ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทรอมโบน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
M-Bot (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่คำอัตโนมัติ (-[[ภาพ: +[[ไฟล์:) ด้วยบอต
Sirisobhakya (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{รอการตรวจสอบ}}
[[ไฟล์:Posaune.gif|thumb|190px|เทเนอร์ทรอมโบน]]
'''ทรอมโบน''' ({{lang-en|Trombone}}) เป็น[[เครื่องดนตรีสากล]]ประเภท[[เครื่องลมทองเหลือง|เครื่องเป่าทองเหลือง]] มีคันชักใช้สำหรับเปลี่ยนระดับเสียง โดยมากจะใช้ใน[[วงโยธวาทิต]] วงดนตรี[[ลูกทุ่ง]] รวมทั้งวง[[ซิมโฟนี]][[วงออร์เคสตรา|ออร์เคสตรา]] เสียงของทรอมโบนจะห้าว ถ้าบรรเลงเบา ๆ จะให้เสียงที่นุ่มนวล ในวงดนตรี ทรอมโบนจะทำหน้าที่ประสานเสียงในกลุ่ม[[แตร]]ด้วยกัน
 
ทรอมโบน เป็นแตรซึ่งใช้มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ในพิธีศาสนาและพิธียุรยาตราร่วมกับแตรโบราณ ทรอมโบนประกอบด้วยท่อลมสวมซ้อนเลื่อนเข้า – ออกได้ (Telescopic slide) ขนาดยาวโค้งได้สองทบ สองในสามของท่อลมนี้เป็นท่อทรงกระบอกเช่นเดียวกับ ทรัมเปตส่วนที่เหลือค่อย ๆ บานออกเป็นปากลำโพง ส่วนที่เป็นท่อลมทรงกระบอกจะเป็นท่อสองชั้นสวมกันไว้ในลักษณะรูปตัว U เลื่อนเข้าออกเพื่อปรับระดับเสียง เมื่อเลื่อนออกจะยาวประมาณ 9 ฟุต แต่เมื่อเลื่อนเข้า จะเหลือเพียง 3 ฟุตเศษ ทรอมโบนมีเสียงทุ้ม ห้าว ไม่สดใส เหมือนทรัมเปต ปัจจุบันนิยมใช้แพร่หลายในวงดนตรีชนิดต่าง ๆ เช่นเดียวกันทรัมเปตประกอบด้วยเทเนอร์ทรอมโบน (Tenor Trombone)และ เบสทรอมโบน (Bass Trombone)
 
ทรอมโบนเป็นเครื่องดนตรีประเภทท่อทรงกระบอก (Cylindrical Bore) กล่าวคือมีท่อลมที่ขนาดคงที่เกือบทั้งเครื่อง ทำให้มีเสียงที่แข็งและกระด้าง ไม่นิ่มนวลเหมือน[[ฮอร์น]]หรือ[[ยูโฟเนียม]] แต่ในบางรุ่นอาจมีการขยายขาหนึ่งของ Slide ให้ใหญ่กว่าอีกขาหนึ่ง ทำให้เสมือนหนึ่งเป้นเครื่องดนตรีทรงกรวย (Conical Bore) และให้เสียงที่นุ่มขึ้น
 
== ประเภทของทรอมโบน ==
[[ไฟล์:Getzen Eterna 747 26.jpg|thumb|270px|left|ส่วนลำโพงของ Tenor Trombone in Bb (บน) และ Bb/F (ล่าง)]]
 
# '''Soprano Trombone''' : หรือ Slide Trumpet มีระดับเสียงสูงมาก คีย์ Bb ซึ่งจะสูงกว่าคีย์ Bb ของทรอมโบรนทั่วไปอยู่ 1 Octave
'''ทรอมโบนที่นิยมใช้ในปัจุจบันมี 4 ชนิด'''
 
# '''Alto Trombone''' : มีระดับเสียงสูงที่สุด คีย์ Eb หรือ Eb/Bb alto trombone จะมีช่วงตำแหน่งการของ sildSlide ที่สั้น กว่า Tenor และ bass trombone bone ขนาดท่อลมของ alto trombone จะคล้ายกับ tenor trombone แต่จะมีขนาดเล็กกว่า ปรมาณ 0.450"-0.500" และ bell ประมาณ 6.5" หรือ 7.5"
# '''Tenor Trombone''' : มีระดับเสียงต่ำกว่า Alto มีคีย์เสียง Bb เป็นทรอมโบนมาตรฐานที่ใช้กันมากที่สุดในวงทุกประเภท และเป็นที่เริ่มนิยมอย่างมากในช่วงกลางของศตวรรษที่ 19 ในอังกฤกษ และ ฝรั่งเศส สำหรับบางเครื่องจะมี Valve หรือ rotaly value สำหรับใช้เปลี่ยนคีย์เสียงของเครื่องทรอมโบน และทำให้เล่นเสียงที่ต่ำลง (ต่ำว่า E2) ได้ อาจเรียก Trombone แบบนี้ว่า tuning slide trombone หรือ Tenor/Bass Trombone หรือ Bb/F Trombone อาจจะมีคีย์เสียงที่ต่ำ แต่จะไม่ต่ำได้กว่า bass tromboneมักมีขนาดปากแตรที่ 7½ ถึง 8½ นิ้ว
 
# '''Marching Trombone''' : คือ Tenor Trombone คีย์ Bb ที่ใช้วาล์วแทนสไลด์เพื่อไม่ให้เกะกะ เป็นทรอมโบนที่ออกแบบให้เครื่องมีขนาดสั้นและน้ำหนักเบา สำหรับใช้ในวงโยธวาทิตเท่านั้น
# '''BassTenor Trombone''' : มีระดับเสียงสูงสุดใกล้เคียงกับ Tenor Trombone แต่ช่วงเสียงต่ำนั้นต่ำกว่ามาก โดยทั่วไปมักAlto มีคีย์เสียง ValveBb เป็นทรอมโบนมาตรฐานที่ใช้กันมากที่สุดในวงทุกประเภท สำหรับเปลี่ยนคีย์และทำให้เสียงต่ำลงได้เป็นที่เริ่มนิยมอย่างมากในช่วงกลางของศตวรรษที่ 19 ในอังกฤษ และ ฝรั่งเศส สำหรับบางเครื่องอาจจะมี Valve 2 ตัว ทำให้สามารถสำหรับใช้เปลี่ยนคีย์เสียงของเครื่องได้หลากหลายทรอมโบนลงไปเป็นคีย์ เช่น Bb/F/Gb/D หรือ(คู่ 4 Perfect) และปิดช่องว่างระหว่าง Bb/F/G/Eb1 แล้วแต่รุ่นที่ผลิตและ มักมีเส้นผ่านศูนย์กลางท่อลมE2 (Boreของทรอมโบนทั่วไป Size)ทรอมโบนชนิดนี้อาจเรียกชื่อว่า ที่ใหญ่กว่าTrombone แบบนี้ว่า Tenor-Bass Trombone เช่นหรือ 0.562"Bb/F Trombone หรือบางครั้งเรียก 0.580"Trombone และwith F-attachment มักมีขนาดปากแตรที่ (Bell) ตั้งแต่ 9 ถึง 108½ นิ้ว
 
# '''Marching Trombone''' : คือ Tenor Trombone คีย์ Bb ที่ใช้วาล์วแทนสไลด์เพื่อไม่ให้เกะกะ เป็นทรอมโบนที่ออกแบบให้เครื่องมีขนาดสั้นและน้ำหนักเบา สำหรับใช้ในวงโยธวาทิตเท่านั้น
 
'''Bass Trombone''' มีคีย์หลักที่ Bb และมีความยาว 9 ฟุตเช่นเดียวกับ Tenor Trombone แต่มีขนาดท่อลมที่ใหญ่กว่าเพื่อให้เสียงที่หนักกว่าและนุ่มกว่า มักมีเส้นผ่านศูนย์กลางท่อลม (Bore Size) ที่ใหญ่กว่า Tenor Trombone เช่น 0.562" หรือ 0.580" และมีขนาดปากแตร (Bell) ตั้งแต่ 9 ถึง 10½ นิ้ว โดยทั่วไปมักมี Valve สำหรับเปลี่ยนคีย์ลงไปที่ F และสำหรับบางเครื่องอาจมี Valve อีกตัวซึ่งสามารถเปลี่ยนเสียงให้ต่ำลงอีกเป้นคู่ 3 Minor หรือ 3 Major (แล้วแต่รุ่น) ทำให้สามารถผสมคีย์ได้หลากหลาย เช่น Bb/F/Gb/D, Bb/F/G/Eb, Bb/F/D และ Bb/F/Eb
 
เบสทรอมโบนสมัยใหม่เป็นรุ่นพัฒนาของ Tenor Bass Trombone ซึ่งถูกขยายท่อลมและขนาดปากแตกให้ใหญ่ขึ้นในภายหลัง
 
ในอดีตเคยมี Bass Trombone ในคีย์ F G และ Eb เช่นกัน แต่เสื่อมความนิยมลงหลังจากมีการประดิษฐ์ Tenor Bass Trombone ซึ่งสามารถคลุมช่วงเสียงที่ในอดีตจำเป้นต้องใช้ทรอมโบนเหล่านี้ได้ทั้งหมด
# '''Contrabass Trombone''' : หรือ Slide Tuba มีระดับเสียงต่ำกว่า Bass Trombone มีทั้งความยาว 18 นิ้ว คีย์ Bb เริ่มใช้ครั้งแรกในอุปรากรของวากเนอร์เรื่องและความยาว Der12 Ringนิ้ว desคีย์ Nibelungen (แหวนของนีเบลุงเงน)F แต่ในปีปัจจุบัน ค.ศ.1876F เป็นที่แพร่หลายกว่า มีขนาดท่อลมตั้งแต่ 0.567" ถึง 0.635" แต่ที่นิยมคือระหว่าง 0.567" กับ 0.580"
'''ทรอมโบนชนิดอื่นๆ'''
 
# '''Soprano Trombone''' : หรือ Slide Trumpet มีระดับเสียงสูงมาก คีย์ Bb
# '''Valve Trombone''' : มีระดับเสียงเท่ากับ Tenor Trombone คีย์ Bb แต่ใช้ Valve เปลี่ยนเสียงแทนสไลด์ นิยมใช้ในวง Jazz หรือ Marching
# '''Contrabass Trombone''' : หรือ Slide Tuba มีระดับเสียงต่ำกว่า Bass Trombone คีย์ Bb เริ่มใช้ครั้งแรกในอุปรากรของวากเนอร์เรื่อง Der Ring des Nibelungen (แหวนของนีเบลุงเงน) ในปี ค.ศ.1876 มีขนาดท่อลมตั้งแต่ 0.567" ถึง 0.635" แต่ที่นิยมคือระหว่าง 0.567" กับ 0.580"
 
# '''Valve Trombone''' : มีระดับเสียงเท่ากับ Tenor Trombone คีย์ Bb แต่ใช้ Valve เปลี่ยนเสียงแทนสไลด์ นิยมใช้ในวง Jazz หรือ Marching
# '''Superbone''' : เป็นการผสมผสานระหว่าง Valve และ Slide ปรากฏในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เคยรู้จักกันในชื่อ Valide Trombone นิยมใช้ในหมู่นักดนตรี jass ในปัจจุบันมักเรียกกันว่า Superbone
 
[[ไฟล์:Getzen Eterna 747 26.jpg|thumb|270px|left|ส่วนลำโพงของ Tenor Trombone in Bb (บน) และ Bb/F (ล่าง)]]
[[ไฟล์:E8 3.jpg|thumb|270px|right|ส่วนลำโพงของ Bass Trombone Bb/F/Eb]]
 
 
'''== ระบบวาล์วของทรอมโบน''' ==
วาล์วของทรอมโบนหลายรุ่นโดยเฉพาะรุ่นสำหรับมืออาชีพจะมีวาล์วเพื่อเปลี่ยนเสียงลงไปยังคีย์ F หรือคีย์อื่นๆ วาล์วเหล่านี้มีหลากหลายชนิด แต่แต่ละชนิดจะมีหลักการทำงานพื้นฐานที่เหมือนกัน กล่าวคือ เปลี่ยนทิศทางลมจากท่อลมปกติเข้าสู่ท่อลมอีกท่อหนึ่งซึ่งมีความยาวพอที่จะเปลี่ยนเสียงให้เป็นระดับที่ต้องการ และจากนั้นลมก็จะไหลกลับเข้าไปในท่อปกติอีกด้านหนึ่งของตัววาล์ว
 
การประกอบวาล์วมีหลายแบบ ที่พบมากที่สุดคือ F Valve ซึ่งจะเปลี่ยนเสียงให้ต่ำลงไปเป็นคู่ 4 คู่เพอร์เฟกต์Perfect (เช่น Bb เป็น F) ส่วน Bass Trombone บางตัวนั้นจะมีวาล์ว 2 ตัว และทำให้สามารถเปลี่ยนคีย์ได้มากขึ้นไปอีก เช่น F และ Gb Valve ซึ่งทำให้สามารถเปลี่ยนคีย์ได้ตั้งแต่ Bb F Gb และ D นอกจากนั้นยังมีระบบวาล์วอื่นๆ เช่น C Valve แต่ไม่ค่อยพบมากนักและ Trill Valve หรือ Trill Key
 
ระบบท่อของวาล์วแบ่งออกได้เป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ Traditional Wrap ซึ่งจะขดท่อไปมาอย่างค่อนข้างซับซ้อนเพื่อให้อยู่ในกรอบของตัวทรอมโบนและลดอัตราการกระทบกระแทก และ Open Wrap ซึ่งจะมีส่วนคดโค้งน้อยกว่า แต่จะยื่นออกไปทางด้านหลังมากกว่า วาล์แบบ Open Wrap จะให้เสียงที่โล่งมากกว่า แต่ก็กระทบกระแทกได้ง่ายกว่าเช่นเดียวกัน ท่อต่อของวาล์วจะมีท่อปรับเสียง (Tuning Slide) เช่นเดียวกับท่อลมปกติของทรอมโบน และการดึงท่อปรับเสียงนี้จำเป็นต้องกดวาล์วก่อนทุกครั้ง เนื่องจากวาล์วในขณะที่ไม่ใช้จะปิดสนิทไม่ยอมให้ลมเข้า ปริมาตรอากาศภายในจึงคงที่ การดึงท่อปรับเสียงจึงอาจทำให้วาล์วรั่วหรือท่อวาล์วยุบได้
 
วาล์วชนิดต่างๆที่ใช้ในทรอมโบน เช่น
การประกอบวาล์วมีหลายแบบ ที่พบมากที่สุดคือ F Valve ซึ่งจะเปลี่ยนเสียงให้ต่ำลงไป 4 คู่เพอร์เฟกต์ (เช่น Bb เป็น F) ส่วน Bass Trombone บางตัวนั้นจะมีวาล์ว 2 ตัว และทำให้สามารถเปลี่ยนคีย์ได้มากขึ้นไปอีก เช่น F และ Gb Valve ซึ่งทำให้สามารถเปลี่ยนคีย์ได้ตั้งแต่ Bb F Gb และ Dนอกจากนั้นยังมีระบบวาล์วอื่นๆ เช่น C Valve แต่ไม่ค่อยพบมากนัก
 
# '''Rotary Valve''' : ประกอบด้วยลิ้นภายในรูปเลนส์เว้า ซึ่งคั่นอยู่ระหว่างท่อลมปกติกับท่อต่อของวาล์ว เมื่อวาล์วไม่ได้ถูกใช้ ลิ้นจะเปิดให้ลมผ่านไปตามท่อตามปกติ แต่หากกดวาล์ว ลิ้นนี้จะหมุนไปในมุม 90 องศา และผันลมให้เข้าไปในท่อวาล์ว ก่อนที่จะไหลกลับเข้าไปในท่อลมปกติที่อีกด้านหนึ่งของลิ้น มีกลไกสองระบบ คือ mechanical linkage (ใช้กลไกในการหมุนวาล์ว) และ string linkage (ใช้เชือกในการหมุนวาล์ว) นักเป่าทรอมโบนหลายคนวิจารณ์วาล์วแบบนี้ว่าทำให้ความรู้สึกในการเป่าไม่โล่งเหมือนวาล์วธรรมดาและเนื้อเสียงหลังจากกดวาล์วเปลี่ยนไป เนื่องจากลมจะถูกเปลี่ยนทิศทางไปถึง 90 องศาซึ่งทำให้มีแรงต้านเพิ่มขึ้น และแม้ไม่กดวาล์วก็จะมีลมบางส่วนที่ค้างอยู่ตามส่วนโค้งของลิ้นและตัววาล์ว
ระบบท่อของวาล์วแบ่งออกได้เป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ Traditional Wrap ซึ่งจะขดท่อไปมาอย่างค่อนข้างซับซ้อน และ Open Wrap ซึ่งจะมีส่วนคดโค้งน้อยกว่า แต่ก็แพงกว่าแบบ Traditional Wrap และจะยื่นออกไปทางด้านหลังมากกว่า ซึ่งนั่นก็หมายความว่ามีโอกาสที่จะเกิดการกระทบกระแทกของวาล์วได้มากกว่าด้วย
 
# '''Thayer Valve''' : เป็นระบบบวาล์วที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเสียงอู้ของ rotary valve ซึ่งทำงานโดยลิ้นรูปโคนซึ่งจะเปลี่ยนทิศทางลมให้เข้าไปในท่อของวาล์ว แต่ระบบวาล์วชนิดนี้จะเปลี่ยนทางลมเพียง 25 องศาหรือน้อยกว่า ทำให้แรงต้านและเนื้อเสียงแทบไม่แตกต่างจากก่อนกดวาล์ว อย่างไรก็ตาม วาล์วชนิดนี้ต้องการการดูแลและมีราคาสูงกว่า Rotary Valve และมีปัญหาการรั่วซึมมาก อีกทั้งนักเป่าทรอมโบนบางคน (โดยเฉพาะ Bass Trombone) ไม่ชอบวาล์วชนิดนี้นัก และเห็นว่าแรงต้านจากวาล์วช่วยทำให้เป่าเสียงโน้ตตัวต่ำได้ดีขึ้น
ท่อต่อของวาล์วจะมีท่อปรับเสียง (Tuning Slide) เช่นเดียวกับท่อลมปกติของทรอมโบน และการดึงท่อปรับเสียงนี้จำเป็นต้องกดวาล์วก่อนทุกครั้ง เนื่องจากวาล์วในขณะที่ไม่ใช้จะปิดสนิทไม่ยอมให้ลมเข้า ปริมาตรอากาศภายในจึงคงที่ การดึงท่อปรับเสียงจึงอาจทำให้วาล์วรั่วหรือท่อวาล์วยุบได้
 
'''Hagmann Valve''' และ '''Balanced Valve''' ทำงานด้วยหลักการคล้ายกัน กล่าวคือมีท่อลมสามท่อขดรวมอยู่ภายในตัววาล์ว ท่อหนึ่งตรงหรือเกือบตรงสำหรับเมื่อไม่ได้ใช้วาล์ว และอีกสองท่อโค้งสำหรับผันลมเข้าสู่ส่วนท่อของวาล์ว ซึ่งองศาการเบนลมนั้งมากกว่า Thayer Valve แต่น้อยกว่า Rotary Valve และปัญหาการรั่วซึมและการดูแลรักษาก็น้อยกว่า Thayer Valve ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น
# '''Rotary Valve''' : ประกอบด้วยลิ้นภายในซึ่งคั่นอยู่ระหว่างท่อลมปกติกับท่อต่อของวาล์ว เมื่อวาล์วไม่ได้ถูกใช้ ลิ้นจะเปิดให้ลมผ่านไปตามท่อตามปกติ แต่หากกดวาล์ว ลิ้นนี้จะหมุนไปในมุม 90 องศา และผันลมให้เข้าไปในท่อวาล์ว ก่อนที่จะไหลกลับเข้าไปในท่อลมปกติที่อีกด้านหนึ่งของลิ้น มีกลไกสองระบบ คือ mechanical linkage (ใช้กลไกในการหมุนวาล์ว) และ string linkage (ใช้เชือกในการหมุนวาล์ว) นักเป่าทรอมโบนหลายคนวิจารณ์วาล์วแบบนี้ว่าทำให้ความรู้สึกในการเป่าไม่โล่งเหมือนวาล์วธรรมดาและเนื้อเสียงหลังจากกดวาล์วเปลี่ยนไป เนื่องจากลมจะถูกเปลี่ยนทิศทางไปถึง 90 องศาซึ่งทำให้มีแรงต้านเพิ่มขึ้น และแม้ไม่กดวาล์วก็จะมีลมบางส่วนที่ค้างอยู่ตามส่วนโค้งของลิ้นและตัววาล์ว
# '''Thayer Valve''' : เป็นระบบบวาล์วที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเสียงอู้ของ rotary valve ซึ่งทำงานโดยลิ้นรูปโคนซึ่งจะเปลี่ยนทิศทางลมให้เข้าไปในท่อของวาล์ว แต่ระบบวาล์วชนิดนี้จะเปลี่ยนทางลมเพียง 25 องศาหรือน้อยกว่า ทำให้แรงต้านและเนื้อเสียงแทบไม่แตกต่างจากก่อนกดวาล์ว อย่างไรก็ตาม วาล์วชนิดนี้ต้องการการดูแลและมีราคาสูงกว่า Rotary Valve และนักเป่าทรอมโบนบางคน (โดยเฉพาะ Bass Trombone) ไม่ชอบวาล์วชนิดนี้นัก และเห็นว่าแรงต้านจากวาล์วช่วยทำให้เป่าเสียงโน้ตตัวต่ำได้ดีขึ้น
 
[[หมวดหมู่:เครื่องลมทองเหลือง]]