ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จัน ดารา (ภาพยนตร์ พ.ศ. 2544)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 42:
แต่หลวงวิสนันทเดชานั้นเป็นเสือผู้หญิง ในระหว่างที่วาดตั้งครรภ์วิไรเลขอยู่ หลวงวิสนันทเดชาจึงเริ่มสนองกามคุณของตน โดยร่วมประเวณีกับสตรีมากหน้าหลายตาเป็นนิตย์ แม้ว่าอยู่ต่อหน้ารูปดารา ภริยาผู้ล่วงลับ ก็ตาม ทว่า เมื่อเห็นรูปภริยาคราใดก็ให้นึกโกรธจันขึ้นมาเรื่อยไป หลวงวิสนันทเดชาจึงมักกระทำทารุณต่อจันและไม่เอาใจใส่เลี้ยงดูจัน ทั้งยังอบรมสั่งสอนให้แก้วจงเกลียดจงชังจันด้วย เป็นเหตุให้จันเกิดความสงสัยว่า ชะรอยหลวงวิสนันทเดชาจะมิใช่บิดาที่แท้จริงของตน เพราะไหนเลยบิดาจะปฏิบัติต่อบุตรเช่นนั้นได้
 
ต่อมา บุญเลื่อง หญิงสาวผู้มักมากในกามารมณ์ ย้ายเข้ามาอาศัยในบ้านวิสนันท์ในฐานะภริยาอีกคนของหลวงวิสนันทเดชา และหญิงผู้นี้เองที่สอนให้จันได้รู้เพศรสเป็นครั้งแรก จันจึงกำหนดใจว่าจะกระทำชำเราแก้ว ทว่า ในเวลานั้น แก้วมีความรักอยู่กับเคน กระทิงทอง บุตรของคนรับใช้ในบ้าน และได้ร่วมประเวณีกัน ครั้นหลวงวิสนันทเดชาจับได้ว่าแก้วเสียพรหมจรรย์ให้แก่บุรุษแล้ว แก้วจึงป้ายความผิดให้แก่จันว่าเป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเราเธอ หลวงวิสนันทเดชาโกรธเป็นอันมาก ขับไล่จันออกจากบ้านวิสนันท์โดยไม่ช้า จันจึงไปอาศัยอยู่ที่บ้านมารดา ณ เมืองพิจิตร และได้ทราบความจริงเกี่ยวกับกำเนิดของตน ทั้งยังได้รู้ด้วยว่า จอม บิดาที่แท้จริงของตนนั้น ถูกพวกพ้องสังหารตายไม่นานหลังจากได้ชำเราดารา จันจึงให้รู้สึกว่า ชีวิตตนช่างมืดดำมืดมนนัก และครุ่นคำนึงถึงแต่ไฮซินธ์ หญิงสาววัยสิบหกปีที่ตนได้พบเจอบ่อยครั้ง ณ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษภาคค่ำในพระนคร
 
สามปีให้หลัง หลวงวิสนันทเดชาสมจรกับแก้วผู้เป็นบุตร และแก้วตั้งครรภ์ เพื่อธำรงเกียรติยศของวงศ์ตระกูล หลวงวิสนันท์เดชาจึงสั่งให้วาดไปเรียกจันกลับพระนคร แล้วเสนอให้จันรับเป็นบิดาของบุตรในครรภ์แก้วแทนตน จันตกลงโดยมีเงื่อนไขว่า หลวงวิสนันทเดชาต้องโอนบ้านและที่ดินให้แก่ตน แต่ค่าใช้จ่ายทั้งหลายในครอบครัวนั้นคงตกเป็นภาระของหลวงวิสนันทเดชาดังเดิม ทั้งนี้ เพื่อชำระความแค้นเคืองที่ตนมีต่อหลวงวิสนันทเดชามาตั้งแต่เยาว์วัย หลวงวิสนันทเดชาจึงรับคำอย่างเสียมิได้ เมื่อสมประสงค์แล้ว จันก็รุดไปหาไฮซินธ์ หญิงสาวที่ตนมีความรักให้อย่างแท้จริง แต่พบว่าไฮซินธ์จากโลกนี้ไปแล้วเพราะไข้รากสาดน้อย ขณะที่วาดเมื่อเห็นว่าหมดห่วงแล้วก็ลาไปบวชเป็นนางชีอยู่ที่เมืองนครสวรรค์โดยไม่สึก