ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หลี่จิ้ง (ขุนศึก)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 28:
== ระหว่างราชวงศ์สุย ==
หลี่จิ้งเกิดเมื่อ ค.ศ. 571 ระหว่างยุค [[ราชวงศ์โจวเหนือ]] ตระกูลของเขามาจากเขต [[ฉางอัน]] ปู่ของเขา หลี่ฉงอี๋ (李崇義) รับราชการเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดระหว่างยุค [[ราชวงศ์เว่ยเหนือ]] บิดาของเขา หลี่กวัน (李詮) รับราชการเป็นผู้ว่าการมณฑลระหว่างยุค [[ราชวงศ์สุย]] ในวัยเยาว์ หลี่จิ้ง มีรูปงามและมีความทะเยอทะยาน และมีความสามารถทั้งด้านบุ๋นและบู๊ โดยลุงหรือน้าของเขาซึ่งเป็นขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์สุย ฮั่นฉินหู (韓擒虎) ได้กล่าวถึงเขาไว้ว่า เขาเป็นคนเดียวที่สามารถพูดถึงกลยุทธ์ของ [[ซุนวู]] (孫子) และ [[อู่ฉี]] (吳起) ได้
 
'''หลี่จิ้ง'''เมื่อตอนเป็นหนุ่มเป็นผู้มีความมุ่งมั่น กระตือรือร้นและกล้าได้กล้าเสีย หลังจากเติบใหญ่ขึ้นมีความระมัดระวังตัวมากขึ้น รู้ว่าเมื่อไหร่ควรเกษียณ เมื่อถึง ค.ศ 634 (ปีที่แปดรัชสมัย'''เจินกวน''') เดือนสิบ หลังจากดำรงตำแหน่งสมุหนายกครบสี่ปี'''หลี่จิ้ง'''ขออำลาจากตำแหน่งด้วยความเต็มใจ จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''เข้าใจในความคิดของ'''หลี่จิ้ง'''และขอบพระทัยในการประพฤติของ'''หลี่จิ้ง'''ครั้งนี้ ส่งราชเลขา'''ซื่อหลานเฉิน''' (侍郎岑) นำหนังสือไปมอบแก่'''หลี่จิ้ง''' ทรงตรัสว่า ข้าอ่านดูประวัติศาสตร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่อยู่ในอำนาจและเสวยสุขแต่ยังรู้จักพอนั้นหาน้อยมาก พวกเขาเหล่านั้นถ้าไม่เป็นคนฉลาดก็จะเป็นคนโง่ พวกเขาเหล่านั้นไม่เข้าใจจิตใจตนเอง พวกเขาเหล่านั้นเพียงแต่จะคอยรับใช้แม้ไม่มีความสามารถ ยังเพียงพยายามจะมาคอยรับใช้ แม้ตนเองจะเจ็บไข้ได้ป่วย ยังคงพยายามสร้างฐานอำนาจตนเอง ไม่ยอมที่จะสละตำแหน่งตนเอง ตัวท่านสามารถรู้จักสละอำนาจตนเองเป็นคุณสมบัติที่ควรยกย่องเป้นอย่างยิ่ง ตัวข้าไม่เพียงแต่สรรเสริญในคุณความดีของตัวท่าน แต่ยังต้องการให้พฤติกรรมของตัวท่านเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่คนรุ่นหลัง หลังจากราชเลขาอ่านหนังสือราชโองการจบจึงประทานรางวัลพิเศษให้ ประทานผ้าพันพับ รถม้าใช้ม้าคู่เป็นพาหนะเดินทาง ถ้าเท้าของท่านดีขึ้นสุขภาพพลานามัยแข็งแรงให้เข้าเฝ้าพระราชทานสองสามวันครั้งเพื่อปรึกษาข้อราชการการเมือง
 
ปี ค.ศ. 635 (ปีที่เก้ารัชสมัย'''เจินกวน''') เดือนอ้าย จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''ประทานไม้เท้าทำจากไม้'''หลิงโซ่วมู่'''ให้แก่'''หลี่จิ้ง'''เพื่อช่วยให้เท้าของเขาสะดวกในการเดินทาง
 
แต่ยังไม่ถึงสองเดือนเกิดเหตุชนเผ่า'''ถูกู่หุน'''ยกทัพตีเมือง'''เหลียงโจว''' (凉州) ราชวงศ์'''ถัง'''ตัดสินใจยกทัพไปปราบปราม แต่ในการแต่งตั้งแม่ทัพผู้บัญชาการ จักรพรรดิคิดถึงแม่ทัพที่มีไหวพริบชาญฉลาดและประสบการณ์ คิดว่า'''หลี่จิ้ง'''เป็นผู้เหมาะสมที่สุดแต่เนื่องจากโรคที่เท้าเขายังไม่หาย อีกทั้งเมื่อ'''หลี่จิ้ง'''ซึ่งมีอายุมากแล้วกว่าหกสิบปีเมื่อได้ยินข่าวคราวของชนเผ่า'''ถูกู่หุน'''เต็มใจที่จะรับอาสาไปรบแต่เขายังมีปัญหากับโรคที่เท้าและอายุที่มากขึ้น เดินทางขอเข้าพบสมุหนายก'''ฝางเสวียนหลิง''' (房玄龄) ร้องขอเป็นผู้นำทัพเดินทางไปทำศึก จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ในเดือนสิบปีนั้นแต่งตั้ง'''หลี่จิ้ง'''เป็นผู้บัญชาการทัพ'''ซีไห่ต้าสิงจวินต้าจ่งกว่าน''' (西海道行军大总管) ทั้งยังแต่งตั้งสมุหกลาโหม '''โฮวจวินจี๋''' (侯君集) กรมราชเลขา '''เริ่นเฉิงหวาง หลี่เต้าจง''' (任城王李道宗) เจ้าเมือง'''เหลียงโจว หลี่ต้าเหลี่ยง''' (李大亮) แม่ทัพฝ่ายขวา '''หลี่เต้าเหยี่ยน''' (李道彦) ผู้ตรวจการเมือง'''ลี่โจว''' (利州) '''เกาเจิ้งเซิง''' (高甑生) ทั้งหมดห้าคนเป็นผู้บัญชาการกองทัพทั้งห้าขึ้นตรงต่อ'''หลี่จิ้ง'''
 
เมื่อ'''หลี่จิ้ง'''บัญชาการทัพในขณะนั้นเป็นช่วงฤดูหนาวที่รุนแรง กองทัพเขาเดินทางบนน้ำแข็งและหิมะในท่ามกลางลมหนาวที่พัดอย่างรุนแรงพบกับความยากลำบากอย่างยากเข็ญ ปีต่อมาเดือนสี่ กองทัพราชวงศ์'''ถัง''' ณ.ที่เขา'''คู่ซาน''' (库山 ปัจจุบันอยู่ที'''เทียนจวิ้น'''天峻 มณฑล'''ชิงไห่''') ปะทะทำสงครามกับชนเผ่า'''ถูกู่หุน หลี่เต้าจง'''ทำการรบมีชัยชนะต่อชนเผ่า'''ถูกู่หุน''' นับเป็นชัยชนะครั้งแรกของราชวงศ์'''ถัง'''
 
'''ถูกู่หุนเค่อหาน'''ฉลาดแกมโกงหลังพ่ายแพ้ถอยทัพไปทางทิศตะวันตก ด้านหนึ่งส่งคนไปเผาหญ้าเพื่อตัดเสบียงหญ้าที่เอาไว้เลี้ยงทัพม้าราชวงศ์ถัง หญ้าแห้งถูกเผาไหม้จนหมดเกลี้ยง หญ้าในฤดูใบไม้ผลิยังไม่งอกเงย แม่ทัพราชวงศ์'''ถัง'''ต่างรู้ว่าม้าของพวกตนผ่ายผอมและไม่แข็งแรงไม่สามารถไล่ตามข้าศึกได้ยาวนาน แม่ทัพ'''โฮวจวินจี๋'''ตระหนักว่าพวก'''ถูกู่หุน'''ตอนนี้หนีกระจัดกระจาย ส่งคนไปสอดแนม สารจากจักรพรรดิหลังจากพวกนี้พ่ายแพ้พวกเราสามารถมีชัยได้ง่าย ถ้าเราไม่ปราบปรามตอนนี้อาจจะเสียใจในภายหลัง '''หลี่จิ้ง'''เห็นด้วยกับความเห็นของ'''โฮวจวินจี๋''' ตัดสินใจไม่ให้พวก'''ถูกู่หุน'''รวมตัวกันติดฟื้นกลับมาได้ จึงแบ่งทัพเป็นสองทาง '''หลี่จิ้ง'''กับ '''เสวว่านจวิน''' (薛万均) และ'''หลี่ต้าเหลี่ยง'''ยกทัพรุกไปทางทิศเหนือ '''โฮวจวินจี๋ หลี่เต้าจง''' ยกทัพไปทางทิศใต้ ทั้งสองทัพสองทางเข้าตีในเวลาเดียวกัน
 
'''หลี่จิ้ง'''เดินทัพทางทิศเหนืออย่างราบรื่น ไม่กี่วันแม่ทัพ'''เสวกูเอ๋อ''' (薛孤儿) มีชัยชนะต่อกองทัพ'''ถูกู่หุน'''ที่เขา'''ม่านโถวซาน''' (曼头山 ปัจจุบันอู่ที่มณฑล'''ชิงไห่''' 青海) ฆ่า'''ถูกู่หุนหวาง''' ยึดได้วัวและแกะเป็นจำนวนมากไว้เป็นเสบียงกองทัพ จากนั้นกองทัพหลักของ'''หลี่จิ้ง'''นำโดย'''หนิวซินตุ้ย''' (牛心堆) และ '''ชื่อสุยหยวน''' (赤水源)ทำสงครามกับแม่ทัพ'''ถูกู่หุน'''มีชัยชนะทั้งสองครั้ง '''โฮวจวินจี๋'''และ'''หลี่เต้าจง'''เดินทัพอย่างรวดเร็วรุกเข้าไปในทะเลทรายลึกถึงสองพันลี้ ที่นี่เป็นทะเลทรายรกร้าง อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากบ้างครั้งร้อนมากบางครั้งหนาวเย็นยะเยือกจนแทบทนไม่ได้ บางครั้งก็หาน้ำกินไม่ได้พวกเขาจึงต้องกินเลือดจากพี่น้องในทัพของตน กองทัพราชวงศ์'''ถัง'''พยายามเดินทัพผ่านความยากลำบากเดินทางเป็นระยะทางไกลในที่สุดเดือนห้าไล่ตาม'''ฝูหยินเค่อหาน''' (伏允可汗) ไปถึง'''อูไห่''' (乌海 ปัจจุบันคือ '''ซิงไห่'''兴海 มณฑล'''ชิงไห่''') สู้รบมีชัยชนะจับตัว'''ฝูหยินเค่อหาน'''ได้ '''เสวว่านจวิน'''และ'''ชื่อไห่''' (赤海)ก็ทำการรบมีชัยชนะต่อกองทัพ'''ถูกู่หุน'''ของ'''เทียนจู้หวางจวิน''' (天柱王军)
 
แม่ทัพของ'''หลี่จิ้ง'''แต่ละทัพยกทัพรุกไปเรื่อยทั้งยังมีชัยชนะระหว่างรุกไปข้างหน้า '''หลี่ต้าเหลี่ยง'''ทำการรบมีชัยชนะต่อกองทัพ'''ถูกู่หุน'''ที่เขา'''สู่หุนซาน''' (蜀浑山) กำจัด'''ถูกู่หุนหวาง'''ไปถึงยี่สิบคน แม่ทัพ'''จื๋อสือซือ''' (力也) สู้รบกับกองทัพ'''ถูกู่หุน'''มีชัยชนะที่'''จวีหรูชวน''' (居茹川) กองทัพราชวงศ์'''ถัง'''เดินหน้ามีชัยไปเรื่อยๆยกทัพผ่าน'''จีสือซานเหอหยวน''' (积石山河源)เข้าตีกองทัพ'''ถูกู่หุน'''ที่'''ซีฉุยเจ๋ยม้อ''' (西陲且末ปัจจุบัน คือ เมือง'''เจ๋ยม้อ'''且末มณฑล'''ซินเจียง''')แม่ทัพ'''ชี่ปี้เหอ''' (契苾何) ไล่ตีกองทัพ'''ฝูหยินเค่อหาน''' (伏允可汗)จนแตกกระจาย สังหารทหาร'''ถูกู่หุน'''พันกว่าคน ยึดวัวและแกะได้ไปถึงสองแสนกว่าตัว ทั้งยังจับตัวมเหสีของ'''ฝูหยินเค่อหาน'''ได้
 
'''ฝูหยินเค่อหาน'''รวบรวมทหารม้าได้พันนายถอยหนีไปที่'''ชี่จง''' (碛中) เมือหนีมาถึงดินแดนที่ภูเขาจบกับแม่น้ำต่างแยกย้ายกันหลบหนี ต่อมาไม่นาน'''ฝูหยินเค่อหาน'''ถูกผู้ติดตามฆ่าตาย ลูกชายคนโตของเขา'''ต้าหนิงหวางมู่หรงสุ้น''' (大宁王慕容顺) ฆ่า'''เทียนจู่หวาง'''ยกคนมาสวามิภักดิ์ต่อกองทัพราชวงศ์'''ถัง''' หลังจากสองเดือนที่'''หลี่จิ้ง'''ยกทัพทำสงครามนองเลือด โจมตีและทำลายกองทัพ'''ถูกู่หุน'''ก็นำชัยชนะไปถวายต่อเมืองหลวงราชวงศ์'''ถัง''' ราชวงศ์'''ถัง'''เพื่อจะควบคุมดินแดนเก่าของชนเผ่า'''ถูกู่หุน''' แต่งตั้ง'''มู่หรงสุ้น'''เป็น'''ซีผิงจวิ้นหวาง''' (西平郡王) นาม '''เจ๋ยกู่ลู่วอู่กานโต้วเค่อหาน''' (趉故吕乌甘豆可汗) และแต่งตั้งให้'''หลี่ต้าเหลี่ยง'''อยู่ที่นั่นคอยช่วยเหลือ
 
'''ชีวิตบั้นปลาย'''
 
ในระหว่างทำสงครามกับ'''ถูกู่หุน''' ผู้ตรวจการเมือง'''ลี่โจว''' (利州) '''เกาเจิ้งเซิง'''(高甑生) ชึ่งแต่งตั้งเป็น'''เหยียนเจ๋อเต้าจ่งกว่าน''' (盐泽道总管) ยกทัพมาไม่ทันเวลาทั้งยังขาดยุทโธปกรณ์การรบ ถูก'''หลี่จิ้ง'''ตำหนิจนไม่พอใจ หลังจากเสร็จศึกสงครามสมรู้ร่วมคิดกับแม่ทัพ'''กว่างโจว''' '''ฟู่จ่างสือ''' (府长史) '''ถังเฟิ้งอี้''' (唐奉义) กล่าวหา'''หลี่จิ้ง'''ก่อกบฎ จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''ทรงสอบสวนเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงลงโทษ'''เกาเจิ้งเซิง'''มีความผิดถึงประหารแต่ให้ลดโทษเนรเทศไปอยู่ชายแดน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา'''หลี่จิ้ง'''ปิดประตูบ้านเงียบ ไม่ยอมรับแขก แม้แต่ญาติมิตรก็ไม่ยอมให้เข้าพบ
 
ปี ค.ศ. 637 (ปีที่สิบเอ็ดรัชสมัย'''เจินกวน''') จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''แต่งตั้ง'''หลี่จิ้ง'''เป็น'''เว่ยกั๊วกง''' (卫国公) เป็นผู้ว่าเมือง'''ผูโจว''' (濮州) และให้บันทึกชื่อเขาไว้ในราชวงศ์เนื่องจากบุตรชายเขาเสียชีวิตโดยไม่มีผู้สืบสกุล
 
ปี ค.ศ. 640 (ปีที่สิบสี่รัชสมัย'''เจินกวน''') ภรรยา'''หลี่จิ้ง'''เสียชีวิต จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''ให้จัดการประกอบพิธีศพตามที่'''เว่ยชิง''' (卫青) และ'''หั้วชวี่ปิง''' (霍去病) กำหนดไว้แต่โบราณในสมัยราชวงศ์'''ฮั่น''' นำศพไปฝังในระหว่างเขา'''เถี่ยซาน''' (铁山)ภายในดินแดนของพวก'''ทูเจ๋ย''' และเขา'''จีสือซาน''' (积石山)ดินแดนของชนเผ่า'''ถูกู่หุน'''เพื่อยกย่องให้เกียรติยศสูงสุดแก่'''หลี่จิ้ง'''
 
ปี ค.ศ. 643 (ปีที่สิบเจ็ดรัชสมัย'''เจินกวน''') '''หลี่จิ้ง'''ถูกยกย่องร่วมกับ'''จ่างซุนอู๋จี้''' (长孙无忌) '''หลิงเยียนเก๋อ''' (凌烟阁) และขุนนางรวมทั้งหมดยี่สิบสี่คนเป็นขุนนางที่มีความสามารถที่สุดในสมัยจักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''
 
ปี ค.ศ. 644 (ปีที่สิบแปดรัชสมัย'''เจินกวน''') จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ไปเยี่ยม'''หลี่จิ้ง'''ถึงบ้านพักของ'''หลี่จิ้ง''' ถามไถ่ถึงโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ทั้งยังประทานผ้าไหมให้ห้าร้อยพับ แต่งตั้ง'''หลี่จิ้ง'''เป็น'''เว่ยกั้วกง''' (卫国公) ประกอบพิธีแต่งตั้งฉลองสามวันสามคืน จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''จัดการให้'''เกาจู้ลี่''' (高句丽)ไปเชิญ'''หลี่จิ้ง'''เข้ามาในพระราชวังชั้นในตรัสกับ'''หลี่จิ้ง'''ว่า “ตอนนี้ทางใต้ปราบ'''อู๋หุ้ย''' (吴会) เรียบร้อย ทางเหนือกำจัดพวก'''ทูเจ๋ย'''พื้นที่ส่วนใหญ่ได้อย่างราบคาบ ทิศตะวันตกกำจัด'''ถูกู่หุนมูหรง'''จนแผ่นดินสงบ ยังคงแต่ทางด้านทิศตะวันออกที่ยังพิชิตชนเผ่า'''เกาลี่''' (高丽) ไม่ได้ ท่านมีความคิดเห็นเป็นประการใด” '''หลี่จิ้ง'''ซึ่งมีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วทั้งโรคร้ายยังรุมเร้าในร่างกาย แสดงออกว่าต้องการจะยกทัพไปทำการแทนพระองค์ ทูลกล่าวตอบว่า “ข้าน้อยแต่ก่อนทำการโดยอาศัยพระราชอำนาจของพระองค์ทำงานได้ผลงานเพียงเล็กน้อย บัดนี้วันเวลาผ่านมาจนกระดูกข้าน้อยกัดกร่อนครั้งนี้ข้าขออาสายกทัพไปทำการ หากพระองค์ไม่ขัดพระทัย อาการโรคของข้าน้อยจะค่อยๆดีฟื้นขึ้นมา” จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''ทรงเมตตา'''หลี่จิ้ง'''ไม่อนุญาตให้ทำการในครั้งนี้
 
'''หลี่จิ้ง'''ไม่ได้เป็นผู้นำทัพไปปราบปราม'''เกาลี่'''แต่ยังกังวลเรื่องการศึกในแนวหน้า เมื่อจักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''นำทัพไปถึงเขา'''จู้ปี้ซาน''' (驻跸山 ปัจจุบันคือ ดินแดนทางใต้เมือง'''เหลียวหยาง'''辽阳ในมณฑล'''เหลียวหนิง''') กองทัพ'''เกาโก่วลี่''' (高句丽) พลันทะลักออกมาโจมตี ภายในดินแดนว่างเปล่า '''หลี่เต้าจง''' (李道宗) ขอทหารห้าพันนายเพื่อยกทัพเข้าตีเมือง'''ผิงหร่าง''' (平壤 คือ เมือง'''เปียงยาง''') จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''ไม่เห็นด้วย เมื่อกลับเมืองหลวงพระองค์ตรัสถามกับ'''หลี่จิ้ง'''ว่า “ข้าครอบครองคนได้ทั้งโลกกลับติดอยู่ในดินแดนเล็กๆแถบนั้นเพราะอะไร” '''หลี่จิ้ง'''ด้วยความประหลาดใจในความล้มเหลวคิดว่าจักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''คงไม่รับฟังแผนการรบของ'''หลี่เด้าจง''' จึงกล่าวว่า “ควรให้'''หลี่เต้าจง'''อธิบาย” จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''จึงตรัสถาม'''หลี่เต้าจง หลี่เต้าจง'''อธิบายว่า ข้อเสนอแผนการของเขาไม่ถูกนำมาปฏิบัติ จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''จึงตรัสด้วยความผิดหวังว่า “ในช่วงเวลาคับขันโอกาสไม่อาจเรียกกลับคืนมาได้”
 
'''หลี่จิ้ง'''มีความสามารถในการเข้าใจสถานการณ์ต่างๆจัดการเรื่องราวต่างๆอย่างละเอียดถี่ถ้วน จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''ได้ขอให้เขาถ่ายทอดและสอนวิชาการทหารให้แก่'''โฮวจวินจี๋''' (侯君集) ภายหลัง'''โฮวจวินจี๋'''กราบทูลจักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''ว่า'''หลี่จิ้ง'''คิดกบฎเพราะว่าทุกๆเรื่องราวการทหารต่างๆที่ถ่ายทอด'''หลี่จิ้ง'''ไม่นำพาต่อกฎหมาย จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''ตำหนิ'''หลี่จิ้ง'''แต่'''หลี่จิ้ง'''กล่าวตอบว่า “'''โฮวจวินจี๋'''ฟังผิดแล้ว วันนี้แผ่นดินสงบสุข ข้าน้อยจึงสอนระบบรักษาความปลอดภัยตามตำรา'''ซื่ออี้อี่''' (四夷矣) วันนี้ถ้า'''โฮวจวินจี๋'''เรียนตำรากับข้าน้อยจบ เขาจะมีความทะเยอทะยานที่แตกต่างไป” ตอนนั้น'''โฮวจวินจี๋'''ยังไม่คิดก่อการกบฎและจักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''ก็ไม่เชื่อ ครั้งหนึ่งหลังถวายราชการแล้วกลับไปยังทำเนียบขุนนาง'''โฮวจวินจี๋'''ขี่ม้าผ่านประตูวังโดยไม่มีผู้พบเห็น '''หลี่จิ้ง'''เห็นเหตุการณ์เช่นนี้จึงกล่าวว่า “'''โฮวจวินจี๋'''ไม่จงรักภักดี ต่อไปคงคิดก่อการร้าย” ถึงรัชสมัย'''เจินกวน'''ปีที่สิบเจ็ด เดือนสี่ '''โฮวจวินจี๋'''ร่วมกับมกุฎราชกุมาร'''เฉินเฉียน''' (承乾) ก่อกบฎถูกฆ่าตายในเหตุการณ์นั้น เป้นการพิสูจน์ว่า'''หลี่จิ้ง'''คาดคะเนได้อย่างแม่นยำ
 
 
ปี ค.ศ. 649 (ปีที่ยี่สิบสามรัชสมัย'''เจินกวน''') สภาพร่างกายของ'''หลี่จิ้ง'''แย่ลง จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''ไปเยี่ยมสอบถามอาการถึงเตียงนอนของเขา พระองค์ทรงเห็น'''หลี่จิ้ง'''กำลังจะตายน้ำพระเนตรไหลเอ่อตรัสกับ'''หลี่จิ้ง'''อย่างเศร้าใจว่า “ท่านเป็นขุนนางเก่าแก่ของข้ารับใช้ประเทศมายาวนาน บัดนี้โรคร้ายทำลายท่านข้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง” ปีเดียวกันวันที่ยี่สิบสามเดือนสี่ (ปัจจุบัน คือ วันที่ 2 เดือน 7) '''หลี่จิ้ง'''ลาจากโลกไปอายุได้เจ็ดสิบเก้าปี จักรพรรดิ'''ถังไท่จง'''ทรงลงพระราชทินนามแต่งตั้ง'''หลี่จิ้ง'''เป็น'''ปิ้งโจวตูตู''' (并州都督) ประทานกระบี่บรรดาศักดิ์ ขบวนแห่งานศพ ร่วมงานจนนำศพไปฝังที่สุสานสลักนามว่า '''เยวจิ่งอู่''' (曰景武) การฝังศพเป็นไปตามพิธีโบราณตามที่'''เว่ยชิง''' (卫青) และ'''ฮั้วชวี่ปิ้ง''' (霍去病) บันทึกไว้ สุสานอยู่ระหว่างภูเขา'''เยี้ยนหรานซาน''' (燕然山) ภายในเขตชนเผ่า'''ทูเจ๋ย'''และภูเขา'''จีสือเอ้อร์ซาน''' (积石二山)ภายในเขตชนเผ่า'''ถูกู่หุน''' บริเวณที่เรียกว่า '''จิงซูจี้''' (旌殊绩) เพราะว่า '''หลี่จิ้ง'''มีผลงานและวีรกรรมในการรบและการทหารอย่างมากมาย เมื่อตายแล้วอยากให้ทุกคนประจักษ์ในผลงานของเขาเพื่อให้ประชาชนเข้าใจในความสงบมั่นคงเป็นผลงานของเขา ชาวบ้านต่างรวมน้ำใจทุ่มเทสร้างวัดอุทิศให้เขา สืบต่อมาจนถึงปลายราชวงศ์ถัง หลี่จิ้งได้รับการยกย่องเป็นเทพองค์หนึ่ง
 
== อ้างอิง ==