ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระพุทธโสธร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Navylaws (คุย | ส่วนร่วม)
Navylaws (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 23:
== ประวัติ ==
 
ประวัติหลวงพ่อโสธรนั้น ตำนานไม่ได้กล่าวไว้ให้เป็นหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างหรือสร้างเมื่อ พ.ศ.ใดเมื่อใด ทราบตามที่เล่าต่อๆ กันมาแต่เพียงว่า ในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของไทย มี[[พระภิกษุ]]สามองค์พี่น้อง เรียน[[พระธรรมวินัย]]แตกฉานแล้วก็จำแลงกายเป็น[[พระพุทธรูป]]ลอยน้ำลงมาตามลำแม่น้ำ
 
เมื่อมาถึงบริเวณหนึ่งก็ปรากฏองค์ขึ้น ชาวบ้านบริเวณนั้นพบเข้าก็พากันเอาเชือกมนิลามาฉุดขึ้น แต่ก็เอาขึ้นมาไม่ได้เพราะเชือกขาด ก่อนที่พระทั้งสามองค์จะจมหายไป บริเวณที่พระทั้งสามองค์ลอยทวนน้ำหนีนั้นเรียกว่า ''สามพระทวน'' ต่อมาได้เพี้ยนและเรียกว่า ''สัมปทวน'' [[อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา|อำเภอเมือง]][[ฉะเชิงเทรา]]จนทุกวันนี้
 
ต่อมาได้มาผุดขึ้นที่คลองคุ้งให้ชาวบ้านแถวนั้นเห็นอีก ชาวบ้านก็พยายามชุดขึ้นฝั่งแต่ไม่สำเร็จอีก สถานที่นั้นเรียกว่า ''บางพระ'' มาจนทุกวันนี้ แต่นั้นมาพระพุทธรูปทั้งสามองค์ก็ได้สำแดงอภินิหารในครองเล็กๆ ตรงข้ามกองพันทหารช่างที่ 2 ฉะเชิงเทรา บริเวณนั้นเรียกว่า ''แหลมลอยวน'' คลองนั้นได้นามว่า ''คลองสองพี่น้อง'' ภายหลังก็เงียบไป
 
จวบจนองค์หนึ่งได้ลอยไปจนถึง[[แม่น้ำแม่กลอง]] และไปปรากฏผุดขึ้นที่[[สมุทรสงคราม]] ชาวประมงได้พร้อมใจกันอาราธนาขึ้นไปประดิษฐานไว้ที่[[วัดเพชรสมุทร|วัดบ้านแหลม]]หรือ[[วัดเพชรสมุทร|วัดเพชรสมุทรวรวิหาร]] เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่นับถือของ[[พุทธศาสนิกชน]]ชาวสมุทรสงคราม เรียกกันว่า [[หลวงพ่อบ้านแหลม]] มาจนทุกวันนี้
 
องค์ที่สองได้ลอยวนไปวนมาและมาผุดขึ้นหน้า ''วัดหงษ์'' เล่ากันว่า ที่วัดนี้เดิมมีเสาใหญ่ที่มีรูปหงษ์ทำด้วยทองเหลืองอยู่บนยอดเสานั้น จึงได้ชื่อว่า'''วัดหงษ์''' ต่อมาหงษ์ที่ยอดเสาหักตกลงมาเสียชำรุด ทางวัดจึงเอาธงไปติดไว้ที่ยอดเสาแทนรูปหงษ์ จึงได้ชื่อว่า'''วัดเสาธง''' แล้วต่อมาก็เกิดมีพายุพัดเสานี้หักลงส่วนหนึ่ง จึงได้ชื่อว่า'''วัดเสาทอน''' และต่อมาชื่อนี้ได้กลายไปเป็น[[วัดโสธรวรารามวรวิหาร|วัดโสธร]]
 
ประชาชนพลเมืองจำนวนมากได้พากันหลั่งไหลมาอาราธนาฉุดขึ้นฝั่งแต่ก็ไม่สำเร็จ ขณะนั้นมีอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษผู้รู้คนหนึ่งสำเร็จไสยศาสตร์หรือเทพไสยรู้หลักและวิธีอาราธนา จึงได้ทำพิธีปลูกศาลเพียงตาบวงสรวง กล่าวคำอัญเชิญชุมนุมเทวดาอาราธนา และได้ใช้สายสิญจน์คล้องที่พระหัตถ์ของพระพุทธรูปก่อนจะค่อยฉุดลากขึ้นมาบนฝั่ง พระพุทธรูปจึงเสด็จขึ้นมาบนฝั่งเป็นที่ปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งของชาวเมือง จึงได้พร้อมใจกันอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่ในพระวิหารวัดโสธร และเรียกนามว่า '''พระพุทธโสธร''' หรือ '''หลวงพ่อโสธร''' ตั้งแต่นั้นมา
 
ส่วนองค์สุดท้ายได้ลอยไปอยู่ใน[[แม่น้ำเจ้าพระยา]]ประชาชนละแวกนั้นก็หลั่งไหลมาอาราธรนาอาราธนาขึ้นฝั่งฉุดขึ้นเป็นการใหญ่แต่ก็ฉุดขึ้นไม่ได้ เล่ากันว่ามีประชาชนพากันมาฉุดนับได้ถึงสามแสนคน จึงเรียกสถานที่นั้นว่า ''สามแสน'' ภายหลังจึงเพี้ยนมาเป็น ''สามเสน'' และเรียกกันอยู่ทุกวันนี้ จากนั้นพระพุทธรูปองค์นี้ก็ลอยไปผุดขึ้นที่[[คลองสำโรง]] จังหวัด[[สมุทรปราการ]] ประชาชนจึงได้ได้อาราธนาขึ้นไปประดิษฐานไว้ที่[[วัดบางพลีใหญ่ใน|วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม]]หรือ[[วัดบางพลีใหญ่ใน]]ตราบจนทุกวันนี้ เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มากอีกรูปหนึ่งของเมืองไทย คือ [[หลวงพ่อโต (บางพลี)|หลวงพ่อโต]] วัดบางพลีใหญ่ใน<ref>http://www.heritage.thaigov.net/religion/pra/index05.htm#top</ref>
 
เล่ากันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นในสมัย[[กรุงธนบุรี]] ตรงกับประมาณปี พ.ศ. 2313 นับเป็นประวัติพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยน้ำมาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง