ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Surasit.khunsong (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Surasit.khunsong (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 7:
[[Image:Jui Ti God.jpg|250px|thumb|right|รูปแกะสลักขององค์เทพเจ้าต่างๆที่จะใช้ในงานพิธีกรรม]]
 
ครั้งสมัยหนึ่งประมาณการผ่านไปเจ็ดสิบกว่าปีแล้วมี[[งิ้ว]]คณะหนึ่งได้นำคณะล่องใต้ไปแสดงตามสถานที่ต่าง ๆ คณะ[[งิ้ว]]จะต้องอัญเชิญ กิ้วอ๋อง ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขานับถือ สักการะบูชาอย่างสูงให้ท่านติดตามไปคุ้มครองปกปักรักษาให้พวกเขาอยู่เย็นเป็นสุขตลอดมา
 
ต่อมาคณะ[[งิ้ว]]ดังกล่าวได้เดินทางมาถึง[[จังหวัดภูเก็ต]] ก็ได้เริ่มทำการแสดงที่ซอยรมณีย์ทางด้านวัดมงคลนิมิต (ซึ่งคนพื้นเมืองของ[[จังหวัดภูเก็ต]]เรียกซอยรมณีย์ว่า อ่างอ่าหล่าย) คณะ[[งิ้ว]]ได้มาอยู่ที่[[จังหวัดภูเก็ต]]นานพอประมาณ ระหว่างที่คณะ[[งิ้ว]]อยู่[[ภูเก็ต]]นั้นจัดได้ว่าให้มีพิธีกินผัก(กินเจ) กัน ซึ่งพวก[[งิ้ว]]ได้ถือปฏิบัติสืบอายุเป็นตอน ๆ มา พิธีการกินเจ คือ เริ่มขึ้นในเดือน 11 ขึ้น 1 ค่ำ (เก้าโง้ยโช่ยอีด) ก่อนถึงวันกินเจพวก[[งิ้ว]]จะปัดกวาด ล้างชำระสถานที่เครื่องใช้ หม้อข้าว ถ้วยชาม และสิ่งของที่จะประกอบในพิธีให้สะอาด ผู้ที่จะเข้าร่วมในพิธีจะต้องแต่งตัว นุ่งขาว ในพิธีการกินเจมีทั้งหมด 9 วัน 9 คืน
 
ในสมัยนั้นก็มีพี่น้องชาว[[ภูเก็ต]] ทั้งคนจีน และคนไทย ก็ได้เข้าร่วมในพิธีการถือศีลกินเจกับคณะ[[งิ้ว]]ด้วย พี่น้องชาว[[ภูเก็ต]]ของเราก็ได้ศึกษา ปฏิบัติ พิธีการต่าง ๆ ตั้งแต่วันเริ่มงานกินเจจนเสร็จพิธี ในพิธีการกินเจนี้ เขาจะมีพิธีขึ้นเสาโกเต้ง มีตะเกียงน้ำมัน 9 ดวงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพิธีการกินเจได้เริ่มขึ้นแล้วในพิธีการกินเจก็มีการประทับทรงพระทำพิธี ลุยไฟ สะเดาะเคราะห์อาบน้ำมันซึ่งกำลังเดือด พิธีไหว้เทวดา มีการแห่ขบวนไปตามถนนสายต่าง ๆ พอครบกำหนด 9 วัน 9 คืน ก็เป็นอันเสร็จพิธีการกินเจ
 
เมื่อพวก[[งิ้ว]]หมดธุรการแสดง[[งิ้ว]] ต่างก็เก็บข้าวของเตรียมจะเดินทางกลับภูมิลำเนาของตน หัวหน้าคณะของ[[งิ้ว]]ได้พิจารณาเห็นว่าพี่น้องชาว[[ภูเก็ต]]ทั้งคนจีนและคนไทยมีความเลื่อมใสศรัทธาในพิธีการถือศีล กินเจ เขาก็ได้อัญเชิญ'''เฮี้ยวโห้ย''' ( ไฟศักดิ์สิทธิ์ ) และสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งจะในพิธีการกินเจ ให้ไว้กับพี่น้องชาว[[ภูเก็ต]]ไว้ดำเนินพิธีการกินเจต่อไปพี่น้องชาว[[ภูเก็ต]]ต่างพร้อมใจกันจัดตั้งเป็นศาลเจ้าขึ้นที่อ่างอ่าหล่าย (ซอยรมณีย์)
 
ต่อมาได้เกิดไฟไหม้จากบริเวณบ้านเรือนจึงลามมายังบริเวณศาลเจ้า ชาวบ้านจึงได้อัญเชิญ'''เฮี้ยวโห้ย''' ( ไฟศักดิ์สิทธิ์ ) มาฝากไว้ยังศาลเจ้าปุดจ้อ และเมื่อถึงเวลากินผักก็จะอันเชิญมายังศาลเจ้าชั่วคราวที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างขึ้น ณ สวนพูข้างศาลเจ้าปุดจ้อ ต่อมาเจ้าของสวนพูได้ถวายที่ดินแปลงนี้ให้ '''"กิวอ๋องไต่เต่"''' สร้างเป็นศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย ซึ่งหลังแรกได้สร้างด้วยเป็นหลังคามุงจาก ในปี พ.ศ. 2454 ต่อมาเมื่อในปี พ.ศ. 2525 ชาวบ้านเข้าร่วมพิธีถือศีลกินผักมากขึ้น จึงได้ร่วมใจกันบริจาคทรัพย์เพื่อพัฒนาศาลเจ้ามาตราบจนปัจจุบัน และเปลี่ยนมาเป็น '''มูลนิธิ จุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง'''