ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สัจพจน์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Iamion (คุย | ส่วนร่วม)
Iamion (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 16:
=== กรีกยุคโบราณ ===
[[การให้เหตุผลแบบนิรนัย]] ซึ่งเป็นหลักการสำคัญใน[[คณิตศาสตร์]] ยุคปัจจุบันนั้น ถูกคิดค้นขึ้นมาโดย นัก[[ปรัชญากรีกโบราณ]]อย่างเป็นระบบ กระบวนการ[[การให้เหตุผลแบบนิรนัย|ให้เหตุผลแบบนิรนัย]] เน้นการแสวงหาความรู้จากการ[[อนุมาน]]ข้อมูลตั้งต้นหรือความรู้เดิม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีความรู้ชุดหนึ่งที่ได้รับ การยอมรับมาก่อนอยู่แล้วจึงจะสามารถ[[อนุมาน]]ไปยังความรู้อื่นๆ ได้ นัก[[ปรัชญากรีกโบราณ]] จึงเรียกความรู้ชุดที่เป็นสมมติฐานพื้นฐานนี้ว่า "สัจพจน์" ซึ่งได้รับการยอมรับโดยไม่ต้องพิสูจน์ และ [[ทฤษฎีบท]] อื่นจะต้องได้รับการพิสูจน์บนพื้นฐานของ "สัจพจน์" เหล่านี้ แต่อย่างไรก็ดี การตีความความรู้ทางคณิตศาสตร์
จากโบราณจนถึงปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไป จึงทำให้ชุด "สัจพจน์" พื้นฐานทางคณิตศาสตร์จากยุค[[อริสโตเติล]] และ [[ยุคลิคยูคลิด]]เปลี่ยนไปเล็กน้อย
 
ชาวกรีกโบราณจัดให้ [[ตรีโกณมิติ]] เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ[[วิทยาศาสตร์]]และเชื่อมโยง [[ทฤษฎีบท]]ทาง[[ตรีโกณมิติ]]ไปกับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ ชาวกรีกได้จัดระบบทางวิทยาศาสตร์โดยใช้[[การให้เหตุผลแบบนิรนัย]] เป็นมาตรฐานเพื่อป้องกันข้อผิดพลาด เพื่อสร้างความรู้ใหม่และใช้สื่อสารระหว่างกัน จนในที่สุด[[อริสโตเติล]] ก็ได้ สรุปความรู้ต่างๆ ในยุคนี้เป็นระบบไว้อย่างละเอียดในหนังสือที่ชื่อว่า Posterior Analytics
บรรทัด 24:
หลังจากที่วิทยาศาสตร์แตกแขนงไปหลายๆ สาขาซึ่งอยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานคนละชุด เรามักจะเรียกสมมติฐานพื้นฐานเฉพาะสาขานั้นๆ ว่า "มูลบท" ในขณะที่ "สัจพจน์" มักใช้ในความหมายของวิทยาศาสตร์โดยทั่วไป
 
เมื่อ[[ยุคลิคยูคลิด]] ได้รวบรวมระเบียบวิธีทางคณิตศาสตร์เอาไว้ในหนังสือ The Elements ได้รวบรวมมูลบท ซึ่ง[[ยุคลิคยูคลิด]] หมายถึงหลักการทาง[[เรขาคณิต]] ที่สอดคล้องกับประสบการณ์และสามัญสำนึก กับ Common notions ซึ่ง[[ยุคลิคยูคลิด]] หมายถึงข้อเท็จจริงพื้นฐานที่ไม่ต้องพิสูจน์หรือสัจพจน์นั่นเอง
 
:;มูลบททางเรขาคณิต