตีเสมอ ฮาร์ทส 1-1 ในช่วงท้าย ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 แต่ประตูของ ซัวเรซ ทำให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ด้วยสกอร์รวม 2-1 ต่อมา ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เสมอกับ ซันเดอร์แลนด์ ที่ สเตเดียมออฟไลต์ 1-1 ต่อมา ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาล ก่อนเริ่มการแข่งขัน ซัวเรซ ได้ยอมจับมือกับ [[ปาทริส เอวรา]] หลังจากที่ ซัวเรซ ไม่ยอมจับมือกับ เอวรา เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี โดย เจอร์ราร์ด ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 1-0 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-2 ต่อมา ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2012 ซัวเรซ ได้ทำแฮตทริก ที่ 2 ของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่บุกเอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลนอริชซิตี|นอริชซิตี]] ถึง [[แคร์โรว์โรด]] 5-2 โดย ซัวเรซ ได้ทำแฮตทริก ใส่ นอริชซิตี ที่สนามแคร์โรว์โรด เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่ทำได้ในช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว และเป็นชัยชนะนัดแรกของ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก อีกด้วย<ref>{{cite web|title=Norwich 2 - 5 Liverpool|url=http://www.bbc.co.uk/sport/0/football/19684133|work=BBC Sport|publisher=BBC|accessdate=29 September 2012|date=29 September 2012}}</ref> ต่อมา ในยูฟ่ายูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซัวเรซ ได้ยิงฟรีคิกให้ ลิเวอร์พูล ไล่ อูดิเนเซ มาเป็น 2-3 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 2-3 ต่อมา ในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล ทำศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ บุกไปเยือนที่ [[กูดิสันพาร์ก]] เจอกับ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมือง โดย ซัวเรซ ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำ 2-0 ก่อนจะถูก เอฟเวอร์ตัน ยิงตีเสมอเป็น 2-2 และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซัวเรซ ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำ 3-2 แต่ผู้ตัดสินกลับยกธงล้ำหน้า โดยที่ ซัวเรซ ไม่ได้อยูในตำแหน่งล้ำหน้า ทำให้จบด้วยผลเสมอกัน 2-2 ต่อมา ในลีกคัพ รอบ 4 ซัวเรซ ก็ทำประตูตีไข่แตกให้ ลิเวอร์พูล ไล่ สวอนซีซิตี มาเป็น 1-2 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-3 ต่อมา ในวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับ [[สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด|นิวคาสเซิลยูไนเต็ด]] โดย นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ขึ้นนำก่อน 1-0 แต่ ซัวเรซ ก็ทำประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงครึ่งหลัง ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 ต่อมา ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล บุกไปเยือนที่ [[สนามกีฬาสแตมฟอร์ดบริดจ์|สแตมฟอร์ดบริดจ์]] เจอกับ [[สโมสรฟุตบอลเชลซี|เชลซี]] โดย เชลซี ขึ้นนำก่อน 1-0 จาก [[จอห์น เทอร์รี]] แต่ ซัวเรซ ก็ทำประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงครึ่งหลัง ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 ต่อมา ในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับ [[สโมสรฟุตบอลวีแกนแอธเลติก|วีแกนแอธเลติก]] โดย ซัวเรซ ยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำ 2-0 ก่อนจะชนะไป 3-0 ทำให้ ซัวเรซ เป็นคนแรกที่ยิงครบ 10 ประตู ในพรีเมียร์ลีก<ref name="liverpool">[http://www.liverpool.in.th/readnews.php?idnew=12688 ซัวเรซยิ้มร่ารับรางวัลซัด 10 ตุงคนแรกประจำซีซั่น]</ref>