ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระยาฤทธิอัคเนย์ (สละ เอมะศิริ)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 10:
ในวันที่ [[1 เมษายน]] [[พ.ศ. 2476]] ได้[[รัฐประหารในประเทศไทย เมษายน พ.ศ. 2476|เกิดความขัดแย้งกันเองในหมู่คณะราษฎร]] โดยที่ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีปิด[[รัฐสภาไทย|รัฐสภา]] และงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา พระยาทรงสุรเดช 1 ใน 4 ทหารเสือที่มีบทบาทสูงสุดในการปฏิวัติ มีความขัดแย้งกับคณะราษฎรฝ่ายทหารคนอื่น ๆ จึงชักชวนให้พระยาฤทธิอัคเนย์ และพระประศาสน์พิทยายุทธ ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งความขัดแย้งนี้ ต่อมาได้เป็นปฐมเหตุของการ[[รัฐประหารในประเทศไทย มิถุนายน พ.ศ. 2476|รัฐประหารในวันที่ 20 มิถุนายน]] ปีเดียวกัน<ref>[http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=7830 จากรัฐประหาร20มิถุนายน2476สู่ความร้าวฉานในคณะราษฎร จาก[[โลกวันนี้]]]</ref>
 
ต่อมาเมื่อ จอมพล [[ป.พิบูลสงคราม]] ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และในปี [[พ.ศ. 2482]] เกิดกรณี[[กบฏพระยาทรงสุรเดช]] ได้มีการกำจัดนักการเมืองและทหารฝ่ายที่อยู่ตรงข้าม จอมพล ป. พระยาฤทธิอัคเนย์ ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นกรรมการในคณะศาลพิเศษที่ถูกตั้งขึ้นมาพิจารณาในกรณีนี้ และได้ถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี[[กรมราชทัณฑ์]]ด้วย แต่ต่อมา ก็ต้องลี้ภัยการเมืองไปพำนักอยู่ยังเมือง[[ปีนัง]] [[ประเทศมาเลเซีย]] ด้วยมีรางวัลนำจับจากทางรัฐบาลเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ซึ่งพระยาฤทธิอัคเนย์ก็ได้หลบภัยการเมืองจนสิ้นสุด[[สงครามโลกครั้งที่ 2]]
 
เมื่อ นาย[[ควง อภัยวงศ์]] ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากจอมพล ป. หลังสงคราม นายควงได้ออก[[พระราชบัญญัติ]]นิรโทษกรรมนักโทษการเมือง เมื่อปี [[พ.ศ. 2489]] พระยาฤทธิอัคเนย์จึงได้เดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยปลีกตัวไปปฏิบัติธรรม ศึกษา[[พุทธศาสนา]] ที่[[วัดบางปิ้ง]] [[จังหวัดสมุทรปราการ]] โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวทางโลกและ[[การเมืองไทย|การเมือง]]ใด ๆ อีก จนกระทั่งถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคมะเร็งปอด เมื่อวันที่ [[23 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2509]] เวลา 02.55 น. ณ [[โรงพยาบาลศิริราช]] สิริอายุได้ 74 ปี