ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หม่อมเจ้าอมรสมานลักษณ์ กิติยากร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Taweethaも (คุย | ส่วนร่วม)
Robot: Removing from หมวดหมู่:พระราชนัดดาในรัชกาลที่ 5
Ciri (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 28:
== พระประวัติ ==
=== หลังการสิ้นพระชนม์ของพระมารดา ===
หม่อมเจ้าอมรสมานลักษณ์ กิติยากร เป็นโอรสองค์ที่ 2 ใน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนารถฯ (พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์) กับหม่อมเจ้าอัปษรสมาน กิติยากร ประสูติเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2439ณ วังปากคลองผดุงกรุงเกษม (วังเทเวศร์ ในปัจจุบัน)นับเป็นนัดดาองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อชันษาประมาณ 6 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จไปประทับในพระบรมมหาราชวัง จากนั้นทรงเข้าศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนราชวิทยาลัย (สมัยสายสวลีภิรมย์)จนชันษาประมาณ 11 ปี เสด็จไปศึกษา Public school ที่อังกฤษ และทรงศึกษาเพิ่มเติมด้านภาษาฝรั่งเศสที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ทรงเปิดกิจการโรงภาพยนตร์จนกิจการรุ่งเรืองมาก โดยมี[[หม่อมราชวงศ์วีณา กิติยากร]]ธิดาคอยช่วยงาน
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าอมรสมานลักษณ์เสด็จไปศึกษาด้านวิชาการทหารที่ประเทศฝรั่งเศส ทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนการทหารปืนใหญ่และทหารช่าง (Ecole d'Applicationbel'Artillerie et du Genie) ณเมือง Fontaineblau จนสำเร็จการศึกษา และทรงสอบคัดเลือกเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อย Polytechnique ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นโรงเรียนวิชาการทหารขั้นสูงที่สอบเข้าได้ยาก ทรงเป็นคนไทยคนแรก และเป็นคนเอเซียคนที่สองที่สามารถสอบคัดเลือกเข้าเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ได้ ขณะที่ทรงศึกษาในชั้นปีสุดท้าย ประเทศไทย (ประเทศสยามในขณะนั้น) ได้เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในการทำสงครามโลกครั้งที่ 1 หม่อมเจ้าอมรสมานลักษณ์ ทรงเข้าร่วมเป็นทหารอาสาในครั้งนี้ด้วย ภายหลังทรงได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นนายร้อยตรีจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง หม่อมเจ้าอมรสมานลักษณ์ทรงกลับมาศึกษาต่อจนสำเร็จการศึกษา จึงเสด็จกลับประเทศไทย ทรงเข้ารับราชการในกรมพาณิชย์และสถิติพยากรณ์ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติเพื่อช่วยงานพระบิดาคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ ทรงได้รับมอบหมายให้จัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เป็นการสำรวจภาวะทางเศรษฐกิจ (Economic survey) ภายใต้ชื่อ งานท่องสื่อทางทรัพย์ ทรงปฏิบัติภารกิจได้ดี ทั้งในด้านการวางแผน เป้าหมาย การทดลองสำรวจและให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ในการสำรวจ รวบรวม และคำนวณผลการสำรวจโดยใช้วิชาสถิติเป็นหลัก ซึ่งต่อมาหน่วยงานนี้ได้ถูกยกฐานะขึ้นเป็นกอง ชื่อ กองสืบความรู้เอคอนอมิค หม่อมเจ้าอมรสมานลักษณ์ทรงดำรงตำแหน่งเจ้ากรมแห่งกองนี้ตลอดมา จนปี พ.ศ. 2469 ในรัชสมัยพระบาทสมเด้จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบาลต้องลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก กองสืบความรู้เอคอนอมิค ถูกยุบลง หม่อมเจ้าอมรสมานลักษณ์ได้รับคำสั่งให้ไปรับราชการทางกรมรถไฟแผ่นดิน หลังจากนั้น จึงทรงลาออกจากราชการ
เมื่อทรงออกจากราชการแล้ว หม่อมเจ้าอมรสมานลักษณ์ ทรงประกอบธุรกิจส่วนองค์ ซึ่งทรงสนใจด้านการกสิกรรม จึงทรงเริ่มปลูกปาล์มน้ำมันขึ้นที่ตำบลบ้านปริก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา นับเป็นคนไทยคนแรกที่ปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อการค้า และทรงย้ายไปสร้างตำหนักและประทับอยู่ที่สงขลาเป็นการถาวรร่วมกับชายาคือ หม่อมเจ้าชวลิตโอภาส (รพีพัฒน์) และบุตร ธิดา
ในปี พ.ศ. 2482 หม่อมเจ้าอัปษรสมาน (เทวกุล) กิติยากร สิ้นชีพิตักษัย หม่อมเจ้าอมรสมานลักษณ์ทรงรับมรดกโรงภาพยนต์พัฒนากร (สิริรามา)จึงทรงบริหารโรงภาพยนต์ต่อมา โรงภาพยนต์แห่งนี้เป็นที่แรกที่เริ่มการพากย์หนังเป็นภาษาไทย โดยมีทิดเขียว ศิลป์ สีบุญเรือง เป็นผู้ริเริ่มการพากย์หนังขึ้นจนแพร่หลายไปทั่วประเทศ
 
== การเสกสมรสและบุตร ==