ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โยฮัน ชเตราส์ (ผู้พ่อ)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
JackieBot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.6.5) (โรบอต แก้ไข: be:Іаган Штраус, бацька
Pradinu (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 2:
[[ไฟล์:Johann Strauss I (1).jpg|thumb|200px|โยฮันน์ ชเตราสส์ ที่หนึ่ง]]
 
'''โยฮันน์ ชเตราสส์สเตร๊าสส์ ที่หนึ่ง''' ([[ภาษาเยอรมัน|เยอรมัน]]: Johann Strauß - หรือที่รู้จักกันในนามของ '''โยฮันน์ ชเตราสส์สเตร๊าสส์ ซีเนียร์''' เกิดเมื่อวันที่[[14 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2347]] เสียชีวิตเมื่อวันที่[[25 กันยายน]] [[พ.ศ. 2392]]) เป็น[[คีตกวี]]ชาว[[ออสเตรีย]] ผลงานที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักได้แก่เพลง[[วอลซ์]] และเพื่อทำให้เพลงประเภทนี้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น [[โยเซฟ แลนเนอร์]] จึงได้ (โดยไม่ตั้งใจ) จัดตั้งมูลนิธิขึ้นเพื่อให้บุตรชายของเขาสืบสานอาณาจักรดนตรีต่อไป อย่างไรก็ดี บทเพลงของเขาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดเห็นจะได้แก่ ''[[ราเด็ตสกี้มาร์ช]]'' (ตั้งชื่อตาม[[โยเซฟ ราเด็ตสกี้ ฟอน ราเด็ตส์]]) ในขณะที่เพลงวอลซ์ที่เลื่องชื่อที่สุดของเขาได้แก่ ''Lorelei Rhine Klänge'' โอปุส 154
 
== ชีวิตและงาน ==
โยฮันน์ ชเตราสส์สเตร๊าสส์ ที่หนึ่ง เป็นบิดาของ[[โยฮันน์ ชเตราสส์สเตร๊าสส์ ที่สอง]] [[โยเซฟ ชเตราสส์สเตร๊าสส์]] และ [[เอด๊วด ชเตราสส์สเตร๊าสส์]] เขายังมีบุตรสาวอีกสองคน ได้แก่ แอนอันนา ที่เกิดในปี[[พ.ศ. 2372]] (ค.ศ. 1829) และ เทเรเซ ที่เกิดในปี[[พ.ศ. 2374]] (ค.ศ. 1831) รวมถึงบุตรชายคนที่สาม เฟอร์ดินาน ที่เกิดในปี[[พ.ศ. 2377]] (ค.ศ. 1834) และมีชีวิตอยู่ดูโลกได้เพียงแค่สิบเดือน
 
บิดามารดาของชเตราสส์สเตร๊าสส์เป็นผู้ดูแลกระท่อม และแม้ว่าเหตุร้ายจะมาเยือนครอบครัวของเขา เมื่อมารดาเสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดเมื่อเขาอายุได้เพียงเจ็ดขวบ เมื่อเขามีอายุได้สิบสองปี บิดาของเขาชื่อฟร้านซ์ บอร์เกียส ก็ได้เสียชีวิตอีกคนจากการจมน้ำใน[[แม่น้ำดานูบ]] แม่บุญธรรมของเขาได้จัดการให้เขาได้ไปฝึกหัดงานเย็บเล่มหนังสือกับโยฮันน์ ลิชต์ไชเดิ้ล แต่เขากลับหาเวลาว่างไปหัด[[ไวโอลิน]]กับ[[วิโอล่า]] และสามารถหางานในวงออเคสตร้าดนตรีท้องถิ่นของคนนายวงชื่อไมเคิลมิคาเอ็ล พาร์เมอร์ จากนั้นเขาก็ออกจากวงเพื่อไปร่วมวงสตริงควอร์เต็ตที่เป็นที่นิยม ชื่อว่าวง ''แลนเนอร์ ควอร์เต็ต'' ตั้งขึ้นโดย[[โยเซฟ แลนเนอร์]]คู่แข่งในอนาคตของเขา และสองพี่น้องตระกูลดราเก้นเฮก ชื่อคาร์ลกับโยฮันน์ วงสตริงควอร์เต็ตนี้เล่นเพลงวอลซ์แบบเวียนนา และเพลงคันทรี่แดนซ์ (Kontretanz)แบบเยอรมัน และได้ขยับขยายขยายไปเป็นวงเครื่องสายในปี พ.ศ. 2367 ในขณะที่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนร่วมวง เขาไม่เคยทิ้งงานฝึกหัดเป็นช่างเย็บเล่มหนังสือ เขายังได้เรียนดนตรีกับโยฮันน์ โปลิชานสกี้ (Johann Polischansky) ในช่วงฝีกหัดงานอีกด้วย
 
ต่อมาเขาได้เลื่อนขั้นเป็นผู้แทน[[วาทยากร]]ใน[[วงดุริยางค์]]ที่เขาเล่นอยู่ และในปี พ.ศ. 2368 ก็ได้จัดตั้งวงดนตรีของตนเองขึ้น และเริ่มประพันธ์เพลงสำหรับเล่นเองในวง เขาได้กลายเป็นนักประพันธ์เพลงเต้นรำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและเป็นที่รักของผู้ฟังมากที่สุดคนหนึ่งใน[[เวียนนา]] และได้นำวงของเขาออกเดินสายเปิดการแสดงใน[[ประเทศเยอรมนี|เยอรมนี]] [[ประเทศเนเธอแลนด์|เนเธอร์แลนด์]] [[ประเทศเบลเยียม|เบลเยี่ยม]] [[ประเทศอังกฤษ|อังกฤษ]] และ [[ประเทศสก็อตแลนด์|สก็อตแลนด์]] ในขณะเดินทางต่อไปยัง[[ประเทศฝรั่งเศส]] เขาได้ยินเพลง[[ควอดริล]]และเริ่มแต่งขึ้นมาเองบ้าง และเป็นผู้ที่ทำให้เพลงประเภทนี้เป็นที่รู้จักใน[[ประเทศออสเตรีย|ออสเตรีย]]
 
ชเตราสส์ได้เข้าพิธีสเตร๊าสส์สมรสกับมาเรีย แอนอันนา สไตรม์ในปีสไตรม์ ในปี[[พ.ศ. 2368]] (ค.ศ. 1825) ที่โบสต์แห่งหนึ่งในเมืองไลช์เทนธัล ชานกรุง[[เวียนนา]] ชีวิตสมรสของเขาไม่ค่อยจะราบรื่น และการออกตระเวนเปิดการแสดงในต่างประเทศบ่อยทำให้เขาห่างเหินจากครอบครัวขึ้นทุกที และทำให้เขารู้สึกเป็นคนแปลกหน้าขึ้นเรื่อยๆเรื่อย ๆ และต่อมาเขาก็ได้มีภรรยาน้อยชื่อ เอมิล แทรมบุช ในปี[[พ.ศ. 2377]] (ค.ศ. 1834) ที่เขามีบุตรด้วยถึงแปดคนด้วยกัน เหตุผลส่วนตัวของชเตราสส์สเตร๊าสส์อาจเป็นสาเหตุให้[[โยฮันน์ ชเตราสส์สเตร๊าสส์ ที่สอง]] ได้พัฒนาเป็นนักประพันธ์เนื่องจากโยฮันน์ บิดาได้ห้ามมิให้บุตรชายเรียนดนตรีเมื่อไรก็ตาม ด้วยการประกาศยอมรับบุตรสาวที่เกิดจากเอมิลอย่างเปิดเผย มาเรีย แอนอันนาได้ฟ้องหย่าในปี[[พ.ศ. 2387]] (ค.ศ. 1844) และได้อนุญาตให้โยฮันน์ จูเนียร์ ได้เรียนดนตรีอย่างจริงจัง โยฮันน์ บิดา เป็นผู้ที่ยึดกฏระเบียบเคร่งครัด และบังคับให้บุตรของตนประกอบอาชีพที่ไม่เกี่ยวข้องกับดนตรี ความคิดส่วนตัวของชเตราสส์สเตร๊าสส์ไม่ค่อยชัดเจนนัก เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับคนในครอบครัว แต่เขาก็เข้าใจความลำบากที่นักดนตรีที่กำลังก่อร่างสร้างตัวต้องเผชิญเป็นอย่างดี
 
นอกเหนือจากปัญหาครอบครัวแล้ว เขายังได้ไปเปิดการแสดงในเกาะอังกฤษบ่อยครั้ง และเตรียมที่จะเขียนบทเพลงให้กับองค์กรการกุศลที่นั่น เพลงวอลซ์ของเขาพัฒนาจากระบำชาวนาในจังหวะสาม/สี่ เป็นสี่/สี่ และมีท่อนนำ และไม่ค่อยมีการอ้างถึงโครงสร้างเพลงวอลซ์แบบห้า/สองที่ตามมา และมักจะมีท่อนสร้อยสั้น ๆ อีกทั้งท่อนจบที่เร่งเร้า ในขณะที่[[โยฮันน์ ชเตราสส์สเตร๊าสส์ จูเนียร์]] ผู้เป็นบุตร ได้ขยายโครงสร้างเพลงวอลซ์และใช้เครื่องดนตรีมากกว่าบิดา และแม้ว่าชเตราสส์สเตร๊าสส์ ผู้เป็นบิดาจะไม่มีความสามารถทางดนตรีที่ไม่เก่งกาจเช่นเท่าบุตรชายของเขา หรือไม่มีหัวการค้าเท่าไหร่นัก เขาก็เป็นหนึ่งในนักประพันธ์เพลงเพี่ยงเพียงไม่กี่คน (รวมทั้ง[[โยเซฟ แลนเนอร์]]ที่แต่งเพลงพร้อมกับตั้งชื่อแยกต่างหากเพลง ทำให้ผู้คนจดจำได้ง่าย อีกทั้งยังเพิ่มยอดขายของโน้ตอีกด้วย
 
[[โยฮันน์ ชเตราสส์สเตร๊าสส์ ที่สอง|โยฮันน์ ชเตราสส์สเตร๊าสส์ บุตร]] มักจะเล่นเพลงที่บิดาเป็นคนแต่ง และยังบอกเปิดเผยว่าชอบมันอย่างเปิดเผยบทเพลงเหล่านี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นที่ทราบกันในสังคมชาว[[เวียนนา]]ว่าบิดาเขามีคู่แข่งมากแค่ไหน อีกทั้งยังมีสื่อมวลชนช่วยโหมกระพือกระแส โดยส่วนตัวแล้ว โยฮันน์ ชเตราสส์สเตร๊าสส์ ที่หนึ่ง ปฏิเสธที่จะเปิดการแสดงอีกที่คาสิโนของนายดอมมาเยอร์ ที่เสนอให้บุตรชายของเขาเริ่มอาชีพวาทยากรวาทยกรและคอยช่วยเหลือให้ก้าวหน้าในอาชีพการงานตลอดชีวิต และในภายหลัง ชื่อเสียงของบุตรชายก็บดบังผู้เป็นบิดา ในแง่ของความนิยมในส่วนของดนตรีคลาสสิก
 
ชเตราสส์สเตร๊าสส์เสียชีวิตที่กรุง[[เวียนนา]] ในปี พ.ศ. 2392 จากโรค[[ไข้แดง]] (scalett fever) ศพของเขาถูกฝังที่สุสานเมืองโดบลิง (Döbling) ข้างกับแลนเนอร์ เพื่อนของเขา และก่อนปี [[พ.ศ. 2447]] (ค.ศ. 1904) ศพของทั้งสองได้ถูกย้ายไปที่หลุมฝังศพแห่งเกียรติยศที่เมือง[[เซนทรัลไฟรด์ฮอฟ]] สุสานเมืองโดบลิงได้กลายเป็นสวน ชเตราสส์สเตร๊าสส์-แลนเนอร์ในปัจจุบัน [[เอกเตอร์ แบร์ลิออซ]] ได้ยกย่อง'บิดาของเพลงวอลซ์เวียนนา' ด้วยคำกล่าวที่ว่า 'กรุงเวียนนาที่ปราศจากชเตราสส์ปราศจากสเตร๊าสส์ ก็เหมือนออสเตรียที่ปราศจากแม่น้ำดานูบ'
 
{{birth|1804}}{{death|1849}}
 
[[หมวดหมู่:คีตกวีชาวออสเตรีย|โยฮันน์ ชเตราสส์สเตร๊าสส์ บิดา]]
[[หมวดหมู่:นักดนตรีคลาสสิก]]
[[หมวดหมู่:บุคคลจากเวียนนา]]