ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าโคจงแห่งโครยอ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
NewFrontierHistoryThai (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
NewFrontierHistoryThai (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 3:
พระเจ้าโคจงประสูติในรัชกาลของ[[พระเจ้ามยองจงแห่งโครยอ|พระเจ้ามยองจง]] เป็นพระโอรสขององค์ชายรัชทายาทและพระชายาตระกูลยู ในค.ศ. 1197 พระเจ้ามยองจงทรงถูก[[ชเวชุงฮอน]]ปลดจากราชสมบัติ และเนรเทศพระราชวงศ์ไป[[เกาะคังฮวา]] จนในค.ศ. 1211 ชเวชุงฮอนไำด้นำอดีตองค์ชายรัชทายาทกลับขึ้นมาเป็น[[พระเจ้าคังจง]] พระราชวงศ์จึงได้นิวัติพระราชวัง พระเจ้าคังจงอยู๋ในราชสมบัติได้สองปีก็สวรรคต พระโอรสจึงขึ้นครองราชย์ต่อเป็นพระเจ้าโคจง
 
พระเจ้าโคจงนั้นเช่นเดียวกับพระบิดาและพระอัยกี คือทรงเป็นเพียงกษัตริย์หุ่นเชิดสำหรับผู้นำเผด็จการทหารชเวชุงฮอน เมื่อชเวชุงฮอนเสียชีวิตในค.ศ. 1219 บุตรชาย[[ชเวอู]] (최우, 崔瑀) ก็ก้าวขึ้นมามีอำนาจต่อจากบิดา
{{main|การรุกรานเกาหลีของมองโกล}}
ต้นศตวรรษที่ 13 เป็นช่วงเวลาแห่งการขยายอำนาจของ[[มองโกล]] ในค.ศ. 1225 [[วอเคอไตข่าน]] (Ögedei Khan) ส่งฑูตมาเรียกร้องบรรณาการจากโครยอ แต่ฑูตมองโกลถูกลอบสังหารอย่างปริศนา<ref>Jae-un Kang, Jae-eun Kang, Suzanne Lee. ''The land of scholars: two thousand years of Korean Confucianism''.</ref> วอเคอไตข่านจึงแก้แค้นเกาหลีโดยการส่งแม่ทัพซาร์ไต (Sartai) ยกทัพมองโกลมาบุกเกาหลีในค.ศ. 1231 รุกข้ามแม่น้ำยาลูมาอย่างรวดเร็วชเวอูระดมพลเกาหลีไปป้องกันได้ที่เมืองคูซอง (구성, 龜城) แต่ทัพมองโกลนั้นมีความรวดเร็วสามารถยึดเมือง[[แคซอง]]ได้ในค.ศ. 1232 ด้วยความช่วยเหลือของฮงบกวอน (홍복원, 洪福源) ขุนนางเกาหลีที่ไปเข้ากับมองโกล ราชสำนักเกาหลีต้องยอมเสียเงินทองผ้าไหม รวมทั้งม้าและทาสให้กับมองโกลเป็นค่าชดเชย และวอเคอไตข่านยังให้ผู้ตรวจการ (darugachi) จำนวน 72 คนอยู่ควบคุมสถานการณ์ในโครยอ
บรรทัด 11:
ทัพมองโกลยังคงอยู่ในเกาหลีต่อมา เกาหลีกลายเป็นดินแดนไร้ขื่อแปมีแต่ทัพมองโกลบุกปล้นสะดมบ้านเมือง ขณะที่ราชสำนักก็หลบซ่อนอยู่ที่เกาะคังฮวา ในค.ศ. 1236 พระเจ้าโคจงมีพระราชโองการให้จัดพิมพ์[[พระไตรปิฏกภาษาเกาหลี]] (Tripitaka Koreana) ขึ้นมาเพื่อทดแทนของเดิมที่ถูกมองโกลทำลายและทรงเชื่อว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ได้บุญและโครยอจะรอดพ้นจากการรุกรานของมองโกล เมื่อวอเคอไตข่านเสียชีวิตในค.ศ. 1241 การรุกรานของมองโกลก็อ่อนแอลงไป
 
ในค.ศ. 1251 [[มองเกอข่าน]] (Mongke Khan) ข่านคนใหม่ของมองโกล ได้เรียกร้องให้พระเจ้าโคจงย้ายกลับมาประทับที่เมืองแคซอง มองเกอข่านส่งจาแลร์ไต (Jalairtai) ยกทัพมองโกลเข้ามาบุกโครยออีกครั้ง จนพระเจ้าโคจงต้องทรงยอมจำนน ย้ายกลับมาประทับที่แคซอง แต่[[ชเวฮัง]] (최항, 崔沆) บุตรชายของชเวอูและผู้นำทหารต่อจากบิดายังคงอยู่ที่เกาะคังฮวา มองเกข่านเห็นว่าเกาหลียังไม่นอบน้อมเพราะผู้นำเผด็จการทหารจึงต้องการนำตัวชเวฮังมาลงโทษ จาแลร์ไตบุกเกาหลีอีกครั้งในค.ศ. 1254 ซึ่งเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดมีความเสียหายมากที่สุด<ref>http://www.koreanhistoryproject.org/Ket/C06/E0604.htm</ref>
 
ในที่สุด ค.ศ. 1258 พระเจ้าโคจงร่วมกันวางแผนกับคิมอินจุน (김인준, 金仁俊) และขุนนางฝ่ายพลเรือนทั้งหลาย ใช้ให้ยูคยอง (유경, 柳璥) ทำการลอบสังหารชเวอี (최의, 崔竩) ผู้นำเผด็จการทหารบุตรชายของชเวฮังไปเสีย และพระเจ้าโคจงก็ทรงยอมจำนนต่อมองโกลอย่างเป็นทางการ โดยโครยอตกเป็นเมืองขึ้นของมองโกล และต้องส่งองค์ชายโครยอทั้งหลายไปอยู่กับมองโกลที่เมือง[[คาราโครุม]] (Karakorum) และต้องอภิเษกกับเจ้าหญิงมองโกล ในค.ศ. 1259 พระเจ้าโคจงก็ทรงส่งพระโอรสองค์ชายรัชทายาทวังจอน (왕전, 王倎 ภายหลังเป็น [[พระเจ้าวอนจงแห่งโครยอ|พระเจ้าวอนจง]]) ไปเป็นองค์ประกันกับพวกมองโกล แต่พระเจ้าโคจงก็สวรรคตในปีเดียวกัน องค์ชายวังจอนจึงขึ้นครองราชย์ต่อเป็นพระเจ้าวอนจง