ผลต่างระหว่างรุ่นของ "บียอนเซ่ โนวส์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Loveisintheair (คุย | ส่วนร่วม)
MeeLP (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 43:
=== เดสทินีส์ไชลด์ (1994-2002) ===
 
[[ไฟล์:800px-Beyonce Independent.jpg|thumb|leftright|โนวส์ร้องเพลง "Independent Woman Part 1",เพลงที่ฮิตที่สุดของเดสทินีส์ไชลด์]]
 
ปี 1995 เป็นปีที่สำคัญของวงนี้ จากการฝึกฝนอย่างหนักพวกเธอได้รับโอกาสออดิชั่นเข้าในสังกัดค่ายเพลง Elektra Record หลังจากเข้าสังกัดค่ายเพลงดังกล่าว เดสทินีส์ไชลด์ ได้รับงานโชว์ตามงานต่างๆ ต่อมาในปี 1997 ก็ได้รับโอกาสเซ็นสัญญากับค่ายเพลง [[โคลัมเบียเรเคิดส์]]
บรรทัด 51:
แต่ก็เกิดปัญหา เมื่อสมาชิกในวงได้มีการเปลี่ยนตัว หลังจาก เลโทย่า และ โรเบอร์สัน ถูกปลดออกจากวง ก็ได้มีสมาชิกใหม่เข้ามาคือ มิเชล วิลเลียม และ ฟาร่า แฟรงคลิน ต่อมาได้ 5 เดือน ฟาร่า ได้ลาออกจากวงเนื่องจากปัญหาส่วนตัว ทำให้เดสทินีส์ไชลด์เหลือสมาชิกเพียง 3 คนคือ โนวส์, โรว์แลนด์, และวิลเลียม
 
ในปี 2000 พวกเธอได้ออกซิงเกิลเพลงประกอบภาพยนตร์ ''Charlie's Angels'' ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการขึ้นอันดับ 1 ถึง 7 สัปดาห์ นั่นคือเพลง "Independent Women Part I" อัลบั้มชุดที่ 3 ของพวกเธอ ''Survivor'' วางขายในปี 2001 บนชาร์ท BillBoard Top 200 ที่อันดับ 1 ด้วยยอดขายกว่า 663,000 ชุด และขายได้มากกว่า 10 ล้านชุดทั่วโลก และยังมีซิงเกิลที่ฮิตติดชาร์ทอีกมากมายอย่างเพลง "Survivor" และ "Bootylicious" จากอัลบั้มนี้ทำให้พวกเธอคว้า[[รางวัลแกรมมี]]มาได้อีก 1 รางวัล ในต่อมาพวกเธอได้มีอัลบั้ม ''8 Days of Christmas'' ซึ่งวางขายในปี 2001 เช่นกัน ในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ หลังจากวงาขายอัลบั้มแล้ว ก็ได้มีการพักงานชั่วคราว เพื่อที่สมาชิกแต่ละคนจะได้ออกผลงานเดี่ยวของตน
 
=== Dangerously in Love (2003-2005) ===
 
=== ''Dangerously in Love'' (2003-2005) ===
ในฐานะศิลปินเดี่ยวบียอนเซ่ ก็มีเพลงฮิตอย่าง “Crazy In Love”, “Naughty Girl” และ “Baby Boy” จากอัลบั้ม “Dangerously In Love” ผลงานเดี่ยวชุดแรกคว้าอันดับ 1 ทั้งในอเมริกา และอังกฤษ และยังได้รับ[[รางวัลแกรมมี่]]ถึง 5 สาขา ในที่นี้รวมถึงรางวัล "Best Female R&B Vocal Performance" สำหรับเพลง "Dangerously in Love", และ "Best Contemporary R&B Album"
 
หลังจากมีการพักงานของวง[[เดสทินีส์ไชลด์]]ในปี 2003 โนวส์ได้ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของเธอ ''Dangerously In Love'' ที่ได้ร่วมงานกับบรรดาคนทำเพลงชื่อดังมากมาย ตัวอัลบั้มบนชาร์ท BillBoard Top 200 ที่อันดับ 1 ด้วยยอดขายกว่า 317,000 ชุด และยอดขายรวมจนถึงปัจจุับันถึง 8 ล้านชุดทั่วโลก
นอกจากงานเพลงบียอนเซ่ยังมีงานแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ในปี 2005 ภาพยนตร์เรื่อง The Pink Panther ได้เปิดตัวที่อันดับ 1 บนชาร์ท Box Office ของสหรัฐอเมริกา อีกทั้งเพลงประกอบภาพยนตร์อย่างเพลง Check On It ที่เธอได้ร่วมงานกับ Slim Thug ก็ขึ้นถึงอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาเป็นเพลงที่ 3 ของเธอ
 
"Crazy In Love" คือซิงเกิลแรกจากอัลบั้มนี้ ที่ได้ร่วมร้องกับแฟนหนุ่มของเธอ [[เจย์-ซี]] เพลงนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากด้วยการครองอันดับ 1 บนชาร์ท [[บิลบอร์ดฮ็อต 100]] ถึง 8 สัปดาห์ และอันดับต้นๆ ของชาร์ทเพลงในประเทศต่างๆ ทั่วโลก มีซิงเกิลที่ 2 คือเพลง "Baby Boy" ก็ฮิตไม่แพ้กันและขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ทถึง 9 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีเพลง "Me, Myself, And I" และ "Naughty Girls" เป็นซิงเกิลที่ 3 และ 4 จากอัลบั้มนี้
=== B'Day (2006–2007) ===
 
โนวส์ได้รับ[[รางวัลแกรมมี่]]ถึง 5 สาขา ในที่นี้รวมถึงรางวัล "Best Female R&B Vocal Performance" สำหรับเพลง "Dangerously in Love", และ "Best Contemporary R&B Album" ถือเป็นการแจ้่งเกิดในฐานะศิลปินเดี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงนั้น
[[ภาพ:Beyonceshakira.jpg|thumb|left|เพลง "Beautiful Liar"]]
 
=== ''Destiny Fulfilled'' และ ปิดฉากเดสทินีส์ไชลด์(2004-2005) ===
 
[[ไฟล์:800px-Say My Name Live.jpg|thumb|left|[[เดสทินีส์ไชลด์]]ร้องเพลง "Say My Name" ในทัวร์คอนเสิร์ต Destiny Fulfilled ... And Lovin' It World Tour]]พวกเธอก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในอัลบั้มชุดที่ 4 ''Destiny Fulfilled'' มีซิงเกิลที่ฮิตอย่างเพลง "Lose My Breath" , "Soldier" , "Girl" , และ "Cater 2 U" ต่อมาได้มีทัวร์คอนเสิร์ต Destiny Fulfilled ... And Lovin' It World Tour ช่วงเดือนเมษายนถึงกันยายน ปี 2005 ในปีเดียวกันก็ได้่ออกอัลบั้มรวมฮิตชุดแรก #1's ที่รวบรวมซิงเกิลอันดับ 1 และเพลงฮิตทั้งหมดที่ทุกคนรู้จักตั้งแต่ก่อตั้งวงนี้มา รวมถึงเพลงพิเศษอย่าง Stand Up For Love ในปี 2006 จากความสำเร็จอย่างมากมาย
 
ความทุ่มเทในการทำงานของพวกเธอทำให้ได้รับการจารึกชื่อวง [[เดสทินีส์ไชลด์]]ลงบน [[Hollywood Walk of Fame]] และในที่สุดวงนี้ก็ได้ประกาศยุบตัวลง เพื่อสมาชิกแต่ละคนจะได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองสนใจ เหลือเพียงตำนานและชื่อเสียงที่น่าจดจำของ กลุ่มศิลปินหญิงที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาล
 
=== ''B'Day'' (2006–2007) ===
 
[[ไฟล์:450px-Beyonce sings Listen.jpg|thumb|right|โนวส์ร้องเพลงใน The Beyoncé Experience ปี 2007]]
 
นอกจากงานเพลงบียอนเซ่ยังปี 2006 โนวส์มีงานแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ในปี 2005 ภาพยนตร์เรื่อง ''The Pink Panther'' ได้เปิดตัวที่อันดับ 1 บนชาร์ท Box Office ของ[[สหรัฐอเมริกา]] อีกทั้งเพลงประกอบภาพยนตร์อย่างเพลง "Check On It" ที่เธอได้ร่วมงานกับ Slim Thug ก็ขึ้นถึงอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาเป็นเพลงที่ 3 ของเธอ อีกด้วย
 
บียอนเซ่กลับมากับอัลบั้ม ''B’Day'' ซึ่งจะวางจำหน่ายในอเมริกาวันที่ [[4 กันยายน]]ซึ่งตรงกับวันเกิดครบ 25 ปีของเธอพอดี นอกจากจะรับหน้าที่เป็น Executive Producer ในอัลบั้มนี้แล้วบียอนเซ่ยังร่วมแต่งและโปรดิวซ์เพลงในอัลบั้มนี้ถึง 11 เพลงเลยทีเดียว ร่วมด้วยทีมงานโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงระดับซุปเปอร์สตาร์เช่น Swizz Beatz, Rich Harrison, The Neptunes, Sean Garrett, Star Gate, Jay- Z, Solange Knowles, Angela Beyince, Makeeba และ Rodney Jerkins
เส้น 68 ⟶ 79:
เพลง Irreplaceable ก็ขึ้นอันดับ 1 ใน[[บิลบอร์ด]]ได้
 
ภาพยนตร์เรื่อง ''Dreamgirls'' ที่ดัดแปลงมาจาก[[ละครบรอดเวย์]]ในปี 1981 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักร้องในยุค 60 โดยได้แรงบันดาลใจจากวง[[เดอะ ซูปพรีมส์]] โดยยึดลักษณะตัวละครคือ [[ไดอาน่า รอสส์]] ในเรื่องคือ ดีน่า โจนส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้บียอนเซ่ถูกเสนอชื่อชิง[[รางวัลลูกโลกทองคำ]] ถึง 2 สาขา <ref>[http://www.timesonline.co.uk/article/0,,3-2505178,00.html] timesonline.co.uk</ref>
 
[[11 กุมภาพันธ์]] [[ค.ศ. 2007]] บียอนเซ่ได้รับรางวัลแกรมมี่สาขาอัลบั้มเพลงอาร์แอนด์บีร่วมสมัยยอดเยี่ยม <ref>[http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9500000017086 ผลรางวัลแกรมมี่ 2007] manager.co.th</ref>
เส้น 74 ⟶ 85:
เพลง "Beautiful Liar" เป็นซิงเกิลที่อยู่ในอัลบั้ม B-Day ในแบบเดอลุกซ์ อีดิชั่น เพลงนี้เธอร่วมร้องกับนักร้องสาว [[ชากีรา]] ขึ้นอันดับ 1 ในอังกฤษ ส่วนในอเมริกาขึ้นสูงสุดที่อันดับ 3
 
ต่อมาโนวส์ได้มีทัวร์คอนเสิร์ตชื่อว่า The Beyoncé Experience มีรอบแสดงถึง 97 รอบ ทั้งใน [[เอเซีย]], [[ออสเตรเลีย]], [[อเมริกาเหนือ]], [[ยุโรป]], และ [[แอฟริกา]] เปิดทัวร์ที่[[ประเทศญี่ปุ่น]]และสิ้นสุดที่ [[ลาสเวกัส]] [[สหรัฐอเมริกา]] ทัวร์นี้ได้มีการบันทึกภาพที่ [[ลอสแองเจลิส]] และวางขายเป็นดีวีดีในปีเดียวกัน โดยใช้ชื่อว่า The Beyonce Experience Live, ในวันที่ 30 ตุลาคม 2007 เธอได้มาเปิดคอนเสิร์ตในประเทศไทย ที่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี โดยผู้จัดผู้จัด บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ท่ามกลางความตื่นเต้นและรอคอยของแฟนคลับชาวไทย
 
=== ''I Am… Sasha Fierce'' (2008-ปัจจุบัน) ===
 
หลังเสร็จจากการทัวร์ The Beyoncé Experience โนวส์ได้มีซิงเกิลพิเศษ "Honesty" วางขายเฉพาะที่[[ประเทศญี่ปุ่น]]เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปีของวง[[เดสทินีส์ไชลด์]] และในเดือนพฤษภาคมปี 2008 บียอนเซ่ได้แต่งงานกับ[[เจย์-ซี]] แฟนหนุ่มที่คบหากันมานาน โดยงานจัดขึ้นอย่างเล็กๆ ในปัจจุบันยังไม่มีใครเห็นภาพบรรยากาศในงานนอกจากผู้ที่ไปร่วมงานเท่านั้น
โนวส์ออกอัลบั้มเดี่ยวลำดับที่ 3 ของเธอในชื่อ ''I Am… Sasha Fierce'' เมื่อวันที่ [[18 พฤศจิกายน]] [[ค.ศ. 2008]] โดยโนวส์ได้เผยว่า ''ซาช่า'' คือภาพลักษณ์ของเธอเวลาอยู่บนเวทีที่จะเต็มที่ เปรี้ยวแรง และทุ่มเท ต่างกับตัวจริงของเธอที่จะเป็นคนเงียบๆ และเรียบง่าย
 
ต่อมาได้มีซิงเกิลเพลง Just Stand Up ซึ่งเป็นซิงเกิลการกุศลในโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง Stand Up To Cancer และโนวส์กลับมาอีกครั้งในช่วงปลายปี กับอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 3 มีชื่อว่า ''I Am Sasha Fierce'' วางขายเมื่อวันที่ [[18 พฤศจิกายน]] [[ค.ศ. 2008]] โดยโนวส์ได้เผยว่า ''ซาช่า เฟี๊ยส'' คือภาพลักษณ์ของเธอเวลาอยู่บนเวทีที่จะเต็มที่ เปรี้ยวแรง และทุ่มเท ต่างกับตัวจริงของเธอที่จะเป็นคนเงียบๆ และเรียบง่าย มีซิงเกิลแรกออกมา 2 เพลงคือ "If I Were aA Boy" และ "Single Ladies (Put aThe Ring onOn It)" สองซิงเกิลแรกจากอัลบั้มที่ต่างประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งด้วยกันทั้งคู่ โดย "Single Ladies (Put a Ring on It)" นั้นสามารถขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ต[[บิลบอร์ดฮ็อต 100]] ซึ่งนับเป็นซิงเกิลอันดับหนึ่งในบิลบอร์ดเพลงที่ 5 ของโนวส์ในฐานะศิลปินเดี่ยว
 
ในระหว่างนั้นบียอนเซ่โนวส์ก็ได้มีงานภาพยนตร์ด้วยนั่นก็คือ ''Cadillac Records'' ซึ่งเธอรับบทเป็นนักร้องสาวในตำนาน [[Etta James]] โดยเธอได้นำเพลงประกอบภาพยนตร์ "At Last" ไปร้องในงานพิธีสาบานตนประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (บารัค โอบาม่า) ซึ่งเธอกล่าวว่าถือเป็นอีหหนึ่งความภาคภูมิใจในชีวิตของเธอเลยทีเดียว บียอนเซ่ได้เริ่มทัวร์ครั้งที่ 3 โดยมีชื่อทัวร์ว่า I Am... Tour ในขณะเดียวกันก็มีภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ ''Obsessed''
 
== ผลงานเพลง==
เส้น 444 ⟶ 455:
|-
|align="center" rowspan="1"|2005
|align="left"|"Check on It" <small>(ร่วมกับ Bun B) และ Slim Thug)</small>
|align="center"|1
|align="center"|3
เส้น 675 ⟶ 686:
 
== ผลงานการแสดง ==
นอกจากงานเพลง โนวส์ยังโดดเด่นในเรื่องการแสดง โดยส่วนมากจะรับบทที่มีอาชีพตรงกับชีวิตเธอนั่นก็คือนักร้อง โดยงานแสดงทั้งหมดมีดังนี้
 
{| class="wikitable"
!align="left"|ปี