ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วิกิพีเดีย:ทดลองเขียน"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว |
ล แก้ไขการสะกดคำและเว้นวรรค ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว |
||
บรรทัด 11:
'''๑.ความนำ'''
นะโม ตัสสัตถุ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ทะสะเขตตะลักขะรัฏฐา เจวะ ทะสะนาคะลักขะรัฏฐา จะ กัญจะนะ อะรัญญะวาสี มะหาเถเรนะ อาหะริตัง ปะระมัตถะโปฏฐะกะคันถัง ตัสสะ มะหาเถรัสสะ คาระเวนะ นะมามิหัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา ฯ วันทามิ ภันเต มะหาเถรัง กัญจะนัง อะรัญญะวาสิง ตัสสะ จะ อะติ คาระเวนะ นะมามิหัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ ภะวันตุ เม.
ข้าพเจ้าขอน้อมกราบไหว้ ซึ่ง คุณพระพุทธ ผู้เป็นพุทธศาสดา เป็นผู้ห่างไกลจากกิเลศทั้งปวง คุณพระธรรม อันเป็นคำสอนสั่งสอนที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ และ เมตตานำมาชี้ทางดับทุกข์แก่มนุษย์และเวไนยสัตว์ทั้งหลาย และ คุณพระสงฆ์ ผู้สืบทอดและรักษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ลำดับนี้ไป จักได้กล่าวถึง ชีวประวัติพระมหาเถร นามว่า ครูบากัญจนอรัญวาสีมหาเถร วัดสูงเม่น เมืองแพร่ ผู้มีคุณอันประเสริฐ ผู้เป็นปฐมสังฆครูบาแห่งล้านนาไทย พระอริยสงฆ์สาวกผู้ตามรอยธรรมองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในกาลบัดนี้แล
[['''๒.ชีวประวัติครูบากัญจนอรัญวาสีมหาเถร''']]
บรรทัด 17:
'''๒.๑ เหตุอัศจรรย์ในวันคลอด'''
ก่อนจะกล่าวถึงการคลอด ขอกล่าวถึงสภาพการเป็นอยู่ของชาวบ้านในชนบทและภูมิประเทศสักเล็กน้อย ครั้งนั้นราว ๆ ประมาณ ๒๐๐ ปี บ้านเมือง ตามชนบท คงยังไม่เจริญ ผู้คนยังไม่หนาแน่น การคมนาคมยังไม่สะดวก การครองชีพของ ชาวพื้นเมือง อาศัยการทําไร่เป็นส่วนใหญ่ มีการทํานาและค้าขายบ้างตามสภาพของฐานะของ แต่ละคน อาทิเช่น ผู้ยากจน ครองชีพด้วยการทําไร่เคลื่อนที่ ผู้มีอันจะกินอาศัยการทํานาและค้าขาย การค้าขายของชาวชนบท ครั้งนั้นยังนิยมการแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน สําหรับครอบครัวที่ยากจน เช่น เอาผ้าฝ้าย หรือด้าย แลกเปลี่ยน กับข้าวบ้าง หรือของอื่น ๆ ตามความพอใจ หมายความว่า การใช้เงินตรานั้นก็มีอยู่ หากแต่เป็นความ นิยมของชาวชนบท สำหรับแม่จันทร์ทิพย์เป็นครอบครัวที่ยากจนที่ทํามาหากินยังไม่เป็นหลักแหล่ง เช่น นา, สวน, ยังอยู่ใน สภาพที่ยังไม่ใช้กรรมสิทธิ์ ต้องอาศัยการทําไร่เคลื่อนที่ นัยว่าแม่จันทร์ทิพย์ไปทําไร่กับลูก ๆ อยู่เขตตําบลแม่จั๊วะทั้งๆ ที่ตั้งครรภ์ เพราะความจนบังคับให้จําต้องทํา การไปทําไร่ ก็อพยพครอบครัวไปอยู่กับไร่เลย และคงมีไปหลายครอบครัว ในท่ามกลางความสงบเงียบของชาวไร่ ที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบและ เอมอิ่มในพืชผลที่ตนจะได้รับในเวลาอันไม่กี่เดือนนั้น ก็ปรากฏการณ์เหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นในยามดึก ขณะที่พวกชาวไร่หลับนอนพักผ่อนเอาแรงเพื่อรับกับงานขุดดินและดายหญ้าตามประสาชาวไร่ ที่จําต้องอดทนและตรากตรําตลอดวันไม่พรั่นพรึงต่อสภาพของดินฟ้าอากาศ ว่าจะร้อน, หนาว หรือเปียกปอน เพราะฝนพรําน้ำค้างพรมตามวิสัยชาวไร่ชาวนา พอตะวันรุ่งสางลูกชายแม่จันทร์ทิพย์ลุกขึ้น เพื่อหุงหาอาหารและเตรียมการรับกับงาน ในไร่ ก็ต้องตกใจเพราะไม่เห็นแม่ซึ่งมีครรภ์แก่ใกล้คลอด ก็ยังความประหลาดใจว่าแม่ทําไมจึงลงไปแต่เช้า หรือว่าแม่เราลงไปทํากิจส่วนตัวดั่งเคย พอตะวันสายขึ้น ข้าว
'''๒.๒ การศึกษา'''
เด็กชายปอย เจริญวัยพอควรแก่การศึกษาก็ได้ละทิ้งแม่และพี่ชายไปอาศัยอยู่ วัดสูงเม่น ไม่เจริญรอยตามแม่ จนแม่เข้าใจว่าลูกไม่เอาถ่าน จึงปล่อยไปตามเรื่อง การศึกษา สมัยนั้นไม่มีการบังคับกัน แต่เด็กชายปอยสนใจเรียนด้วยตนเอง จึง
'''๒.๓ การบรรพชา'''
บรรทัด 26:
'''๒.๔ การอุปสมบท'''
ก่อนอื่นขอกล่าวถึงวัดศรีชุม
เจ้าอาวาสชื่อ อุตฺตมา หรือเรียกว่า ครูบา อุตฺตมา เป็นพระอาจารย์ที่เคร่งครัดทั้งระเบียบวินัยตลอดจนการศึกษาทั่วไป ก่อนหน้าที่
'''๒.๕ เป็นเจ้าอาวาสวัดสูงม่น'''
บรรทัด 33:
'''๒.๖ ประกาศศาสนาครั้งแรก'''
เมื่อเสร็จภารกิจเรื่องโยมแม่แล้วครูบามหาเถร จึงได้ลาเจ้าเมืองแพร่ ไปศึกษาต่อบาลีมูลกัจจายน์และกัมมัฏฐานชั้นสูง ที่เมืองมะละแหม่ง รัฐมอญ ประเทศพม่า จนจบการศึกษา ก่อนจะกลับมาทำหน้าเป็นเจ้าอาวาสวัดสูงเม่นอีกครั้ง ต่อมา ครูบามหาเถรมีความประสงค์ ที่จะออกประกาศเผยแพร่พระพุทธศาสนา สร้างความมั่นคงทั้งทางโลกและทางธรรมให้เกิดขึ้นในดินแดนล้านนา เนื่องจากเห็นว่า ในดินแดนแห่งนี้ คัมภีร์พระไตรปิฎกใบลาน มีเหลืออยู่จำนวนน้อยมาก บ้างถูกทำลาย บ้างอยู่กระจัดกระจาย ตามถ้ำบ้าง ในป่าบ้าง ทำให้พระสงฆ์ องค์เณร และศรัทธาประชาชน ไม่ได้มีโอกาสได้อ่าน ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งการที่ชาวพุทธย่อหย่อนต่อปริยัติ องค์ความรู้ทางพระพุทธศาสนา จะทำให้มีผลต่อการปฏิบัติที่ถูกต้อง และ ต่อไปจะทำให้พระพุทธศาสนาสูญหายไปในเขตดินแดนล้านนาและเมืองต่าง ๆ ใกล้เคียง เช่นเดียวกับ ชมพูทวีป ตอนนี้ ความรู้พระไตรปิฎก และ ภูมิปัญญาทั้งหลายยังเหลือปรากฏอยู่ในคนอยู่ จึงเป็นเหตุให้ ครูบามหาเถร จึงมีความประสงฆ์ที่จะฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้มีความมั่นคงในดินแดนแถบนี้ และประสงค์ให้เมือง ต่าง ๆ เกิดความสามัคคีธรรมในการสร้างความสัมพันธ์ทางรัฐศาสตร์ร่วมกัน เมืองต่าง ๆ ไม่ต้องมารบกัน และ ให้มาร่วมกันสร้างความมั่นคงของเมืองร่วมกัน ผ่านวิธีการสร้างคัมภีร์ธัมม์ทางพระพุทธศาสนาถวายเป็นพุทธบูชา ในปี พ.ศ.๒๓๖๙ ครูบามหาเถร จึงไปเริ่มประกาศธรรม ครั้งแรกที่เมืองหลวงของล้านนา คือ นครเวียงพิงค์ เชียงใหม่ โดยไปเริ่มที่ วัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นที่พำนักของ พระมหาราชครู สังฆราชเมืองเชียงใหม่ ทำทีไปขอศึกษากัมมัฏฐานที่วัดแห่งนี้ โดยมี พระมหาราชครู เป็นเจ้าอาวาสและ เจ้าสำนักอยู่ที่นี่ แต่จากการที่ได้สนทนากันแล้ว ระหว่างพระมหาเถระทั้งสองรูป ปรากฏว่า พระมหาราชครู กลับแสดงความเคารพ ครูบามหาเถร เพราะมีภูมิรู้ ภูมิธรรม ที่แตกฉานมาก ทั้งด้านปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ จึงได้ไปรายงานกับ เจ้าหลวงพุทธวงศ์ เจ้าหลวงเมืองเชียงใหม่ ว่า บัดนี้ ได้พบต๋นบุญ ต๋นใหม่แล้ว มาจากวัดป่าสุ่งเหม้น เมืองแป้ (วัดสูงเม่น จ.แพร่) ขอให้ท่านเจ้าหลวง ได้อาราธนาให้ครูบามหาเถร เมืองแพร่เป็นประธานสร้างคัมภีร์พระไตรปิฎก สถิตไว้ประจำเมืองเชียงใหม่ เพราะหาโอกาสยากมากที่จะสร้างธัมม์ ต้องรอให้มีต๋นบุญปรากฏและ เป็นประธานนำสร้างเจ้าเมืองเชียงใหม่ทราบเรื่องจึงมีความปิติใจยิ่งนัก เพราะมีความประสงค์ที่จะสร้างบุญใหญ่ คือ สร้างธัมม์พระไตรปิฎก ไว้ในดินแดนล้านนาอยู่แล้ว แต่ยังไม่สามารถหา พระอริยสงฆ์ที่จะมาเป็นประธานสร้างได้ บัดนี้ได้พบครูบามหาเถรแล้ว และ ได้รับรองโดย พระมหาราชครู ซึ่งเป็นพระโหราจารย์ประจำพระองค์ด้วย จึงได้กราบอาราธนาครูบามหาเถรเมืองแพร่ ให้เมตตาเป็น เจ้าอาวาส ณ วัดพระสิงห์หลวง เชียงใหม่ เพื่อเป็นประธานสร้างธัมม์ พระไตรปิฎกสืบไป ครูบามหาเถร จึงได้เริ่มประกาศธรรม อย่างเป็นทางการที่ วัดพระสิงห์หลวง เมืองเชียงใหม่ ผ่านการเป็นประธานสร้างคัมภีร์ธัมม์พระไตรปิฎก โดยมีพระมหาราชครู สังฆราชเชียงใหม่ ร่วมกันสร้าง พร้อมกับพระมหาเถรานุเถระ บัณฑิต นักปราชญ์ทั้งหลาย มาร่วมกันแต้มเขียน จารธัมม์ ร่วมกับ ครูบามหาเถร ทั้งนี้ มี เจ้าหลวงพุทธวงศ์ เจ้าหลวงเมืองเชียงใหม่ เป็นประธานอุปถัมภ์การสร้าง ใช้เวลานานกว่า ๘ ปี เพราะมีคัมภีร์ใบลานหลายแห่ง ที่ถูกนำไปเก็บซ่อนไว้หลายที่ ในช่วงบ้านเมืองล้านนาไม่สงบด้วยภัยสงคราม บ้าง
'''๒.๖ ขยายผลการเผยแพร่ธัมม์'''
บรรทัด 42:
'''๒.๘ บูรณะวิหารหลวงสมโภชเมืองธัมม์'''
ราวปี พ.ศ.๒๓๘๐ มีการบูรณะวิหารหลวงวัดสูงเม่น โดย แล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๓๘๑ ในการบูรณะดังกล่าว มีทั้งเจ้าเมืองหลวงพระบาง เจ้าเมืองน่าน และ เจ้าเมืองแพร่ ให้การอุปถัมภ์ และ ทางเจ้าหลวงเมืองเชียงใหม่ได้ส่งช่างฝีมี
ตลอดถึงคัมภีร์ภูมิปัญญาอื่น ๆ ที่พระมหาเถรานุเถระ บัณฑิต นักปราชญ์ ศรัทธาประชาชน ในทั่วเขตล้านนา ที่รู้ข่าวว่าจะมีการฉลองสมโภชน์คัมภีร์ และมีการถวายคัมภีร์ (ตานธัมม์) หลายท่านจึงอยากร่วมบุญกับครูบามหาเถร ต้องการที่จะมาถวายคัมภีร์ธัมม์ (ตานธัมม์) กับครูบามหาเถร ที่วัดบ้านเกิดของครูบามหาเถร จึงได้นำคัมภีร์ที่จารเองบ้าง จ้างคนอื่นจารบ้าง มาร่วมถวายที่วัดสูงเม่น เพื่อให้ทันในวันประกอบพิธีฉลองสมโภชน์คัมภีร์พระไตรปิฎกที่วิหารหลวงวัดสูงเม่น เพราะการได้ถวายคัมภีร์ธัมม์ ถือว่ามีอานิสงส์อย่างมาก ยิ่งได้ถวายกับพระอริยสงฆ์ นับถวายเป็นบุญยิ่งใหญ่มหาศาล เพราะช่วงนั้น ครูบามหาเถร มีชื่อเสียงอย่างมาก คนทั่วล้านนา อยากจะได้ชื่อชมบารมี และ ถวายธรรมทานกับครูบามหาเถรสักครั้งในชีวิต
หลังจากที่มีการฉลองสมโภชคัมภีร์ทั้งหมดเรียบร้อย จึงทำให้ วัดสูงเม่น เป็นวัดที่มีคัมภีร์ใบลานอักษรล้านนามากที่สุดในโลก คัมภีร์ทั้งหมดเป็นตำราเรียนชั้นยอด วัดสูงเม่น ถูกสถาปนาให้เป็นศูนย์กลางทางการศึกษาพระพุทธศาสนา และ ภูมิปัญญาต่าง ๆ ประจำเขต หัวเมืองล้านนา และ ล้านช้างหลวงพระบาง เปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยประจำล้านนา ในแต่ละปี เจ้าเมืองต่าง ๆ ก็จะส่งพระสงฆ์ และ ประชาชน มาศึกษาที่นี่ เพื่อกลับไปสร้างบ้านสร้างเมืองของตน
'''๒.๘ เดินสายสร้างธัมม์'''
ต่อมา เมืองต่าง ๆ ในล้านนา เช่น ตาก เชียงราย ลำปาง ลำพูน เป็นต้น จึงได้กราบอาราธนาครูบามหาเถรไปสร้างธัมม์ไว้ประจำเมืองนั้น ๆ ทั่วล้านนา เพื่อเป็นสิริมงคลประจำเมือง เพราะคนโบราณบอกไว้ว่า การสร้างคัมภีร์ธัมม์ เป็นการสร้างยากที่สุดในโลก และบ้านไหน เมืองไหน มีการทำบุญสร้างพระไตรปิฎกเป็นทาน หรือ รักษาคัมภีร์ธัมม์ไว้เป็นอย่างดี บ้านนั้น เมืองนั้นจะมีแต่ความเจริญ สงบร่มเย็น ฝนฟ้าตกตาม
'''๒.๙ ทูลถวายพระบรมสาริก
ในปี พ.ศ.๒๓๘๒ ในปีเดียวกัน ต่อมา เจ้าหลวงอินทวิไชย พร้อมกับ ครูบามหาเถร และ คณะ ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ มาถวายรายงาน และ ทูลถวายแก่พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวในหลวงรัชกาลที่ ๓ ณ พระบรมมหาราชวัง โดยมี พระอาจารย์ พระมหาโต พรหมรังสี (สมเด็จพระพุฒาจารย์โต) แห่งวัดระฆัง ซึ่งเป็นสหายธรรมกับครูบามหาเถร ได้เมตตาเป็นธุระอำนวยความสะดวกให้ครูบามหาเถร จัดการโดยให้พำนักปฏิบัติกรรมฐานอยู่ที่ วัดโพธิ์อยู่หลายเดือน (ปัจจุบันคือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร) และ ได้พาครูบามหาเถร และ คณะ เข้าเฝ้า ในหลวงรัชกาลที่ ๓ และ ได้ถวายพระบรมสารีริกธาตุแด่พระองค์ แต่พระองค์ได้ทรงพระราชทานกลับคืนมาเมืองแพร่ เพื่อให้เป็นที่สักการะมิ่งมงคลแก่เมืองแพร่สืบไป และ ต่อมา เจ้าเมืองแพร่ และ ครูบามหาเถรจึงได้ หาสถานที่ที่เหมาะสมในการนำพระบรมสารีริกธาตุไปบรรจุสร้างเจดีย์ และ ได้เลือกที่วัดมหาโพธิ์ อ.เมือง จ.แพร่ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่
'''๒.๑๐ สร้างกังสดาลหลวง ไว้ หริภุญชัย'''
บรรทัด 59:
'''๒.๑๒ ตากธัมม์'''
สำหรับวิธีการอนุรักษ์คัมภีร์ใบลานของที่วัดสูงเม่น ครูบาได้ใช้วิธีให้ชุมชนมีส่วนร่วม โดยการจัดเป็นงานประเพณีในการอนุรักษ์ คือ ประเพณีตากธัมม์ ในช่วงเดือน ๔ เหนือ หรือ เดือน ๒ ไทย ประเพณีที่มีการตรวจสอบสภาพคัมภีร์ ทำความสะอาด และ นำคัมภีร์มาตากแดดไล่ความชื้น ป้องกันเชื้อราที่จะไปทำลายตัวใบลาน ปริศนาธรรมของประเพณีนี้ คือ การชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ด้วย ธรรมนั่นเอง ซึ่งประเพณีนี้ ครูบามหาเถร ให้ความสำคัญอย่างมาก ได้สั่งให้ลูกศิษย์เอกของท่านที่เมืองแพร่ คือ ครูบาคันธา วัดเหมืองหม้อ ให้ไปช่วยดูแลคัมภีร์ธัมม์ที่วัดสูงเม่น เนื่องจาก เป็นคัมภีร์ของทุกเมืองทั่วล้านนาและล้านช้างหลวพระบาง ถูกเก็บรักษาไว้ที่เมืองแพร่ ให้พาชาวสูงเม่น ตากธัมม์ ทุกปี ในช่วงเดือน ๔ เหนือ ส่วนครูบามหาเถร แต่ละปี ท่านได้ไปเป็นประธานนำตากธัมม์หลายที่ทั่วล้านนา และ ที่เมืองหลวงพระบาง
'''๒.๑๓ วาระสุดท้ายของชีวิต'''
บั้นปลายชีวิตของครูบามหาเถร ท่านตามรอยพระพุทธเจ้า คือปรารถนามาจำพรรษาอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ ในป่า ไกลจากผู้คน เพราะท่านคิดว่าถ้ามรณภาพในเมืองใหญ่ เชียงใหม่ หรือ ที่บ้านเกิดเมืองแพร่ เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายในการแย่งกระดูกของท่านในภายหลัง เพราะท่านเป็นพระผู้ใหญ่ที่เจ้าเมืองทุกเมืองนับถือ และมีลูกศิษย์ลูกหาเป็นจำนวนมากทุกระดับ ในบั้นปลายของชีวิต จึงเลือกไปอยู่ไกล ๆ ท่านจึงเลือก เมืองระแหง ณ วัดป่ามะม่วง หรือ วัดอัมพวัน อำเภอเมือง จังหวัดตากในปัจจุบัน เป็นที่จำพรรษา กว่า ๑๐ พรรษาในช่วงท้ายของชีวิต
และที่นี่ เมืองระแหง ครูบามีความปรารถนาจะสร้างคัมภีร์ใบลานพระไตรปิฎกสถิตไว้ ประจำเมืองระแหง เพื่อให้พระพุทธศาสนาปักหลักมั่นคง ณ ดินแดงแห่งนี้ อันเป็นเมืองที่ท่านได้เดินทางมาจำพรรษาบ่อยครั้ง และ นำใบลานชั้นดีจากที่นี่ ไปจารธัมม์ ในเมืองอื่น ๆ ทั่วล้านนาและ ล้านข้างหลวงพระบาง แต่ ณ เมืองแห่งนี้ ยังไมได้สร้างคัมภีร์พระไตรปิฏกไว้ประจำเมืองนี้เลย เพราะต้องเดินทางไปสร้างที่เมืองอื่น ๆ หลายที่ เพราะท่านทราบด้วยสติดีว่า ท่านจะต้องมาจำพรรษาที่นี่อยู่แล้วในช่วงท้ายของชีวิต และ เป็นการตอบแทนชาวเมืองระแหง ที่ให้ใบลานแก่ท่าน และ ท่านได้มาจำพรรษาช่วงปลายของชีวิตที่นี่ และ อีกประการหนึ่ง ลูกศิษย์ของท่านอยู่ที่นี่มีมาก เจ้าเมืองระแหง และ ลูกศิษย์ท่านที่นี่ จึงหาสถานที่อันสัปปายะแก่การดำรงสมณะ จึงเลือก พื้นที่วัดป่ามะม่วง (วัดอัมพวัน) ใกล้กับแม่น้ำปิงฝั่งตะวันตก ปัจจุบัน คือ วัดอัมพวัน ตำบลป่ามะม่วง.เมืองตาก จ.ตาก ให้เป็นที่จำพรรษาของหลวงปู่ครูบามหาเถร ส่วนภารกิจสร้างคัมภีร์ของท่าน ท่านจะข้ามแม่น้ำปิงมาที่วัดในเขตชุมชน ติดกับฝั่งแม่น้ำปิงฝั่งตะวันออก (บริเวณวัดพร้าว ต.หนองหลวง อ.เมืองตาก) เพื่อความสะดวกในการเดินทางของผู้มาร่วมสร้างร่วมอุปถัมภ์การสร้างคัมภีร์ธัมม์ โดยมีศิษยานุศิษย์ของครูบา ได้แก่ พระสงฆ์ทั้งหลาย และ เจ้าเมืองระแหง พร้อมคณะศรัทธาชาวบ้าน ได้ให้ถวายความอุปถัมภ์ท่านอยู่ ภารกิจของท่านสำเร็จไปได้ด้วยดี อันเป็นเมืองสุดท้าย ที่ท่านสร้างคัมภีร์พระไตรปิฎก ไว้ประจำเมืองนี้
หลวงปู่ครูบามหาเถร ได้จำพรรษาที่วัดป่ามะม่วงต่อ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๒๑ ครูบามหาเถร ได้มรณภาพที่วัดป่ามะม่วง สิริรวมอายุได้ ๘๙ ปี พรรษา ๖๙ (ซึ่งเป็นวันเดือนกับที่ครูบาศริวิชัยเกิด) โดยชาวเมืองระแหงได้มีการจัดพิธีถวายเพลิงศพ ครูบาเจ้ามหาเถรอย่างสมเกียรติของสมณะ ผู้ประเสริฐ ณ บริเวณกลางลานวัดป่ามะม่วง โดยมีเจ้าเมืองระแหง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส มีพระมหาเถรานุเถระและพระสงฆ์ พร้อมด้วยศรัทธาญาติโยมมาร่วมจำนวนมาก หลังจากถวายเพลิงศพเสร็จ ทางเจ้าเมืองระแหงพร้อมศรัทธาสาธุชน ได้สร้างอุโบสถครอบสถานที่ถวายเพลิงศพของครูบามหาเถร ส่วนอัฐิธาตุของครูบา ได้นำมาบรรจุสร้างพระธาตุเจดีย์ ใกล้กับอุโบสถ ณ วัดป่ามะม่วง เพื่อเป็นธัมมานุสรณ์ของครูบามหาเถร ปฐมสังฆครูบาแห่งล้านนาไทยสืบไป ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ครูบากัญจนอรัญวาสีมหาเถร เป็นบุคคลที่มีความกตัญญูกตเวที
'''๓.ลักษณะพิเศษของครูบามหาเถร
เส้น 73 ⟶ 74:
'''๓.๓ การเผยแผ่'''
ดังได้กล่าวแล้วว่าครูบากัญจนอรัญวาสีมหาเถร เป็นพระผู้พหูสูตรมีความรู้แตกฉานในพระธรรมวินัย ทั้งมีคุณสมบัติทุกประการอันการเผยแผ่ของครูบามหาเถรนั้นมีทั้งเทศน์โปรด พุทธบริษัท ทั้งทางตรงและทางอ้อมเสมอ ทางตรงคือการสั่งสอนพวกภิกษุที่ติดตาม เพราะท่านเป็น นักธุดงค์ ชอบธุดงค์ไปต่างถิ่น งานสอนท่านสอนกันตามทาง คือหยุดพักไหนก็สอนกันที่นั่น ถ้าพักวัดใน ระแวกบ้านก็เทศน์สอนชาวบ้าน และชาววัดไปตามลําดับ ทางอ้อม คือการเขียนคัมภีร์ต่าง ๆ เสมอ ๆ พักที่ไหนก็เขียนกันที่นั่น ผงฝอยใบลานก็เก็บรวบรวมเป็นแอ๊บ ๆ หรือตลับ (มีลักษณะคล้ายกระติบใส่ข้าวสุก แอ๊บข้าว) ไม่ยอมทิ้งแม้แต่ฝอยเดียว นัยว่าท่านสะสมเอาไป ทําพระพุทธรูปเกษร ครูบาเป็นนักเขียนแนวหน้าซึ่งหาผู้ทัดเทียมได้ยากคนหนึ่ง มีหลักฐานปรากฏ ที่วัดสูงเม่นมากมาย ทั้งการเขียนหนังสือก็ถูกที่อ่านง่าย ไว้ช่องเว้นระยะวรรคตอนได้ดีเยี่ยม ทั้งตัวก็สวยด้วย ท่านเขียนได้มากจนเจ้าเมืองเชียงใหม่ ถวายช้างเป็นพาหนะก็เคยมีหลายครั้ง
'''๓.๔ การสาธารณูปการ'''
ครูบามหาเถรใช่ว่าจะเป็นเยี่ยมในทางขีดเขียนและเทศนาอย่างเดียวก็หาไม่ ท่านยังเป็นนักสถาปัตยกรรมที่เป็นหนึ่งเหมือนกัน ดังได้กล่าวไว้ตอนการศึกษานั้นแล้ว ว่าครูบาท่านศึกษาทุกอย่าง เช่นช่างหล่อ ช่างแกะสลัก และช่างก่อสร้าง หลักฐานมีมากแห่ง เช่น หล่อระฆังใหญ่ มีขนาดผ่าศูนย์กลาง ได้ ๙๐ นิ้ว หนา ๔ นิ้ว ไว้ถวายวัดพระธาตุหริพูนชัย จังหวัดลําพูน ยังปรากฏอยู่เดี๋ยวนี้ และกังสะดาลระฆังขนาดเล็ก ๆ ในหอไตรวัดสูงเม่น ช่างแกะท่านได้แกะพระพุทธรูปไม้และงาไว้หลายองค์ อยู่วัดสูงเม่น ยังมีอยู่ขณะนี้ (๒๕๐๗) การก่อสร้าง ได้สร้าง วัดศรีดอก ตําบลหัวฝาย และวัดดอนแก้ว ตําบลน้ำชํา อําเภอสูงเม่น ทั้งยังได้บูรณะวัดสูงเม่น สร้างหอไตร วัดสูงเม่น แต่พระครูปัญญาวุฒิกร รื้อสร้างใหม่เพราะทรุดโทรมมาก นัยว่าที่วัดพระสิงห์เชียงใหม่ ก็ได้บูรณะซ่อมแซมหอไตรและวิหารอีกด้วย
'''๓.๕ ตำแหน่งหน้าที่'''
'''๔.คำสั่งสุดท้าย'''
เป็นที่ทราบกันแล้วว่า ท่านเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะตามแบบฉบับของ นักปฏิบัติที่ยิ่งยง ท่านได้สั่งครูบาคันธา ศิษย์คนโปรดไว้ว่า คันธาเหย อย่าละกองพระธรรมวินัยเน้อ วัดวาอารามไม้ก๋วงไม้ตั๋นและผ้าจีวรอัฏฐบริขารทั้งมวลหื้อไว้กับสูเจ้าหมู่ศิษย์ทุกคน ธาตุ ๑๒ ดวง ไว้วัดสูงเม่น กระดูกแม่ไว้วัดสูงเม่น กระดูกนายอินตาและหนานจันตา ๒ พี่น้องนี้ หื้อเอาก่อกู่ไว้ที่วัดดอนแก้วเน้อ ผู้คอยดูแลตามสั่ง ครูบาคันธาวัดเหมืองหม้อได้สั่งให้ภิกษุหนุ่มอีก ๒ รูป ซึ่งเป็น อันเตวาสิกของท่าน คือ ตุ๊ จวัณณะปละ ตุ๊ เต๋จ๊ะ วัดศรีดอกเป็นผู้ดูแลแทน พอถึงเวลากำหนดขวบปี เดือนยี่เหนือ ครูบาคันธาจะนำลูกศิษย์มาทำความสะอาดหอไตรวัดสูงเม่น พร้อมทั้ง พระสงฆ์ฝ่ายสูงเม่น เป็นประจำโดยได้ นำคัมภีร์ในหอไตรเอาออกมาผึ่งแดด ซึ่งทำเป็นประเพณีชื่อ ตากธัมม์ ตามรอยหลวงปู่ครูบามหาเถร สมัยที่หลวงปู่มีชีวิตอยู่ และ ได้ปัดกวาดเช็ดถูหอไตร แล้วเก็บบรรจุตามเดิม ซึ่งเป็นการตรวจสอบสิ่งของอีกด้วย กิจนี้ไม่เคยขาดเลย
ท้ายที่สุดแห่งพระธรรมเทศนา ขอบุญบารมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และ บารมีหลวงปู่ครูบามหาเถร ได้ปก
'''เอกสารอ้างอิง'''
[[คัมภีร์ธรรมตำนานธัมม์ครูบามหา
อดีตเจ้าอาวาสวัดเหมืองหม้อ ศิษย์เอกผู้ติดตามครูบามหาเถร
แต่งขึ้นในปีพุทธศักราช 2423 ในเมืองแพร่
|