ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรวรรดิมองโกล"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 47:
เมื่อ[[เตมูจิน]]ทราบข่าว จึงนำทัพไปบุก[[เผ่าเบี้ยฉี]]ทันที แต่[[เตมูจิน]]เสียเปรียบในด้านจำนวนของทัพ ทัพของ[[เตมูจิน]]ที่บุก[[เผ่าเบี้ยฉี]]มีไม่ถึงพันนาย ในขณะที่นักรบ[[เผ่าเบี้ยฉี]]มีมากกว่า 20,000 นาย และผลปรากฏว่าเตมูจินต้องหนีฝ่าวงล้อมของ[[เผ่าเบี้ยฉี]]ออกมา นักรบเผ่ามองโกลตายไปกว่าครึ่ง แต่สิ่งนี้เองที่ทำให้[[เตมูจิน]]ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้น ซึ่งต่อมา[[เตมูจิน]]ได้ไปขอความช่วยเหลือจาก[[เผ่าเคอเรอิต]] และ[[เผ่าจาลา]] (หัวหน้าเผ่าคือ[[จาบูฮาเคย]] ซึ่งได้ร่วมสาบานร่วมเป็นร่วมตายกับ[[เตมูจิน]] ตั้งแต่วัยเด็กในช่วงที่เตมูยินอยู่อย่างแล้งแค้นแสงสาหัส) ทั้งสองเผ่าตกลงยอมร่วมมือกับ[[เตมูจิน]]เพื่อโจมตี[[เผ่าเบี้ยฉี]]
 
สงครามครั้งใหญ่เริ่มขึ้นในปี [[พ.ศ. 1725]] (ค.ศ. 1182) กองทัพเผ่ามองโกล กองทัพ[[เผ่าเคอเรอิต]] และกองทัพ[[เผ่าจาลาไ]]ด้มารวมตัวกันที่ที่ตั้งของ[[เผาจาลา]] และได้โจมตี[[เผ่าเบี้ยฉี]]จน[[เผ่าเบี้ยฉี]]พ่ายแตกย่อยยับและหนีไปทางตะวันออกของทะเลทรายโกบี [[เตมูจิน]]ได้ช่วยภรรยาไว้ได้พร้อมกับได้ลูกซึ่งอยู่ในท้องและเมื่อคลอดออกมาก็ตั้งซื่อว่า[[โจชิ]] (หรือ[[ซูซือ]]) ซึ่งมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทราบว่าโจชิ[[โจชิ]]เป็นลูกของเตมูจินขอ[[งเตมูจิน]]หรือลูกของ[[เผ่าเบี้ยฉี]]
 
หลังจากสิ้งสุดสงครามและชัยชนะของเผ่ามองโกลและพันธมิตร อาณาเขตของเผ่าได้ขยายใหญ่ขึ้น ประชากรจากมีไม่ถึงพันของเขากลับมีหลายพันคน และเนื่องจากชื่อเสียงของ 3 เผ่านี้ที่ได้กระจายออกไป จึงทำให้เผ่าเล็กๆ ต่างเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรด้วยเพื่อให้เผ่าของตนปลอดภัยจากสงครามต่างๆ
 
เมื่อประชากรของ[[เตมูจิน]]มีมากขึ้น เขาจึงได้เรียกเหล่าพันธมิตรมาปรึกษา เพื่อที่จะทำการคัดเลือก[[ข่าน]] (ผู้มีอำนาจสูงสุดสามารถออกคำสั่งหรือตัดสินได้ตามชอบแต่เพียงผู้เดียว) ซึ่ง[[เตมูจิน]]ก็ได้เป็นข่านคนแรกของเผ่ามองโกลที่สร้างใหม่นี้
 
ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์คือชนเผ่าของ[[เตมูจิน]] และข่านส่วนหนึ่งได้ไปสังหารน้องชายของ[[จาบูฮาบูฮา]]เข้าโดยคาดไม่ถึง เนื่องจากมีปัญหาแย่งฝูงม้ากัน เป็นเหตุให้เกิดสงครามระหว่าง 2 เผ่าขึ้น มิตรไมตรีที่มีมาตั้งแต่อดีตได้สิ้นสุดลง
 
[[ฤดูใบไม้ผลิ]]ปี [[พ.ศ. 1734]] (ค.ศ. 1191) [[จาบูฮาได้บูฮาไ]]ด้แบ่งกำลังเป็น 13 ทัพโอบล้อมเผ่ามองโกล ซึ่งเรียกกันว่าสงคราม 13 ทัพ เผ่ามองโกลตีฝ่าวงล้อมได้เพราะได้ญาติมิตรของเผ่ามองโกลในอดีตที่ไปอยู่ที่[[เผ่าจาลา]]เปิดทางให้กองทัพมองโกลหนีจากนั้นก็ไปอยู่กับเตมูจินข่าน เผ่าเ[[ผ่าจาลา]]จับทหารมองโกลได้บ้างส่วนและจับคนพวกนั้นโยงลงหม้อใหญ่ที่กำลังน้ำเดือดที่ไว้ใช้ต้มแกะทั้งตัวแต่นี้คือการต้มคนเป็นๆ ลงในหม้อใหญ่ถึงประมาณ 70 คนและแจกจ่ายให้ทหารกินกันอย่างป่าเถื่อน
 
ต่อมาในปี [[พ.ศ. 1739]] (ค.ศ. 1196) [[เตมูจิน]]มีอายุได้ 34 ปี เมืองกิมได้ส่งทูตมายังเผ่ามองโกล ให้เตมูจินข่านช่วยปราบ[[เผ่าทะทาเอย]]เนื่องจาก[[เผ่าทะทาเอย]]ก่อเหตุปล่นชิง[[ปศุสัตว์]]อยู่เสมอ และเนื่องจากแม่ทัพ[[อาณาจักรกิม]]ไม่คุ้นเคยสภาพอากาศทะเลทรายโกบี [[ฮ่องเต้]]เมืองกิมจึงขอให้[[เตมูจินข่าน]] (เนื่องจากมีชื่อเสียงเมื่อทั้งที่ปราบ[[เผ่าเบี้ยฉี]]) เป็นแม่ทัพเมืองกิมและนำทหารไปปราบเผ่าทะทาเอย เตมูจินข่านก็ตกลงและส่งทูตไปเผ่าเคอเรอิตเพื่อให้ร่วมทำสงครามนี้ด้วย ซึ่งในฤดูร้อนปีเดียวกันนั้น กองทัพเตมูจินข่านและกองทัพโตกรุลข่านได้นำทัพไปปราบเผ่าทะทาเอย คนของ[[เผ่าทะทาเอย]]ส่วนหนึ่งสามารถหนีรอดมาได้
 
หลังจากนั้นเมืองกิมได้ส่งทูตมาให้ตำแหน่งเตมูจินข่านให้เป็นผู้ปกครองทุกเผ่า ส่วนโตกรุลข่านให้เป็นอ๋องข่าน เตมูจินข่านไม่สนใจกับอำนาจที่เมืองกิมให้ และเขาต้องระวังอยู่ตลอดเวลาเพราะเมืองกิมอาจส่งสายลับมาดูความเคลื่อนไหวของเผ่าเขา และด้วยเหตุนี้เตมูจินข่านจึงให้ชาวเผ่ามองโกลทั้งหมดอพยพห่างออกไปจากอาณาจักรกิม แต่การย้ายนี้ทำให้เผ่าจาลารู้ที่ตั้งของเผ่ามองโกล จาบูฮาจึงได้รวบรวมศัตรูของเตมูจินทั้งหมดซึ่งรวมกันถึง 12 เผ่า เช่น [[เผ่าเบี้ยฉี]] [[เผ่าทะทาเอย]] [[เผ่าหนจิลา]] ([[เผ่าภรรยา]]ของเตมูจิน) [[เผ่าจาลา]] [[เผ่าไนแมนส์]] (เผ่าใหญ่ทางตะวันตกของทะเลทรายโกบีนับถือ[[ศาสนาคริสต์]]) และพวกเผ่าเล็กๆ อื่นๆ รวมทัพโจมตีเผ่ามองโกลในปี [[พ.ศ. 1744]] (ค.ศ. 1201) เรียกกันว่าสงคราม 12 เผ่า