ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เอดา เลิฟเลซ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Supotmails (คุย | ส่วนร่วม)
เพิ่มอ้างอิง
Supotmails (คุย | ส่วนร่วม)
เพิ่มอ้างอิงที่สอง
บรรทัด 4:
'''เอดา ไบรอน เลิฟเลซ''' (Lady Augusta Ada Byron, Countess of Lovelace) โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก<ref name="Annals of the History of Computing">J. Fuegi and J. Francis, "Lovelace & Babbage and the creation of the 1843 'notes'". ''IEEE Annals of the History of Computing'' 25 No.&nbsp;4 (October–December 2003): 16–26. [http://dx.doi.org/10.1109/MAHC.2003.1253887 Digital Object Identifier]</ref> เป็นบุตรสาวของ [[ลอร์ด]] ไบรอน (Lord Byron) เกิดเมื่อปี [[พ.ศ. 2358]] (ค.ศ. 1815) หลังจากเธอเกิดไม่นาน พ่อแม่ของเธอก็แยกทางกัน แม่ของเอดา จึงตัดสินใจเลี้ยงดูเธอให้เป็นผู้หญิงสมัยใหม่ และให้ศึกษาด้าน[[คณิตศาสตร์]] และ[[วิทยาศาสตร์]] ต่างไปจากกุลสตรีในตระกูลใหญ่ๆ ของ[[ประเทศอังกฤษ|อังกฤษ]]ทั่วไป
 
พออายุ 17 ปี ก็มีผู้แนะนำให้เอดารู้จัก Mrs. Somerville แห่ง[[มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์|เคมบริดจ์]] ผู้หญิงเก่งแห่งยุค ที่เคยแปลงานของ Laplace มาเป็น[[ภาษาอังกฤษ]] เอดาจึงเข้ามาคลุกคลีกับเพื่อนกลุ่มนี้ จนได้รู้จักกับ [[ชาร์ลส แบบเบจบิจ]] ในงานสังสรรค์แห่งหนึ่ง ในที่สุด ในงานวันนั้น ตอนที่แบบเบจกล่าวว่าบิจกล่าวว่า "what if a calculating engine could not only foresee but could act on that foresight" (จะเป็นอย่างไร ถ้าหากเครื่องคำนวณไม่เพียงสามารถหยั่งรู้ได้ หากแต่สามารถตอบสนองต่อการหยั่งรู้นั้นได้ด้วย) ไม่มีใครสนใจแนวคิดนี้ของแบบเบจเลยบิจเลย ยกเว้นเอดา ซึ่งเธอรู้สึกสนใจในงานนี้เป็นอย่างมาก จนอาสาที่จะช่วยพัฒนา โดยสิ่งที่เธอทำคือ การสร้างภาษาสำหรับ[[เครื่องวิเคราะห์]]<ref>{{cite journal | author=Fuegi J, Francis J | title = Lovelace & Babbage and the creation of the 1843 'notes' | journal=Annals of the History of Computing | volume = 25 | issue = 4 | pages = 16–26 | date = October–December 2003 | doi = 10.1109/MAHC.2003.1253887 }} See pages 19, 25</ref> (analytical engine) ของแบบเบจ
 
หลังจากนั้นไม่นาน เอดาได้แต่งงานกับท่านเอิร์ลแห่ง เลิฟเลซ และมีบุตรด้วยกันสามคน
 
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ทั้งเอดาและแบบเบจบิจ ยังเป็นเพื่อนกันทางจดหมาย และแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องเครื่องวิเคราะห์อย่างสม่ำเสมอ โดยจดหมายของทั้งสองถูกเก็บไว้อย่างดีในยุคนี้ เพราะมีข้อมูลน่าสนใจมากมาย (ทั้งเรื่องจริง และจินตนาการ) เช่น เอดาบอกว่า เธอเชื่อว่าต่อไปเครื่องมืออันนี้ จะมีความสามารถที่จะแต่ง[[เพลง]]ที่ซับซ้อน สร้างภาพ[[กราฟิก]] นำมาใช้เพื่อการคำนวณขั้นสูง และพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ได้ ในจดหมายฉบับหนึ่ง เอดาแนะนำแบบเบจว่าบิจว่า ให้ลองเขียนแผนการทำงานของเครื่องมืออันนี้ ให้สามารถคำนวณ Bernoulli numbers ขึ้นมา
 
ต่อมา แผนการทำงานที่แบบเบจบิจเขียนขึ้นมาชิ้นนั้น ก็ถูกยกย่องว่าเป็น[[โปรแกรมคอมพิวเตอร์]]ตัวแรกของโลก เธอจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก เอดาก็ช่วยเขียนบรรยาย รายละเอียดการทำงานของเครื่องวิเคราะห์ แต่สุขภาพของเธอก็เริ่มมีปัญหา และสุดท้ายก็เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 37 ปี
 
อีกร้อยกว่าปีต่อมา ในปี [[พ.ศ. 2522]] (ค.ศ. 1979) กระทรวงกลาโหม[[สหรัฐอเมริกา|สหรัฐฯ]] สร้าง[[ภาษาคอมพิวเตอร์]]มาตรฐาน [[ISO]] ขึ้นมาตัวแรก พร้อมตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ เลดี้ เอดา ว่า ภาษา "[[ภาษา Ada|ADA]]"