ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กาแฟ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
JesaritDithlumdub (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: เพิ่มยูอาร์แอล wikipedia.org
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
ตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่งตักชิ่ง
{{บทความคัดสรร}}
{{ใช้ปีคศ}}
[[ไฟล์:A small cup of coffee.JPG|250px|thumb|กาแฟดำ ซึ่งบรรจุในถ้วย]]
 
'''กาแฟ''' เป็นเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดซึ่งได้จาก[[สกุลกาแฟ| ต้นกาแฟ]] หรือมักเรียกว่า [[เมล็ดกาแฟ]] คั่ว มีการปลูกต้นกาแฟในมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ''กาแฟเขียว'' (กาแฟซึ่งยังไม่ผ่านการคั่ว) เป็นหนึ่งในสินค้าทางการเกษตรซึ่งมีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก<ref name="Coffee_Rank">
{{cite journal
| last = Pendergrast
| first = Mark
| title = Coffee second only to oil?
| journal=Tea & Coffee Trade Journal
| month = April
| year = 2009
| url = http://www.entrepreneur.com/tradejournals/article/198849799_1.html
| accessdate = December 29, 2009
}}</ref> กาแฟมีส่วนประกอบของ[[คาเฟอีน]] ทำให้มีสรรพคุณชูกำลังในมนุษย์ ปัจจุบันกาแฟเป็นเครื่องดื่มซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก<ref name="Villanueva">
{{cite journal
| last = Villanueva
| first = Cristina M
| coauthors = Cantor, Kenneth P; King, Will D; Jaakkola, Jouni JK; Cordier, Sylvaine; Lynch, Charles F; Porru, Stefano; Kogevinas, Manolis
| year = 2006
| title = Total and specific fluid consumption as determinants of bladder cancer risk
| journal = International Journal of Cancer
| volume = 118
| issue = 8
| pages = 2040–47
| doi = 10.1002/ijc.21587
| accessdate = August 2, 2006
}}</ref>
 
เป็นที่เชื่อกันว่าสรรพคุณชูกำลังจากเมล็ดของต้นกาแฟนั้นถูกพบเป็นครั้งแรกใน[[ เยเมน]] แถบอาระเบีย และทางตะวันออกเฉียงเหนือของ[[ เอธิโอเปีย]] และการปลูกต้นกาแฟในสมัยแรกได้แพร่ขยายในโลก[[อาหรับ]]<ref name="Wein34">{{harvnb|Weinberg|Bealer|2001|pages=3–4}}</ref> หลักฐานบันทึกว่าการดื่มกาแฟได้ปรากฏขึ้นราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 อันเป็นหลักฐานซึ่งเชื่อถือได้และเก่าแก่ที่สุด ถูกพบในวิหาร[[ ซูฟี]] ในเยเมน แถบอาระเบีย<ref name="Wein34"/> จาก[[ โลกมุสลิม]] กาแฟได้แพร่ขยายไปยังทวีปยุโรป อินโดนีเซีย และทวีปอเมริกา<ref name="Meyers">{{cite web
| last =Meyers
| first =Hannah
| authorlink =
| coauthors =
| title ="Suave Molecules of Mocha" -- Coffee, Chemistry, and Civilization
| work =
| publisher =
| date= 2005-03-07
| url =http://www.newpartisan.com/home/suave-molecules-of-mocha-coffee-chemistry-and-civilization.html
| format =
| doi =
| accessdate =2007-02-03}}</ref> ในระหว่างที่กาแฟเริ่มเดินทางจากทวีปอเมริกาเหนือและตะวันออกกลางสู่ทวีปยุโรป กาแฟได้ถูกส่งผ่านไปยัง[[ซิซิลี]]และ[[อิตาลี]]ในตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 จากนั้นผ่านตุรกีไปยังกรีซ ฮังการี และออสเตรียในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 จากอิตาลีและออสเตรีย กาแฟได้แพร่ขยายไปยังส่วนที่เหลือของทวีปยุโรป กาแฟได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในสังคมหลายแห่งตลอดประวัติศาสตร์ ในแอฟริกาและเยเมน มันถูกใช้ร่วมกับพิธีกรรมทางศาสนา ผลที่ตามมาคือ [[ ศาสนจักรเอธิโอเปีย]] ได้สั่งห้ามการบริโภคกาแฟตลอดกาล จนกระทั่งถึงรัชสมัยของ[[ จักรพรรดิเมเนลิกที่ 2 แห่งเอธิโอเปีย| จักรพรรดิเมเนลิกที่ 2]]<ref>{{cite book |first1=Richard |last1=Pankhurst |title=Economic History of Ethiopia |location=Addis Ababa |publisher=[[Addis Ababa University|Haile Selassie I University]] |year=1968 |page=198}}</ref> มันยังได้ถูกห้ามใน[[ จักรวรรดิออตโตมัน]]ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 17 เนื่องจากสาเหตุทางการเมือง<ref>{{cite web | url=http://www.accidentalhedonist.com/index.php/2006/03/24/food_stories_the_sultan_s_coffee_prohibi | title=Food Stories: The Sultan's Coffee Prohibition | last=Hopkins | first=Kate | date=2006-03-24 | accessdate=2008-12-02}}</ref> และมีส่วนเกี่ยวพันกับกิจกรรมทางการเมืองหัวรุนแรงในทวีปยุโรป
 
ผลกาแฟ ซึ่งบรรจุเมล็ดกาแฟ เป็นผลผลิตจากไม้พุ่ม[[ไม่ผลัดใบ]]ขนาดเล็กใน[[ จีนัส]] ''Coffea'' หลายสปีชีส์ โดยสายพันธุ์ที่มีการปลูกโดยทั่วไปมากที่สุด ได้แก่ ''[[Coffea arabica]]'' และกาแฟ "โรบัสต้า" ที่ได้จากชนิด ''[[Coffea canephora]]'' ซึ่งมีรสเข้มกว่า สายพันธุ์ดังกล่าวมีความทนทานต่อราสนิมใบกาแฟ (''[[Hemileia vastatrix]]'') ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง สายพันธุ์กาแฟทั้งคู่มีการปลูกใน[[ละตินอเมริกา]] [[เอเชียตะวันออกเฉียงใต้]] และทวีปแอฟริกา เมื่อสุกแล้ว ผลดังกล่าวจะถูกเก็บรวบรวม นำไปผ่านกรรมวิธีและทำให้แห้ง หลังจากนั้น เมล็ดจะถูกคั่วในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับรสชาติที่ต้องการ และจะถูกบดและบ่มเพื่อผลิตกาแฟ กาแฟสามารถตระเตรียมและนำเสนอได้ในหลายวิธี
 
กาแฟเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของโลก โดยในปี คริสต์ศักราช 2004 กาแฟเป็นสินค้าการเกษตรส่งออกที่ทำรายได้เป็นอันดับหนึ่งในจำนวน 12 ประเทศ<ref>{{cite web |title=FAO Statistical Yearbook 2004 Vol. 1/1 Table C.10: Most important imports and exports of agricultural products (in value terms) (2004) |publisher=FAO Statistics Division |year=2006 |url=http://www.fao.org/statistics/yearbook/vol_1_1/pdf/c10.pdf |archiveurl=http://web.archive.org/web/20080625174054/http://www.fao.org/statistics/yearbook/vol_1_1/pdf/c10.pdf |archivedate=2008-06-25 |accessdate=September 13, 2007 |format=PDF}}</ref> และเป็นพืชที่มีการส่งออกอย่างถูกต้องตามกฎหมายซึ่งมีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับ 7 ของโลก ในปี คริสต์ศักราช 2005<ref>{{cite web | title = FAOSTAT Core Trade Data (commodities/years) | publisher = FAO Statistics Division | year= 2007 | url = http://faostat.fao.org/site/343/DesktopDefault.aspx?PageID=343 | accessdate = 2007-10-24}} To retrieve export values: Select the "commodities/years" tab. Under "subject", select "Export value of primary commodity." Under "country," select "World." Under "commodity," hold down the shift key while selecting all commodities under the "single commodity" category. Select the desired year and click "show data." A list of all commodities and their export values will be displayed.</ref> กาแฟได้รับการโต้เถียงบางส่วนในด้านการเพาะปลูกต้นกาแฟและผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และมีการศึกษาจำนวนมากที่ระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคกาแฟกับข้อจำกัดทางยาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่ากาแฟให้คุณหรือให้โทษกันแน่<ref name="Kummer">{{cite book
| author = Kummer, Corby
| year = 2003
| title = The Joy of Coffee
| url = http://books.google.com/books?id=qNLrJqgfg7wC
| chapter = Caffeine and Decaf
| chapterurl = http://books.google.com/books?id=qNLrJqgfg7wC&pg=PA151&sig=zL7_XqPYPeBVq8vs3ukYFuwjn2I
| pages = 160-165
| publisher = Houghton Mifflin Cookbooks
| isbn = 0618302409
| accessdate = 2008-02-23
}}</ref>
 
== เกี่ยวกับชื่อ ==
 
การอ้างอิงคำว่า''coffee'' ใน[[ภาษาอังกฤษ]] อยู่ในรูปของ ''chaoua'' ซึ่งสามารถสืบย้อนไปได้ถึง คริสต์ศักราช 1598 ในภาษาอังกฤษและในภาษายุโรปอื่น ๆ ''coffee'' ได้ถูกดัดแปลงมาจาก[[ภาษาตุรกีออตโตมัน]] ''kahve'' ผ่านทาง[[ภาษาอิตาลี]] ''caffè'' ในขณะเดียวกัน คำดังกล่าวในภาษาตุรกีออตโตมันถูกยืมมาจาก ''เกาะหฺวะหฺ'' ในภาษาอาหรับ ({{lang-ar|قهوة}}; ''qahwah'') ผู้เขียนพจนานุกรม[[ชาวอาหรับ]] ยืนยันว่า เดิม ''เกาะหฺวะหฺ'' ไปคำที่หมายถึง[[ไวน์]]ประเภทหนึ่ง และได้ให้[[นิรุกติศาสตร์]]กับคำกริยา ''qahiya'' ในความหมายว่า "ไม่มีความอยากอาหาร"<ref name=OED>{{Cite encyclopedia |title=Coffee |encyclopedia=[[Oxford English Dictionary]] |editor1-last=Simpson |editor1-first=JA |editor2-last=Weiner |editor2-first=ESC |volume=3 |page=438 |column=1 |publisher=Clarendon Press |location=Oxford |year=1989 |isbn=0-19-861186-2}}</ref> เนื่องจากเครื่องดื่มดังกล่าวถูกใช้เพื่อดับความหิวของผู้ที่ดื่มเข้าไป นิรุกติศาสตร์ทางอื่นอีกเป็นจำนวนมากกล่าวว่า คำดังกล่าวในภาษาอาหรับอาจเป็นการบิดเบือน[[คำยืม]]มาจากหลักฐานเอธิโอเปียหรือแอฟริกัน โดยเสนอว่าคำดังกล่าวมาจาก [[คัฟฟา]] ที่ราบสูงทางตะวันออกเฉียงใต้ของเอธิโอเปีย เนื่องจากต้นกาแฟเป็นพืชท้องถิ่นในบริเวณดังกล่าว<ref name=OED/><ref name="Wein25">{{harvnb|Weinberg|Bealer|2001|page=25}}</ref> อย่างไรก็ตาม คำว่า ''qahwah'' ไม่ได้ถูกใช้กับเบอร์รี่หรือพืชซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นในบริเวณดังกล่าว ซึ่งจะถูกเรียกว่า ''bunn'' หรือมีชื่อพื้นเมืองใน[[ชีวา]] ว่า ''būn''<ref name=OED/>
 
== ประวัติ ==
{{บทความหลัก|ประวัติกาแฟ}}
[[ไฟล์:Leipzig coffeebaum 815.jpg|thumb|right|เหนือประตูของร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเมือง[[ ไลพ์ซิจ]]มีประติมากรรมรูปชายในชุดพื้นเมืองตุรกีกำลังรับถ้วยกาแฟจากเด็กผู้ชายคนหนึ่ง]]
 
เป็นที่เชื่อกันว่าบรรพบุรุษชาวเอธิโอเปียของ[[ชาวโอโรโม]]ในปัจจุบัน เป็นคนกลุ่มแรกซึ่งรู้จักผลกระทบกระตุ้นประสาทของเมล็ดจากต้นกาแฟ<ref name="Wein34"/> อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานโดยตรงซึ่งชี้ชัดว่าต้นกาแฟมีการปลูกอยู่ที่ใดในทวีปแอฟริกา หรือผู้ใดในกลุ่มชาวพื้นเมืองซึ่งอาจใช้มันเป็นสารกระตุ้น หรือแม้แต่รู้ถึงผลกระทบนั้น ก่อนหน้าคริสต์ศตวรรษที่ 17<ref name="Wein34"/> เรื่องราวของ ''คาลดี'' เด็กเลี้ยงแกะชาวเอธิโอเปียในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 ผู้ซึ่งค้นพบต้นกาแฟนั้น มิได้ปรากฏชื่อในงานเขียนจนกระทั่งถึง คริสต์ศักราช 1671 หรืออาจเป็นเพียงเรื่องปลอมเท่านั้น<ref name="Wein34"/> จากเอธิโอเปีย สันนิษฐานว่ากาแฟได้แพร่กระจายไปยัง[[เยเมน]] ที่ซึ่งมีการดื่มและผลิตขึ้นเป็นครั้งแรก จากนั้นได้แพร่ไปยัง[[อียิปต์]]<ref>{{cite web| url=http://www.fs.fed.us/global/iitf/pdf/shrubs/Coffea%20arabica.pdf#search=%22%22Coffea%20Arabica%22%20native%22 |author= John K. Francis |title=Coffea arabica L. RUBIACEAE|publisher= Factsheet of U.S. Department of Agriculture, Forest Service|accessdate=2007-07-27}}</ref> ในขณะที่ หลักฐานซึ่งเชื่อถือได้สามารถสืบย้อนไปได้ไกลที่สุด ถึงการดื่มกาแฟในวิหารซูฟีใน[[ม็อคค่า]]ในเยเมน<ref name="Wein34"/> ที่ซึ่งใน[[อาระเบีย]] ได้มีการคั่วและชงเมล็ดกาแฟเป็นครั้งแรก อันเป็นวิธีที่คล้ายคลึงกับการเตรียมกาแฟ ภายในคริสต์ศตวรรษที่ 16 กาแฟได้แพร่ขยายไปทั่วถึงตะวันออกกลาง [[เปอร์เซีย]] [[ตุรกี]] และ[[แอฟริกาเหนือ]]
 
ในปี [[คริสต์ศักราช 1583]] เลโอนาร์ด เราวอล์ฟ แพทย์ชาวเยอรมัน ได้บรรยายถึงกาแฟหลังจากท่องเที่ยวในดินแดน[[ตะวันออกใกล้]]เป็นเวลากว่าสิบปีไว้ว่าดังนี้:
{{quote|เครื่องดื่มที่มีสีดำเหมือนหมึก ใช้รักษาโรคภัยได้หลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่เกี่ยวกับท้อง ผู้ดื่มจะดื่มในตอนเช้า มันเป็นการนำน้ำและผลไม้จากไม้พุ่มที่เรียกว่า ''bunnu''|เลโอนาร์ด เราวอล์ฟ ใน ''Reise in die Morgenländer''<ref>{{cite book | author=Léonard Rauwolf | title=Reise in die Morgenländer |language= German}}</ref>}}
 
จากโลกมุสลิม กาแฟได้แพร่ขยายไปยังอิตาลี การค้าขายระหว่าง[[เวนิซ]]กับแอฟริกาเหนือ [[ อียิปต์]]และ[[ตะวันออกกลาง]]ที่เจริญขึ้น ทำให้อิตาลีได้รับสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมไปถึงกาแฟด้วย หลังจากนั้น กาแฟก็ได้แพร่กระจายจากเมืองท่าเวนิซไปทั่ว[[ยุโรป]] กาแฟได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายมากขึ้น หลังจาก[[สมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 8]] ลงความเห็นว่ามันเป็นเครื่องดื่มสำหรับคริสเตียน ในปี คริสต์ศักราช 1600 แม้ว่าจะมีการร้องเรียนให้ยกเลิก "เครื่องดื่มมุสลิม" ก็ตาม ร้านกาแฟแห่งแรกในทวีปยุโรปเปิดในอิตาลีในปี [[คริสต์ศักราช 1645]]<ref name="Meyers"/> ชาว[[ ดัตช์]]เป็นชนชาติแรกที่นำเข้ากาแฟเป็นจำนวนมาก และฝ่าฝืนข้อห้ามของอาหรับเกี่ยวกับการส่งออกพืชและเมล็ดที่ยังไม่ได้คั่ว เมื่อ Pieter van den Broeck ลักลอบนำเข้ากาแฟจาก[[เอเดน]]ไปยังยุโรปในปี [[คริสต์ศักราช 1616]]<ref>''All About Coffee'' [http://books.google.com/books?id=Y5tXt7aoLNoC&pg=PA43&lpg=PA43&dq=1616+dutch+coffee+aden&source=web&ots=Lm8gmDzn2B&sig=xcLB0g6HGCw8aSSjk_4Cj43IXSE]</ref> ในภายหลังชาวดัตช์ยังได้นำไปปลูกใน[[เกาะชวา]]และ[[ประเทศศรีลังกา|ซีลอน]]<ref name="plant">Dobelis, Inge N., Ed.: Magic and Medicine of Plants. Pleasantville: The Reader’s Digest Association, Inc., 1986. Pages 370–371.</ref> ซึ่งผลผลิตกาแฟจากเกาะชวาสามารถส่งไปยังเนเธอร์แลนด์ได้ในปี [[คริสต์ศักราช 1711]]<ref>{{cite web| url=http://www.sca-indo.org/history-of-indonesia/|author= Dieter Fischer|title=History of Indonesian coffee|publisher= Specialty Coffee Association of Indonesia|accessdate=2008-08-13}}</ref> และด้วยความพยายามของ[[บริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ]] ทำให้กาแฟได้รับความนิยมใน[[ประเทศอังกฤษ]]เช่นเดียวกัน กาแฟเข้าสู่[[ประเทศฝรั่งเศส]] ในปี [[คริสต์ศักราช 1657]] และเข้าสู่[[ประเทศออสเตรีย|ออสเตรีย]]และ[[ประเทศโปแลนด์|โปแลนด์]] หลังจาก[[ยุทธการเวียนนา]] เมื่อปี [[คริสต์ศักราช 1683]] ซึ่งทหารสามารถยึดเสบียงของทหาร[[จักรวรรดิออตโตมัน|ออตโตมานเติร์ก]]ที่พ่ายแพ้ในการรบครั้งนั้น<ref name="Pendergrast">{{cite book
| last =Pendergrast
| first =Mark
| title =Uncommon Grounds: The History of Coffee and How It Transformed Our World
| publisher =Basic Books
| year= 1999
| isbn =0-465-05467-6}}</ref>
 
หลังจากนั้น กาแฟได้เข้าสู่ทวีป[[อเมริกาเหนือ]]ในช่วงยุคอาณานิคม แต่ว่าไม่ได้รับความนิยมมากเท่ากับในทวีปยุโรป อย่างไรก็ตาม ในช่วง[[สงครามปฏิวัติอเมริกัน]] ปริมาณความต้องการกาแฟได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนพวกพ่อค้ากักตุนสินค้าเอาไว้และปั่นราคาขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งบางส่วนเป็นผลมาจากการที่พ่อค้าชาวอังกฤษไม่สามารถนำเข้า[[ชา]]ได้มากนัก<ref>{{cite web| url=http://www.answers.com/topic/coffee?cat=health |author= Columbia Encyclopedia |title=Coffee|publisher=Columbia University Press|accessdate=2007-07-31}}</ref> หลังจาก[[สงครามปี 1812]] ในช่วงที่อังกฤษงดการนำเข้าชาเป็นการชั่วคราว ชาวอเมริกันจึงหันมาดื่มกาแฟแทน และมีปริมาณความต้องการสูงมากในช่วง[[สงครามกลางเมืองอเมริกัน]] ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาของเทคโนโลยีการต้มเหล้าทำให้กาแฟกลายเป็นสินค้ายอดนิยมใน[[สหรัฐอเมริกา]]จนถึงปัจจุบัน<ref>{{citeweb | publisher=All Business | title=Roasted Coffee (SIC 2095)|url=http://www.allbusiness.com/food-kindred-products/miscellaneous-food-preparations/3777798-9.html}}</ref> แต่ในอังกฤษ ปริมาณการบริโภคกาแฟกลับลดลง และชาวอังกฤษหันไปบริโภคชาแทนระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 18 เครื่องดื่มชาเป็นเครื่องดื่มซึ่งเตรียมขึ้นได้ง่ายกว่า และหาซื้อได้ในราคาถูกจากการยึดครองอินเดียและอุตสาหกรรมชาในอินเดียของอังกฤษ<ref name="Pendergrast13">{{harvnb|Pendergrast|2001|page=13}}</ref>
 
== ชีววิทยา ==
 
{{บทความหลัก|ต้นกาแฟ}}
 
[[ไฟล์:Koeh-189.jpg|thumb|right|ภาพลำต้นและเมล็ดของ''กาแฟอาราบิก้า'' (''Coffea Arabica'')]]
 
ต้นกาแฟเป็นพืชพื้นเมืองเขตร้อนแถบ[[แอฟริกา]]และ[[เอเชียใต้]]<ref name="ICO">{{cite web
| title =Botanical Aspects
| publisher =International Coffee Organization
| url =http://www.ico.org/botanical.asp
| accessdate = 2007-07-19 }}</ref> กาแฟถูกจัดให้อยู่รวมกับ[[พืชมีดอก]] ของวงศ์ ''Rubiaceae'' ถูกจัดเป็นต้นไม้ประเภท[[ไม้ไม่ผลัดใบ|ไม่ผลัดใบ]] ต้นกาแฟสามารถสูงได้ถึง 5 เมตรถ้าไม่เล็มออก ใบของต้นกาแฟมีสีเขียวเข้มและเป็นมัน ขนาดโดยเฉลี่ยยาว 10-15 เซนติเมตร และกว้าง 6 เซนติเมตร ดอกของต้นกาแฟมีสีขาว มีกลิ่นหอม และจะบานพร้อมกันทั้งต้น ผลกาแฟมีลักษณะรียาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร<ref name="Purdue">{{cite web
| title =Coffea arabica L.
| author=James A. Duke
| publisher =Purdue University
| url =http://www.hort.purdue.edu/newcrop/duke_energy/Coffea_arabica.html#Ecology
| accessdate = 2007-07-20 }}</ref> ผลกาแฟอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อสุก สีของเมล็ดจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และเมื่อนำไปผึ่งให้แห้ง สีของเมล็ดจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและสีดำในที่สุด ผลกาแฟแต่ละผลจะมีเมล็ดอยู่สองเมล็ด แต่ผลกาแฟประมาณ 5-10% จะมีเมล็ดเพียงเมล็ดเดียว<ref>{{cite web | url=http://aco.ca/peaberry_coffee | title=Feature Article: Peaberry Coffee | accessdate=2006-11-10 }}</ref> เมล็ดจำพวกนี้จะเรียกว่า [[พีเบอร์รี่]]<ref>S. Hamon, M. Noirot, and F. Anthony,
''[http://horizon.documentation.ird.fr/exl-doc/pleins_textes/pleins_textes_6/b_fdi_35-36/41268.pdf Developing a coffee core collection using the principal components score strategy with quantitative data]'' ([[PDF]]), Core Collections of Plant Genetic Resources, 1995.</ref> โดยปกติแล้ว ผลกาแฟจะสุกภายในเจ็ดถึงเก้าเดือน
 
== สายพันธุ์ที่นิยมปลูก ==
 
# '''กาแฟอาราบิก้า'''
'''ชื่อวิทยาศาสตร์''' [https://en.wikipedia.org/wiki/Coffea_arabica ''Coffea arabica''] L.
*'''ต้นกาแฟอาราบิก้า'''
เป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอัฟริกา บริเวณประเทศเอธิโอเปีย แต่ชาวอาหรับเป็นชาติแรกที่นำกาแฟมาชงดื่ม จึงทำให้ชื่อภาษาละตินของกาแฟใช้คำว่า “อาราบิก้า” (arabica) ที่หมายถึงชาวอาหรับ โดยต้นกาแฟจัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ที่มีความสูงของต้นประมาณ 2-4 เมตร ในปัจจุบันเพาะปลูกกันมากในเขตร้อนชื้นและกึ่งเย็น
*'''ใบกาแฟอาราบิก้า'''
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้าม ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนานหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบแหลมเล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-12 เซนติเมตร และยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร แผ่นใบเรียบเป็นมัน บางครั้งเป็นคลื่น มีหูใบอยู่ระหว่างก้านใบ
*'''ดอกกาแฟอาราบิก้า'''
ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบดอกเป็นสีขาว ติดกันเป็นหลอด ดอกมีกลิ่นหอม
*'''ผลกาแฟอาราบิก้า'''
ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่แกมรูปทรงกลม โดยผลอ่อนจะเป็นสีเขียว แต่เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดง
*'''จุดเด่นของกาแฟอาราบิก้า'''
มีกลิ่นหอมและสารกาแฟสูง ทำให้เมื่อดื่มแล้วรู้สึกได้ถึงความกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวา โดยกาแฟชนิดนี้จะมีปริมาณของคาเฟอีนต่ำ เป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง มีความหอมไม่เป็นรองใคร เพียงแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เนื่องจากขาดการส่งเสริมและการประชาสัมพันธ์ที่ดี ในประเทศไทยมีการปลูกกาแฟชนิดนี้กันมากทางภาคเหนือบนดอยสูง
 
#'''กาแฟโรบัสต้า'''
'''ชื่อวิทยาศาสตร์''' [https://en.wikipedia.org/wiki/Coffea_canephora ''Coffea canephora''] Pierre ex A.Froehner
*'''ต้นกาแฟโรบัสต้า'''
ลำต้นเจริญเติบโตมาจากรากแก้ว มีลักษณะเป็นข้อและปล้อง โคนใบจะอยู่ตามข้อของลำต้น เมื่อต้นโตขึ้นใบจะร่วงหล่นไป โคนใบมีตา 2 ชนิด คือ ตาบนและตาล่าง ตาบนจะแตกกิ่งออกมาเป็นกิ่งแขนงที่ 1 ลักษณะเป็นกิ่งนอนขนานกับพื้นดินมีข้อและปล้อง แต่ละข้อจะมีกลุ่มตาดอกที่จะติดเป็นผลกาแฟต่อไป ส่วนตาล่างจะแตกออกเป็นกิ่งตั้ง กิ่งจะตั้งตรงขึ้นไปเหมือนลำต้น และไม่ติดผล แต่สามารถสร้างกิ่งแขนงที่ให้ดอกผลได้ ซึ่งเรียกเป็นกิ่งแขนงที่ 1 เช่นกัน และกิ่งแขนงที่ 1 ยังสามารถแตกกิ่งแขนงต่อไปได้อีกเป็นกิ่งแขนงที่ 2 และกิ่งแขนงที่ 2 ก็สามารถแตกเป็นกิ่งแขนงที่ 3 ได้อีก โดยกิ่งแขนงเหล่านี้จะเกิดในลักษณะเป็นคู่สลับเยื้องกันบนลำต้นหรือกิ่งตั้ง เมื่อมีการตัดลำต้นกาแฟ ตาล่างบนลำต้นจะแตกกิ่งตั้งขึ้นมา กิ่งก็จะแตกเป็นกิ่งแขนงที่ 1, 2 และ 3 จากนั้นก็จะมีการสร้างดอกและผลกาแฟต่อไป โดยต้นกาแฟนั้นจะสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด
*'''ใบกาแฟโรบัสต้า'''
ใบเป็นใบเดี่ยว เกิดที่ข้อเป็นคู่ตรงข้ามกัน โคนใบและหลายใบเรียวแหลม ส่วนขอบใบหยักเป็นคลื่น ตรงกลางใบกว้าง ผิวใบเรียบนุ่มเป็นมัน มีปากใบอยู่ด้านท้องใบ แต่ละใบจะมีปากใบประมาณ 3 ล้านถึง 6 ล้านรู โดยปากใบโรบัสต้าจะมีขนาดเล็กกว่าปากใบของกาแฟอาราบิก้า แต่จะมีจำนวนมากกว่า อายุใบประมาณ 250 วัน ส่วนก้านใบนั้นมีขนาดสั้น
*'''ดอกกาแฟโรบัสต้า'''
ปกติแล้วดอกกาแฟจะออกเป็นดอกเดี่ยวสมบูรณ์เพศ มีกลีบดอกประมาณ 4-9 กลีบ ส่วนกลีบเลี้ยงมี 4-5 ใบ มีเกสร 5 อัน และมีรังไข่ 2 ห้อง ในแต่ละห้องของรังไข่จะมีไข่ 1 ใบ ผลกาแฟจึงมีเมล็ด 2 เมล็ด ดอกจะออกเป็นกลุ่ม ๆ บริเวณโคนใบบนข้อของกิ่งแขนงที่1, 2 หรือ 3 กลุ่มดอกแต่ละข้อจะมีดอกประมาณ 2-20 ดอก ดอกจะออกจากกิ่งแขนงจากข้อที่อยู่ใกล้กับลำต้นออกไปหาปลายกิ่งแขนง โดยปกติแล้วต้นกาแฟจะออกดอกตามข้อของกิ่ง ข้อที่ออกดอกออกผลแล้วในปีต่อไปก็จะไม่ออกดอกและให้ผลอีก
*'''ผลกาแฟโรบัสต้า'''
ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงรี ก้านผลสั้น ผลดิบเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีส้ม และสีแดง ผลกาแฟจะประกอบด้วยเปลือก เนื้อที่มีสีเหลือง (เมื่อสุกมีรสหวาน) และกะลาที่ห่อหุ้มเมล็ด ช่วงระหว่างกะลากับเมล็ดจะมีเยื่อบาง ๆ ที่หุ้มเมล็ดอยู่ ซึ่งเราเรียกว่า “เยื่อหุ้มเมล็ด” ในแต่ละผลจะมี 2 เมล็ดประกับกันอยู่ ก้านที่ประกบกันจะอยู่ด้านในมีลักษณะแบน มีร่องตรงกลางเมล็ด 1 ร่อง ส่วนด้านนอกโค้ง ลักษณะของเมล็ดจะเป็นเมล็ดเดี่ยวหรือเมล็ดโทน ในบางครั้งหากการผสมเกสรไม่สมบูรณ์ จะทำให้ผลติดเมล็ดเพียงเมล็ดเดียว (คิดเป็นประมาณ 5-10%) ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรูปกลมรีทั้งเมล็ด มีร่องตรงกลาง 1 ร่อง เมล็ดจำพวกนี้จะเรียกว่า "พีเบอร์รี่"
*'''จุดเด่นของกาแฟโรบัสต้า'''
โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะนำกาแฟโรบัสต้ามาผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป หรือนำมาผสมกับกาแฟอาราบิก้าบางส่วน เพื่อผลิตเป็นกาแฟคั่วบดให้มีรสชาติที่แตกต่างออกไป สำหรับกาแฟโรบัสต้านั้นมีจุดเด่นในเรื่องของบอดี้ เมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกได้ถึงความนุ่ม ชุ่มคอ กาแฟชนิดนี้จะมีปริมาณของคาเฟอีนสูงกว่ากาแฟอาราบิก้าเป็น 2 เท่า กาแฟโรบัสต้าในประเทศไทยจะมีการเพาะกันมากทางภาคใต้บนพื้นที่ราบ เช่นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดชุมพร
 
== การเพาะปลูก ==
 
{{บทความหลัก|แหล่งปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียง}}
 
กาแฟมักจะได้รับการขยายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ด วิธีดั้งเดิมในการปลูกกาแฟคือการใส่เมล็ดกาแฟจำนวน 20 เมล็ดในแต่ละหลุม เมื่อย่างเข้าฤดูฝน เมล็ดกาแฟครึ่งหนึ่งจะถูกกำจัดตามธรรมชาติ เกษตรกรมักจะปลูกต้นกาแฟร่วมกับพืชผลประเภทอื่น ๆ อย่างเช่น [[ข้าวโพด]] [[ถั่ว]]หรือ[[ข้าว]] ในช่วงปีแรกๆ ของการเพาะปลูก<ref name="Purdue"/>
 
[[ไฟล์:Carte Coffea robusta arabic.svg|thumb|left|300px|แหล่งผลิตกาแฟของโลก<br />'''r:''' แหล่งปลูก ''Coffea canephora''<br />
'''m:''' แหล่งปลูก ''Coffea canephora'' และ ''Coffea arabica''<br />
'''a:''' แหล่งปลูก''Coffea arabica'']]
 
กาแฟสายพันธุ์หลักที่ปลูกกันทั่วโลกมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ ''Coffea canephora'' และ ''Coffea arabica'' กาแฟอาราบิกา (ผลผลิตจาก ''Coffea arabica'') ถูกพิจารณาว่าเหมาะแก่การดื่มมากกว่ากาแฟโรบัสตา (ผลผลิตจาก ''Coffea canephora'') เพราะกาแฟโรบัสตามักจะมีรสชาติขมกว่าและมีรสชาติน้อยกว่ากาแฟอาราบิกา ด้วยเหตุผลดังกล่าว กาแฟที่เพาะปลูกกันจำนวนกว่าสามในสี่ของโลกจึงเป็น ''Coffea arabica''<ref name="ICO"/> อย่างไรก็ตาม ''Coffea canephora'' สามารถพิสูจน์ได้ว่าสามารถก่อให้เกิดโรคได้น้อยกว่า ''Coffea arabica'' และสามารถปลูกได้ในสภาพแวดล้อมที่ ''Coffea arabica'' ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ กาแฟโรบัสตามีปริมาณคาเฟอีนผสมอยู่มากกว่ากาแฟอาราบิกาอยู่ประมาณ 40-50%<ref name="EA763"/> ดังนั้น ธุรกิจกาแฟจึงมักใช้กาแฟโรบัสตาทดแทนกาแฟอาราบิกาเนื่องจากมีราคาถูกกว่า กาแฟโรบัสตาคุณภาพดีมักจะใช้ผสมใน[[เอสเพรสโซ]]เพื่อให้เกิดฟองและลดค่าวัตถุดิบลง<ref name="Reynolds">{{cite web
| title =Robusta's Rehab
| author=Reynolds, Richard
| publisher = Coffee Geek
| url =http://www.coffeegeek.com/opinions/cafestage/02-01-2006
| accessdate = 2007-07-31 }}</ref> นอกจากกาแฟทั้งสองสายพันธุ์นี้แล้ว ยังมี ''Coffea liberica'' และ ''Coffea esliaca'' ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพืชท้องถิ่นของประเทศ[[ไลบีเรีย]]และทางตอนใต้ของประเทศ[[ซูดาน]]ตามลำดับ<ref name="EA763"/>
 
เมล็ดกาแฟอาราบิกาส่วนใหญ่ปลูกใน[[ละตินอเมริกา]] [[แอฟริกาตะวันออก]] อาราเบียหรือ[[เอเชีย]] ส่วนเมล็ดกาแฟโรบัสตาปลูกใน[[แอฟริกาตะวันตก]]และ[[แอฟริกากลาง]] ไปจนถึง [[เอเชียตะวันออกเฉียงใต้]] และบางส่วนของประเทศ[[บราซิล]]<ref name="ICO"/> เมล็ดกาแฟที่ปลูกในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันส่งผลให้เมล็ดกาแฟของแต่ละท้องถิ่น ทำให้เกิดลักษณะเฉพาะตัว อย่างเช่น รสชาติ กลิ่น สัมผัสและความเป็นกรด<ref> ''Coffee: A Guide to Buying Brewing and Enjoying, 5th Edition'', by Kenneth Davids</ref> ลักษณะรสชาติของกาแฟนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ปลูกเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์กำเนิดและกระบวนการผลิตด้วย<ref name="castle">{{cite book
| last =Castle
| first =Timothy
| title =The Perfect Cup: A Coffee Lover's Guide to Buying, Brewing, and Tasting
| publisher =Da Capo Press
| year= 1991
| pages =158
| url =http://books.google.com/books?id=BOvMw4fnVZYC&dq=the+perfect+cup
| isbn = 0201570483}}</ref> ซึ่งโดยปกติแล้ว ความแตกต่างนี้จะสามารถรับรู้กันในท้องถิ่นเท่านั้น
 
=== ปริมาณการผลิต ===
 
{| border="1" cellspacing="0" class="wikitable" align = left style="clear:left"
! colspan = "4"| ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ 10 อันดับของโลก - 11 มิถุนายน 2008
|-
! bgcolor="#DDDDFF" | ประเทศ
! bgcolor="#DDDDFF" | ปริมาณการผลิต ([[เมตริกตัน]])<ref>[http://faostat.fao.org/site/567/DesktopDefault.aspx?PageID=567#ancor Food And Agricultural Organization of United Nations: Economic And Social Department: The Statistical Devision]</ref>
! bgcolor="#DDDDFF" | ปริมาณการผลิต ([[ถุง]])<ref>[http://www.ico.org/prices/po.htm International Coffee Organization]</ref>
! bgcolor="#DDDDFF" | หมายเหตุ
|-
| {{BRA}} || align = center |17,000,000 || align = center |36,070 ||
|-
| {{VNM}} || align = center |15,580,000 || align = center |18,000 || | *
|-
| {{COL}} || align = center |9,400,000 || align = center |12,400 || | F
|-
| {{IDN}} || align = center |2,770,554 || align = center |6,446 || | *
|-
| {{ETH}} || align = center |1,705,446 || align = center |5,733 || | *
|-
| {{MEX}} || align = center |962,000 || align = center |4,500 || | F
|-
| {{IND}} || align = center |954,000 || align = center |4,367 || | F
|-
| {{PER}} || align = center |677,000 || align = center |4,250 || | ประมาณการ ปี 2008
|-
| {{GUA}} || align = center |568,000 || align = center |4,000 || | F
|-
| {{HON}} || align = center |370,000 || align = center |3,833 || | F
|-
| bgcolor=#cccccc| '''{{flag|โลก}}'''
| bgcolor=#cccccc align = center | '''7,742,675'''
| bgcolor=#cccccc align = center | '''118,920'''
| bgcolor=#cccccc| '''A'''
|-
| colspan = "4" style="font-size:.7em"|ไม่มีสัญลักษณ์ = ตัวเลขอย่างเป็นทางการ, F = ประมาณการของ[[องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ]], * = ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการ กึ่งทางการ, A = สถิติรวม
|}
{{clear}}
 
=== ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ===
 
{{บทความหลัก|กาแฟกับสิ่งแวดล้อม}}
 
[[ไฟล์:Coffee Flowers Show.jpg|thumb|right|ภาพของต้น ''Coffea arabica'' ขณะกำลังออกดอก ในบราซิล]]
 
ในอดีต การปลูกต้นกาแฟจะทำในร่มเงาของต้นไม้ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และแมลงทั้งหลาย<ref name=Janzen> {{cite book | last= Janzen | first = Daniel H. (Editor)| year = 1983 | title = Natural History of Costa Rica | publisher = University of Chicago Press | location = Chicago, IL | isbn = 0226393348}}</ref> ทฤษฎีนี้มักจะเป็นไปตามทฤษฎีเงาดั้งเดิม ในปัจจุบัน เกษตรกรจำนวนมากได้เปลี่ยนไปใช้วิธีการปลูกต้นกาแฟแบบทันสมัย โดยการใช้แสงอาทิตย์ในการปลูกต้นกาแฟ ซึ่งต้นกาแฟจะถูกปลูกเรียงกันเป็นแถวอยู่ใต้แสงอาทิตย์โดยมีปะรำป่าเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย การปลูกแบบใหม่นี้ทำให้เมล็ดกาแฟสุกเร็วขึ้นและให้ผลผลิตมากขึ้น แต่การปลูกแบบดังกล่าวจำเป็นต้องตัดต้นไม้ ใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงจำนวนมาก<ref>{{cite web
| last =Salvesen
| first =David
| title =The Grind Over Sun Coffee
| publisher =Smithsonian National Zoological Park
| url =http://nationalzoo.si.edu/Publications/ZooGoer/1996/4/suncoffee.cfm
| accessdate = 2007-09-24 }}</ref> อีกด้านหนึ่ง การปลูกต้นกาแฟแบบดั้งเดิมจะทำให้เมล็ดกาแฟสุกช้ากว่าการปลูกต้นกาแฟแบบใหม่และให้ผลผลิตน้อยกว่า แต่จะให้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูงกว่า นอกเหนือจากนั้น ทฤษฎีเงาดั้งเดิมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยในกับสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก นักวิจารณ์การปลูกกาแฟแบบใหม่กล่าวว่าปัญหาสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น การตัดไม้ทำลายป่า มลภาวะที่เกิดจากยาฆ่าแมลง การทำลายที่อยอาศัยของสัตว์ป่า การเสื่อมคุณภาพของดินและน้ำ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลข้างเคียงมาจากการปลูกต้นกาแฟแบบใหม่นี้<ref name=Janzen/> [[สมาคมดูนกอเมริกัน]]เป็นผู้นำการรณรงค์ "การปลูกในร่มเงา" และ [[กาแฟอินทรีย์]] ซึ่งพวกเขาสนับสนุนให้เปลี่ยนแปลงการปลูกกาแฟให้เป็นแบบดังกล่าว<ref>[http://www.thanksgivingcoffee.com/justcup/songbird/whatisit.lasso Song Bird Coffee]. Thanksgiving Coffee Company. </ref> อย่างไรก็ตาม ขณะที่การปลูกต้นกาแฟในร่มหลายแบบแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางชีวภาพมากกว่าระบบการปลูกต้นกาแฟกลางแจ้ง มันก็ยังเทียบไม่ได้กับป่าท้องถิ่นในแง่ของที่อยู่อาศัยของสัตว์<ref name=autogenerated1>{{cite paper | author = Rickert, Eve | title = Environmental effects of the coffee crisis: a case study of land use and avian communities in Agua Buena, Costa Rica | publisher = M.Sc. Thesis, The Evergreen State College | date= 2005-12-15 | url = http://www.archive.org/details/Rickert_EVE_MES_Thesis_2005}}</ref>
 
อีกประเด็นหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คือ การใช้น้ำในการผลิตกาแฟ ตามที่นิตยสาร ''New Scientist'' ระบุว่า ต้องใช้น้ำจำนวนถึง 140 ลิตรในกระบวนการปลูกต้นกาแฟไปจนถึงผลผลิตกาแฟหนึ่งถ้วย และกาแฟมักจะถูกปลูกในประเทศที่มีการขาดแคลนน้ำ อย่างเช่น [[เอธิโอเปีย]]<ref>"[http://environment.newscientist.com/channel/earth/mg18925401.500-earth-the-parched-planet.html Earth: The parched planet]" by [[Fred Pearce]], [[New Scientist]] 25 Feb., 2006.</ref>
 
=== เศรษฐกิจ ===
 
{{บทความหลัก|เศรษฐกิจกาแฟ}}
{{ดูเพิ่มที่|รายชื่อประเทศเรียงตามปริมาณการบริโภคกาแฟ}}
 
[[ไฟล์:Coffee consumption map-en.svg|200px|thumb|right|ปริมาณการบริโภคกาแฟทั่วโลกในปี 2003]]
 
[[บราซิล]]เป็นประเทศที่ส่งออกกาแฟสูงที่สุดในโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ [[เวียดนาม]]กลายมาเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟโรบัสตารายใหญ่ของโลก<ref>{{cite web |url=http://www.ineedcoffee.com/02/04/vietnam/ |title=Vietnam: Silent Global Coffee Power |author=Alex Scofield |accessdate=2007-08-01 }}</ref> [[อินโดนีเซีย]]เป็นประเทศส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสาม และเป็นผู้ผลิตกาแฟอาราบิกาละลาย ราคาซื้อขายกาแฟโรบัสตาใน[[ลอนดอน]]มีราคาถูกกว่าใน[[นิวยอร์ก]] ซึ่งทำให้ลูกค้าผู้ประกอบการอุตสาหกรรม อย่างเช่น บริษัทข้ามชาติและผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูป โอนเอียงไปทางกาแฟในลอนดอนมากกว่า เพราะว่ามีราคาถูกกว่า บริษัทข้ามชาติสี่แห่ง (ประกอบด้วย [[บรษัทอาหารครอฟท์|ครอฟท์]] [[บริษัทเนสเล่|เนสเล่]] [[บริษัทพร็อกเตอร์แอนด์แกมเบิล|พร็อกเตอร์แอนด์แกมเบิล]]และ[[บริษัทซาร่า ลี|ซาร่า ลี]]) ได้ซื้อกาแฟคิดเป็นปริมาณ 50% ของผลผลิตต่อปี<ref>{{cite web
| last =Stein
| first =Nicholas
| title =Crisis in a Coffee Cup
| publisher =CNNMoney.com
| date= 9, 2002
| url =http://money.cnn.com/magazines/fortune/fortune_archive/2002/12/09/333463/
| accessdate =2007-07-23 }}</ref> การเลือกซื้อกาแฟโรบัสตาราคาถูกของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสี่ของตลาดกาแฟทำให้เกิดความเชื่อว่าเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคากาแฟตกต่ำ<ref>{{cite web | url=http://www.coffeegeek.com/opinions/markprince/11-27-2002 | title=CoffeeGeek - So You Say There's a Coffee Crisis | accessdate=2006-08-26}}</ref> และปริมาณความต้องการเมล็ดกาแฟอาราบิกาคุณภาพสูงกระเตื้องขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
 
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มีความเห็นว่าการเข้ามาล้นตลาดของกาแฟเขียวราคาถูกอย่างมหาศาล หลังจากการล่มสลายของข้อตกลงกาแฟสากลแห่งปี 1975-1989 ได้ส่งผลกระทบยืดเยื้อต่อวิกฤตการณ์ราคากาแฟตั้งแต่ปี [[คริสต์ศักราช 1989]] ถึงปี [[คริสต์ศักราช 2004]]<ref name="autogenerated1"/> ในปี [[คริสต์ศักราช 1997]] ราคาของกาแฟในนิวยอร์กแตะระดับที่ 3 [[ดอลลาร์สหรัฐ]]/[[ปอนด์ (หน่วยมวล)|ปอนด์]] แต่เมื่อถึงปลายปี [[คริสต์ศักราช 2001]] ราคาของกาแฟเหลือเพียง 0.43 ดอลลาร์สหรัฐ/ปอนด์<ref>''[http://www.ers.usda.gov/publications/err38/err38h.pdf Cost Pass-Through in the U.S. Coffee Industry / ERR-38]'' ([[PDF]]), Economic Research Service, USDA.</ref> ในปี [[คริสต์ศักราช 2007]] ราคากาแฟขายส่งอยู่ที่ประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ปอนด์ (จาก 69 เซนต์ในลอนดอน เมื่อเดือนมีนาคม มาเป็น 134 เซนต์ในนิวยอร์ก เมื่อเดือนตุลาคม) และราคาของกาแฟโรบัสตาคิดเป็น 70% ของกาแฟอาราบิกา ราคาซื้อขายกาแฟผันผวนอย่างมากจากราคาโดยเฉลี่ย 3 ดอลลาร์สหรัฐใน[[โปแลนด์]] 3.5 ดอลลาร์สหรัฐใน[[สหรัฐอเมริกา]]และ 17 ดอลลาร์สหรัฐใน[[สหราชอาณาจักร]]<ref>www.ico.org/documents/cmr1107e.pdf</ref>
 
แนวคิดของ[[การค้าโดยชอบธรรม]]ให้การรับรองว่าเกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนตามจำนวนราคาที่เจรจาไว้ก่อนการเพาะปลูก เริ่มจาก[[มูลนิธิแมกซ์ ฮาเวลลาร์]] ที่เริ่มต้นโครงการดังกล่าวใน[[เนเธอร์แลนด์]] ในปี [[คริสต์ศักราช 2004]] ผลผลิตกาแฟ 24,222 เมตริกตันจากผลผลิตกาแฟทั้งหมด 7,050,000 เมตริกตันทั่วโลกเป็นไปตามแนวคิดการค้าโดยชอบธรรม ปีต่อมา ผลผลิตกาแฟ 33,991 เมตริกตันจากทั้งหมด 6,685,000 เมตริกตันเป็นไปตามแนวคิดการค้าโดยชอบธรรม ปริมาณผลผลิตกาแฟที่ค้าอย่างชอบธรรมคิดเป็น 0.34% ในปี 2004 และ 0.51% ในปี 2005<ref>{{cite web | url=http://www.ico.org/prices/po.htm| title=Total Production of Exporting Countries| Publisher=International Coffee Organization| accessdate=2007-07-31}}</ref><ref>{{cite web | url=http://www.fairtrade.net/coffee.html| title=FLO International: Coffee| Publisher=Fair Trade.net| accessdate=2007-10-16}}</ref> จากการศึกษาจำนวนมากได้แสดงให้เห็นว่าผลผลิตกาแฟที่ค้าอย่างชอบธรรมมีผลกระทบในด้านบวกต่อชุมชนที่ปลูกกาแฟ การศึกษาครั้งหนึ่งในปี 2002 แสดงให้เห็นว่าการค้าอย่างชอบธรรมจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทผู้ผลิต เพิ่มผลตอบแทนในการผู้ผลิตรายย่อย และส่งผลให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น<ref>Ronchi, L. (2002). [http://www.fairtrade.net/uploads/media/ronchi_ft_impact_cococafe_costa_rica.pdf The Impact of Fair Trade on Producers and their Organizations: A Case Study with Coocafe in Costa Rica]. University of Sussex. p25–26.</ref> การศึกษาครั้งหนึ่งในปี 2003 สรุปว่าการค้าโดยชอบธรรมนั้น "ได้พัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกรปลูกกาแฟรายย่อยและครอบครัวอย่างมาก"<ref>Murray D., Raynolds L. & Taylor P. (2003). [http://www.colostate.edu/Depts/Sociology/FairTradeResearchGroup/doc/fairtrade.pdf One Cup at a time: Poverty Alleviation and Fair Trade coffee in Latin America]. Colorado State University, p28</ref> ด้วยการเข้าถึงความน่าเชื่อถือและเงินทุนการพัฒนาจากภายนอก<ref>Taylor, Pete Leigh (2002). [http://www.colostate.edu/Depts/Sociology/FairTradeResearchGroup/doc/pete.pdf Poverty Alleviation Through Participation in Fair Trade Coffee Networks], Colorado State University, p18.</ref> และการเข้าถึงการฝึกฝนได้มากขึ้น ทำให้มีโอกาสพัฒนาคุณภาพของกาแฟที่ปลูก<ref>Murray D., Raynolds L. & Taylor P. (2003). [http://www.colostate.edu/Depts/Sociology/FairTradeResearchGroup/doc/fairtrade.pdf One Cup at a time: Poverty Alleviation and Fair Trade coffee in Latin America]. Colorado State University, p8</ref> ครอบครัวของเกษตรกรปลูกต้นกาแฟยังมีความมั่นคงมากกว่าผู้ที่ไม่อยู่ในการค้าโดยชอบธรรม และลูกของพวกเขาก็สามารถเข้าถึงการศึกษาที่ดีขึ้น<ref>Murray D., Raynolds L. & Taylor P. (2003). [http://www.colostate.edu/Depts/Sociology/FairTradeResearchGroup/doc/fairtrade.pdf One Cup at a time: Poverty Alleviation and Fair Trade coffee in Latin America]. Colorado State University, p10–11</ref> จากการศึกษาของบริษัทผู้ผลิตกาแฟแห่งหนึ่งในโบลิเวียในปี 2005 สรุปว่าการรับรองการค้าโดยชอบธรรมจะส่งผลกระทบในด้านบวกต่อราคากาแฟในท้องถิ่น และให้ผลประโยชน์ทางธุรกิจแก่ผู้ผลิตกาแฟทุกราย<ref>Eberhart, N. (2005). [http://www.avsf.org/library/cms_download.php?cat=article_document&doc_id=926 Synthèse de l'étude d'impact du commerce équitable sur les organisations et familles paysannes et leurs territoires dans la filière café des Yungas de Bolivie]. Agronomes et Vétérinaires sans frontières, p29.</ref>
 
การผลิตและการบริโภค กาแฟที่ค้าอย่างชอบธรรม ได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบกากาแฟท้องถิ่นและกาแฟระดับชาติได้เริ่มมอบข้อเสนอทางเลือกการค้าโดยชอบธรรมให้แก่เกษตรกร<ref>Balch-Gonzalez, M, Kmareka.com (2003). Good Coffee, Better World, The Ethics and Economics of Fair Trade Coffee [http://kmareka.com/coffee.htm]</ref>
 
=== การซื้อขายกาแฟ ===
 
กาแฟยังได้ซื้อขายกันโดยนักลงทุนและผู้แสวงหากำไรเนื่องจากเป็นสินค้าซื้อขายกัน สัญญาซื้อขายกาแฟล่วงหน้าได้รับการลงนามใน New York Mercantile Exchange ภายใต้สัญลักษณ์การค้าขาย '''KT''' และการส่งสัญญาจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม พฤษภาคม กรกฎาคม กันยายนและธันวาคม<ref>http://www.wikinvest.com/concept/Coffee_prices</ref>
 
== การผลิตเมล็ดกาแฟ ==
 
{{บทความหลัก|กระบวนการผลิตกาแฟ}}
 
=== การคั่ว ===
 
{{บทความหลัก|การคั่วเมล็ดกาแฟ}}
 
[[ไฟล์:Dark roasted espresso blend coffee beans 2.jpg|upright|thumb|เมล็ดกาแฟหลังผ่านการคั่วแล้ว]]
 
ผลกาแฟและเมล็ดกาแฟต้องผ่านกระบวนการมากมายก่อนที่จะกลายมาเป็นเมล็ดกาแฟคั่ว ขั้นแรก กาแฟจะถูกเลือกสรร โดยใช้มือเป็นส่วนใหญ่ จากนั้น นำมาจัดเรียงตามความสุก สี จากนั้นเนื้อกาแฟจะถูกนำออกโดยเครื่องจักร ส่วนเมล็ดกาแฟจะถูกหมักเพื่อกำจัดชั้นเมือกบาง ๆ ที่เกาะอยู่ตามเมล็ด เมื่อกระบวนการหมักเสร็จสิ้น เมล็ดกาแฟจะถูกล้างทำความสะอาดโดยใช้น้ำบริสุทธิ์คุณภาพสูงเพื่อกำจัดกากที่เกิดจากการหมัก ซึ่งก่อให้เกิด[[น้ำเสียที่เกิดจากการล้างกากกาแฟ|น้ำเสีย]]ที่มีการปนเปื้อนสูงปริมาณมาก หลังจากนั้น เมล็ดกาแฟจะถูกนำไปตากแห้ง จัดเรียงและระบุว่าเป็นเมล็ดกาแฟเขียว<ref>Kummer, Corby. ''[http://www.amazon.com/gp/reader/0618302409/ The Joy of Coffee: The Essential Guide to Buying, Brewing, and Enjoying]'', Houghton Mifflin, 38. August 19, 2003. ISBN 978-0-618-30240-6.</ref>
 
ขั้นตอนต่อไปคือการคั่วเมล็ดกาแฟเขียว โดยปกติแล้ว กาแฟมักจะถูกจำหน่ายหลังจากคั่วแล้ว และกาแฟทุกรูปแบบจำเป็นต้องคั่วก่อนที่จะบริโภค กาแฟสามารถคั่วได้โดยผู้ประกอบการหรือคั่วเองได้ที่บ้าน<ref>Kummer, Corby. ''[http://www.amazon.com/gp/reader/0618302409/ The Joy of Coffee: The Essential Guide to Buying, Brewing, and Enjoying]'', Houghton Mifflin, 37. August 19, 2003. ISBN 978-0-618-30240-6.</ref> กระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟจะส่งผลต่อรสชาติของเมล็ดกาแฟ เนื่องจากเมล็ดกาแฟมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพและทางเคมี เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วจะมีมวลลดลงเพราะสูญเสียความชื้นไป แต่จะมีปริมาตรมากขึ้น ทำให้มันมีความหนาแน่นลดลง ความหนาแน่นของเมล็ดกาแฟเองก็ส่งผลต่อความเข้มของกาแฟและความจำเป็นในการบรรจุ กระบวนการคั่วจะเริ่มขึ้นเมื่ออุณหภูมิภายในเมล็ดกาแฟสูงถึง 200 [[องศาเซลเซียส|°C]] แม้ว่าเมล็ดกาแฟแต่ละประเภทจะมีความชื้นและความหนาแน่นที่แตกต่างกัน และยังคั่วด้วยอัตราเร็วที่แตกต่างกัน<ref name="trent">{{cite web
| last =Ball
| first =Trent
| coauthors =Sara Guenther; Ken Labrousse; Nikki Wilson
| title =Coffee Roasting
| publisher =Washington State University
| url =http://www.wsu.edu:8080/~gmhyde/433_web_pages/coffee/student-pages/6roasting/roasting.htm
| accessdate = 2007-07-18 }}</ref> ระหว่างการคั่ว [[ปฏิกิริยารีดอกซ์]]ของ[[น้ำตาล]]จะเกิดขึ้นภายในเมล็ดกาแฟ หลังจากที่ความร้อนมหาศาลได้เผา[[แป้ง (อาหาร)|แป้ง]]ที่อยู่ในเมล็ดกาแฟ และเปลี่ยนแป้งให้เป็น[[น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว]]ซึ่งจะเริ่มเกรียม และเปลี่ยนสีของเมล็ดกาแฟ<ref>Kummer, Corby. ''[http://www.amazon.com/gp/reader/0618302409/ The Joy of Coffee: The Essential Guide to Buying, Brewing, and Enjoying]'', Houghton Mifflin, 261. August 19, 2003. ISBN 978-0-618-30240-6.</ref> ระหว่างกระบวนการคั่ว เมล็ดกาแฟจะสูญเสีย[[ซูโครส]]อย่างรวดเร็วและอาจสูญเสียไปทั้งหมดหากคั่วติดต่อกันเป็นเวลานาน ระหว่างการคั่ว น้ำมันหอม กรดและคาเฟอีนจะอ่อนลง ทำให้รสชาติของกาแฟเปลี่ยนไป ที่อุณหภูมิ 205&nbsp;°C น้ำมันชนิดอื่นจะขยายขึ้น<ref name="trent"/> หนึ่งในนั้นคือ ''caffeol'' ซึ่งเกิดขึ้นที่อุณหภูมิ 200&nbsp;°C ซึ่งทำให้กาแฟมีกลิ่นและรสชาติ<ref name="plant">Dobelis, Inge N., Ed.: Magic and Medicine of Plants. Pleasantville: The Reader’s Digest Association, Inc., 1986. Pages 370–371.</ref>
 
สีของเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่ว สามารถแบ่งได้ด้วยสายตามนุษย์ออกเป็น อ่อน อ่อนปานกลาง ปานกลาง เข้มปานกลาง เข้มและเข้มมาก วิธีตรวจสอบที่มีความแน่นอนกว่าในการตรวจหาระดับของการคั่ว คือ การตรวจวัดแสงสะท้อนจากเมล็ดกาแฟหลังจากการคั่วแล้ว โดยอาศัยแสงจากแหล่งกำเนิดแสงที่ใกล้กับ[[อินฟราเรด]][[สเปคตรัม]] เครื่องวัดแสงอย่างประณีตใช้กระบวนการที่เรียกว่า [[สเปคโตรสโกปี]] เพื่อคืนจำนวนที่ไม่เปลี่ยนแปลงซึ่งจะบ่งบอกถึงความสัมพันธ์กับระดับการคั่วของเมล็ดกาแฟหรือการพัฒนารสชาติของมัน เครื่องมือดังกล่าวจะถูกใช้ในการรับประกันคุณภาพของกาแฟในธุรกิจคั่วกาแฟเท่านั้น
 
การคั่วให้เมล็ดกาแฟมีสีเข้มมักจะทำให้เมล็ดกาแฟมีผิวเรียบขึ้น เพราะว่าเมล็ดกาแฟเหลือใยอาหารอยู่น้อยและจะมีความหวานมากขึ้น การคั่วอ่อน ๆ เมล็ดกาแฟจะเหลือคาเฟอีนสะสมอยู่มาก ทำให้กาแฟมีรสชาติขมอ่อน ๆ และมีรสชาติเข้มขึ้นจากน้ำมันหอมและกรด ซึ่งจะสูญเสียไปหากคั่วเมล็ดกาแฟเป็นเวลานาน<ref name="Mauro">{{cite web
| last =Cipolla
| first =Mauro
| title =Educational Primer: Degrees of Roast
| publisher =Bellissimo Info Group
| url =http://www.virtualcoffee.com/may/educate.html
| accessdate = 2007-07-19}}</ref> ระหว่างการคั่วเมล็ดกาแฟ จะก่อให้เกิดกากเล็กน้อยจากผิวของเมล็ดกาแฟภายหลังการคั่วแล้ว<ref name="Bay">{{cite web | last = | first = | title =Coffee Roasting Operations | date= 1998-05-15 | publisher =Bay Area Air Quality Management District | url =http://www.baaqmd.gov/pmt/handbook/s11c03pd.htm | accessdate = 2007-07-27 }}</ref> กากจะถูกกำจัดโดยการเคลื่อนไหวของอากาศ แม้ว่าในเมล็ดกาแฟคั่วที่มีสีเข้มกว่าจะมีการเติมกากเพื่อให้เมล็ดกาแฟมีน้ำมันชุ่ม<ref name="trent"/> นอกจากนี้ ระหว่างกระบวนการอาจมี[[การกำจัดคาเฟอีน]]ด้วย เมล็ดกาแฟจะถูกกำจัดคาเฟอีนขณะยังเขียวอยู่ มีหลากหลายวิธีในการกำจัดคาเฟอีนออกจากกาแฟ เช่น การแช่เมล็ดกาแฟในน้ำร้อนหรือการอบเมล็ดกาแฟ จากนั้นใช้[[ตัวทำละลาย]]ในการละลายน้ำมันที่มีคาเฟอีนผสมอยู่ด้วย<ref name="plant" /> การกำจัดคาเฟอีนมักจะทำโดยบริษัทผู้ประกอบการ จากนั้นคาเฟอีนที่ถูกแยกออกมามักจะถูกจำหน่ายให้กับภาคอุตสาหกรรมทางยา<ref name="plant" />
 
=== การเก็บรักษา ===
 
เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วแล้วจำเป็นต้องได้รับการเก็บรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อคงความสดของรสชาติเอาไว้ เงื่อนไขในการคงความสด คือ ความกดอากาศและความเย็น อากาศ ความชื้น ความร้อนและแสงสว่างถือว่าเป็นปัจจัยทางธรรมชาติที่สำคัญในการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ<ref name="foodnetwork-truebrew">{{cite web |url= http://www.foodnetwork.com/food/recipes/recipe/0,,FOOD_9936_10020,00.html |title= True Brew |author= [[Alton Brown]] |publisher= [[Food Network]] |accessdate= 2008-02-18 }}</ref>
 
ถุงที่พับขึ้นนับว่าเป็นวิธีการทั่วไปที่ลูกค้ามักจะใช้ในการซื้อกาแฟนั้นไม่เหมาะสำหรับการเก็บรักษาในเวลานาน เนื่องจากอากาศสามารถเข้าไปในถุงได้ บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมควรจะเป็นบรรจุภัณฑ์ประเภทมีลิ้นทางเดียวเพื่อป้องกันอากาศไม่ให้เข้าไปในบรรจุภัณฑ์นั้น<ref name="foodnetwork-truebrew"/>
 
=== การเตรียมการ ===
 
{{บทความหลัก|การเตรียมกาแฟ}}
 
[[ไฟล์:linea doubleespresso.jpg|thumb|right|[[เอสเพรสโซ]]กำลังต้มกับ''ครีมา''สีน้ำตาลแดงเข้ม]]
 
เมล็ดกาแฟจะต้องถูกบดและ[[ชง (อาหาร)|ชง]]เพื่อที่จะทำเป็นเครื่องดื่ม การบดเมล็ดกาแฟคั่วสามารถทำได้ที่เตาอบกาแฟ ในร้านขายของชำ หรือในบ้านก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นที่เตาอบกาแฟจากนั้นจะบรรจุและจัดจำหน่ายให้แก่ลูกค้า เมล็ดกาแฟสามารถบดได้หลายวิธี เครื่องบดเลื่อยใช้การหมุนในการตัดเมล็ดให้ขาดออกจากกัน เครื่องบดไฟฟ้าใช้การอัดกระแทกของใบมีดทื่อที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ไปจนถึงการใช้[[โกร่งบดยา]]
 
ประเภทของการบดจะตั้งชื่อตามวิธีของการชงกาแฟที่ใช้กันโดยทั่วไป อย่างเช่น [[กาแฟตุรกี]]เป็นการบดที่ดีที่สุด<ref name="Harrison"/> ในขณะที่[[เครื่องต้มกาแฟ]]หรือหม้อต้มกาแฟเป็นการบดที่ลื่นไหลที่สุด ส่วนการบดแบบธรรมดาจะอยู่กึ่งกลางระหว่างการบดที่ดีที่สุดกับการบดที่ลื่นไหลที่สุดนี้ การบดแบบปานกลางมักจะใช้กับเครื่องชงกาแฟทั่วไปตามบ้าน<ref name="faq"/>
 
กาแฟสามารถชงได้หลายวิธี การต้ม การจุ่มน้ำหรือการใช้ความดัน การต้มการแฟโดยใช้วิธีการต้มเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ยกตัวอย่าง กาแฟต้ม คือ [[กาแฟตุรกี]] โดยการตำเมล็ดกาแฟด้วย[[โกร่งบดยา]] จากนั้นนำผงกาแฟไปต้มกับน้ำจนเดือดในหม้อที่เรียกว่าเซสฟ์ หรือบริกิ ในภาษากรีก ซึ่งจะทำให้เกิดกาแฟที่มีรสเข้มและมีฟองเกาะอยู่บนผิวหน้าของกาแฟ<ref name="Harrison">{{cite book
| last =Ukers
| first =William Harrison
| title =All about Coffee
| publisher =Gale Research; 2nd edition
| date= 1993-01-01
| pages =725
| url =http://books.google.com/books?id=Y5tXt7aoLNoC&pg=PA725&dq=
| isbn = 978-0810340923}}</ref>
 
เครื่องจักรอย่างเช่น [[เครื่องต้มกาแฟ]] หรือ [[เครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ]] ต้มกาแฟโดยใช้แรงโน้มถ่วง น้ำร้อนจะหยดสู่ผงกาแฟซึ่งถูกยึดใว้ใน[[ที่กรองกาแฟ]]ที่ทำจากกระดาษหรือโลหะที่เจาะรู เพื่อให้น้ำค่อย ๆ ไหลซึมไปยังเมล็ดกาแฟ ขณะที่ดูดซึมน้ำมันไป แรงโน้มถ่วงทำให้ของเหลวสามารถผ่านขวดใส่น้ำหรือหม้อ ขณะที่ผงกาแฟยังคงเก็บไว้ในที่กรองกาแฟอยู่<ref name="Levy"/> ด้วยวิธีการดังกล่าว น้ำต้มเดือดจะถูกดันเข้าสู่ที่ว่างเหนือที่กรองกาแฟด้วยแรงดันไอน้ำที่เกิดจากการต้มน้ำ จากนั้นน้ำจะผ่านลงไปด้านล่างผ่านผงกาแฟโดยแรงโน้มถ่วง และกระบวนการจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะถูกหยุดโดยตัวจับเวลาภายใน<ref name="Levy">{{cite book
| last =Levy
| first =Joel
| title =Really Useful: The Origins of Everyday Things
| publisher =Firefly Books
| month= November | year= 2002
| pages =1948
| url =http://books.google.com/books?id=fyBb_Xh5hqIC&pg=PA1948&dq=Coffee+%2B+percolator+%2B+filter&sig=ItgZl7dugXO0nOCRit70b4-06RQ
| isbn = 978-1552976227}}</ref> หรือถ้าโดยทั่วไปแล้วเครื่องบังคับความร้อนในการตัดตัวทำความร้อนเมื่ออุณหภูมิภายในหม้อสูงตามที่กำหนดแล้วแทน เครื่องบังคับความร้อนสามารถควบคุมอุณหภูมิของกาแฟให้คงที่ได้ เนื่องจากเมื่อกาแฟเย็นลง เครื่องบังคับความร้อนจะเปิดให้ตัวทำความร้อนทำงานอีกครั้ง แต่วิธีนี้จำเป็นต้องนำถาดรองผงกาแฟออกหลังจากการต้มครั้งแรกเสร็จแล้ว เพื่อป้องกันมิให้เกิดการต้มเพิ่มอีก ผู้ที่มีความพิถีพิถันจะรู้สึกว่าการต้มหลาย ๆ ครั้งจะทำให้กาแฟไม่ได้รสชาติที่ดีที่สุดของมัน
 
กาแฟยังสามารถต้มได้ด้วยวิธีการจุ้มใน[[เครื่องต้มกาแฟ]] ผงกาแฟและน้ำร้อนจะถูกผสมรวมกันในเครื่องต้ม และใช้เวลาไม่กี่นาทีในการต้ม เครื่องแทงจะลดระดับลงเพื่อใช้แยกผงกาแฟ ซึ่งจะเหลืออยู่ที่ก้นของเครื่องต้ม เนื่องจากผงกาแฟสัมผัสกับน้ำโดยตรง น้ำมันกาแฟทั้งหมดจึงยังเหลืออยู่ในกาแฟนั้น ทำให้กาแฟมีรสชาติเข้มขึ้น และพบว่ามีตะกอนอยู่มากกว่ากาแฟซึ่งผลิตในเครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ<ref>{{cite book
| last =Davids
| first =Kenneth
| title =Coffee: A Guide to Buying, Brewing, and Enjoying
| publisher =101 Productions
| year= 1991
| pages =128
| url =http://books.google.com/books?id=IqJsIcYOPcQC&pg=PA128&dq=Coffee+%2B+french+press&sig=HA4Swu6PH_9_geJWAN8_jK8iHLQ#PPA128,M1
| isbn = 978-1564265005 }}</ref>
 
ส่วนกาแฟ[[เอสเพรสโซ่]]ใช้วิธีการ[[พาสเจอร์ไรซ์]]ร้อน แต่ไม่ถึงกับเดือด โดยให้น้ำไหลผ่านผงกาแฟ ผลจากการต้มภายใต้แรงดันสูงประมาณ 9-10 หน่วยบรรยากาศ ทำให้เครื่องดื่มเอสเพรสโซ่มีรสแรงมาก คิดเป็น 10-15 เท่าของกาแฟที่ใช้วิธีแรงโน้มถ่วง และมีองค์ประกอบทางกายภาพและทางเคมีที่ซับซ้อน กาแฟเอสเพรสโซ่ชั้นดีจะมีครีมสีน้ำตาลแดงลอยอยู่บนผิวหน้า ที่เรียกว่า "ครีมา"<ref name="faq">{{cite web
| last =Rothstein
| first =Scott
| title =Brewing Techniques
| work =
| publisher =
| url =http://www.thecoffeefaq.com/3brewingtechniques.html
| accessdate =2007-07-19}}</ref> ส่วนเครื่องดื่ม "[[อเมริกาโน]]" ซึ่งได้ชื่อมาจากทหารอเมริกันในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] หลังจากที่ทหารเหล่านั้นคิดว่ากาแฟเอสเพรสโซ่ในแบบของชาวยุโรปนั้นมีรสชาติแรงเกินไป จึงมีการทำให้เจือจางโดยใส่น้ำมากขึ้นกว่ากาแฟเอสเพรสโซ่
 
=== การนำเสนอ ===
 
[[ไฟล์:Latte art.jpg|thumb|left|การนำเสนอกาแฟในรูปแบบต่าง ๆ สามารถเป็นส่วนหนึ่งของบริการบ้านกาแฟ ยกตัวอย่างเช่นการวาดลวดลายแฟนซีบนผิวหน้าของ[[ลาเต้]]ถ้วยนี้ เป็นต้น]]
 
เมื่อผ่านการต้มแล้ว กาแฟสามารถนำเสนอได้ในหลายรูปแบบ การต้มหยด ซึม หรือกาแฟที่ทำมาจากเครื่องต้มกาแฟสามารถดื่มได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสารปรุงแต่งเพิ่มเติม หรืออาจจะใส่น้ำตาล นม ครีมหรือทั้งคู่ และยังสามารถเสิร์ฟในน้ำแข็งได้อีกด้วย
 
กาแฟประเภทเอสเพรสโซมีวิธีการนำเสนอหลากหลายรูปแบบ ในรูปแบบที่ง่ายที่สุด กาแฟเอสเพรสโซสามารถดื่มได้โดยไม่ต้องอาศัยสิ่งเพิ่มเติม หรือในรูปแบบที่มีการเจือจางด้วยน้ำมากขึ้น เรียกว่า "[[อเมริกาโน]]" ซึ่งประกอบด้วยเอสเพรสโซหนึ่งหรือสองช็อตผสมกับน้ำร้อน<ref name = "Castle"/> กาแฟอเมริกาโนควรจะเสิร์ฟพร้อมกับเอสพรสโซช็อตเพื่อรักษาครีมาเอาไว้ กาแฟเอสเพรสโซหลายรูปแบบสามารถใส่นมเพื่อปรุงแต่งได้ เมื่อเพิ่มนมร้อนในกาแฟเอสเพรสโซแล้ว จะเรียกว่า "[[ลาเต]]"<ref>{{cite news
| last =Fried
| first =Eunice
| title =The lowdown on caffe latte
| publisher =Black Enterprise
| date= November 1993
| url =http://findarticles.com/p/articles/mi_m1365/is_n4_v24/ai_14651237
| accessdate = 2007-09-26 |archiveurl=http://archive.is/1MFV|archivedate=2012-07-13}}</ref> กาแฟเอสเพรสโซและนมในปริมาณที่เท่า ๆ กัน จะได้ "[[คาปูชิโน]]"<ref name = "Castle">{{cite book
| last =Castle
| first =Timothy
| authorlink =
| coauthors =Joan Nielsen
| title =The Great Coffee Book
| publisher =Ten Speed Press
| year= 1999
| pages =94
| url =http://books.google.com/books?id=x8z9jXVtRCYC&pg=PA94&dq=half+espresso+and+half+steamed+milk+%2B+cappuccino&sig=nM_KmsqR6trWCY5S6SfpOFjgjQU
| isbn =978-1580081221 }}</ref> และยังมีการใช้นมร้อนในการวาดลวดลายบนผิวหน้าของกาแฟ ซึ่งเรียกว่า [[ศิลปะลาเต]]
 
กาแฟจำนวนมากถูกจำหน่ายให้แก่ลูกค้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ไม่มีเวลาที่จะทำกาแฟของตนเอง กาแฟประเภทนี้ ได้แก่ [[กาแฟสำเร็จรูป]] ซึ่งถูกทำให้แห้งจนกลายเป็นผงแป้งที่สามารถละลายน้ำได้ หรือการทำให้แห้งจนเป็นเมล็ดขนาดเล็กซึ่งสามารถละลายได้อย่างรวดเร็วในน้ำ<ref>{{cite book
| last =Hobhouse
| first =Henry
| title =Seeds of Wealth: Five Plants That Made Men Rich
| publisher =Shoemaker & Hoard
| date= 2005-12-13
| pages =294
| url =http://books.google.com/books?id=s67iECV25gcC&pg=PA294&dq=Coffee+%2B+Instant+coffee+%3D+freeze-dried&sig=FaeTyeZL0PzQ0vmLEZlfDiive3M
| isbn = 978-1593760892}}</ref> กาแฟกระป๋องเป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในชาวเอเชียเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน[[ญี่ปุ่น]]และ[[เกาหลีใต้]] ผู้ผลิตได้ใช้เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติในการจำหน่ายกาแฟกระป๋องหลายรูปแบบ อย่างเช่น กาแฟต้มหรือกาแฟซึม และมีทั้งกาแฟร้อนและเย็น ร้านสะดวกซื้อและร้านขายของชำในประเทศญี่ปุ่นยังมีการจำหน่ายกาแฟบรรจุขวดหลายรูปแบบ โดยมักจะมีรสหวานอ่อน ๆ และผสมกับนมเล็กน้อย กาแฟบรรจุขวดยังได้รับความนิยมใน[[สหรัฐอเมริกา]]<ref>{{cite web
| last =Associated Press
| title =Report: Coke, Pepsi faceoff brewing
| publisher =CNN Money
| date= 2005-12-06
| url =http://money.cnn.com/2005/12/06/news/fortune500/coke_cinnabon/index.htm
| accessdate = 2007-09-24 }}</ref> ในบางครั้ง กาแฟเหลวข้นถูกผลิตออกมาเพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้คนนับพันในเวลาเดียวกัน รสชาติของมันเทียบได้กับกาแฟโรบัสตาชั้นเลว และใช้ต้นทุนการผลิต 10 เซนต์ เครื่องจักรสามารถผลิตกาแฟได้ 500 ถ้วยต่อชั่วโมง หรืออาจมากถึง 1,000 ถ้วยต่อชั่วโมงถ้าใช้น้ำร้อนในการผลิต<ref>Regarding liquid coffee concentrate: [[The Wall Street Journal|Wall Street Journal]], March 21, 2005, page C4, ''Commodities Report''</ref>
 
=== กาแฟแต่ละรูปลักษณ์ ===
 
{{บทความหลัก|ประเภทของกาแฟ}}
 
== กาแฟกับสังคม ==
 
[[ไฟล์:CoffeePalestineStereo.jpg|thumb|right|บ้านกาแฟใน[[ปาเลสไตน์]] ในปี [[คริสต์ศักราช 1900]]]]
 
กาแฟนั้นแต่เดิมใช้เพื่อเหตุผลทางด้านจิตวิญญาณ เมื่อ 1,000 ปีที่ผ่านมา พ่อค้าได้นำกาแฟข้าม[[ทะเลแดง]]มายังดินแดนอาระเบีย (ปัจจุบัน คือ [[ประเทศเยเมน]]) ที่ซึ่งนักบวชชาวมุสลิมได้ปลูกไม้พุ่มในสวนของตน ในตอนแรก ชาวอาหรับได้ผลิตไวน์จากเนื้อของเมล็ดกาแฟหมัก เครื่องดื่มดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันว่า ''qishr'' (ปัจจุบัน คือ ''kisher'') และเป็นส่วนประกอบของพิธีการทางศาสนาอีกด้วย
 
หลังจากนั้น กาแฟได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ทำหน้าที่แทนไวน์ในพิธีกรรมทางศาสนา หลังจากที่ได้มีการห้ามดื่มไวน์<ref name="James">{{cite web |title=History of Coffee |url=http://www.jamesoncoffee.com/History.php || publisher=Jameson Coffee}}</ref> การดื่มกาแฟถูกห้ามโดยชาวมุสลิมตาม''[[ฮะรอม]]'' ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 แต่ว่าข้อห้ามดังกล่าวได้ถูกล้มล้างในเวลาไม่นาน การนำไปใช้ในพิธีกรรมทางศานาทำให้กาแฟถูกส่งไปยังนคร[[เมกกะ]] กาแฟถูกกล่าวว่าเป็นต้นเหตุของการประพฤติตนนอกคอก การผลิตและการบริโภคกาแฟถูกปราบปราม ต่อมา กาแฟถูกห้ามอย่างเด็ดขาดใน[[จักรวรรดิออตโตมาน]]<ref>{{cite web | url=http://www.accidentalhedonist.com/index.php/2006/03/24/food_stories_the_sultan_s_coffee_prohibi | title=Food Stories: The Sultan's Coffee Prohibition | last=Hopkins | first=Kate | date=2006-03-24 | accessdate=2006-09-12}}</ref> กาแฟซึ่งเป็นเครื่องดื่มของชาวมุสลิม ถูกห้ามในหมู่ชาวเอธิโอเปียซึ่งนับถือ[[คริสต์ศาสนา]]นิกาย[[ออร์โธดอกซ์]] จนกระทั่งถึงปี [[คริสต์ศักราช 1889]] ซึ่งได้เป็นเครื่องดื่มประจำชาติของเอธิโอเปีย ที่ไม่ว่าคนที่นับถือความเชื่อใดก็สามารถดื่มได้ทั้งสิ้น การใช้กาแฟในกิจกรรมก่อการกบฏทางการเมืองทำให้กาแฟถูกห้ามใน[[สหราชอาณาจักร]] และประเทศอื่น ๆ<ref>{{cite book
| last =Allen
| first =Stewart
| title =The Devil's Cup
| publisher =Random House
| date =
| location =
| pages =
| url =
| doi =
| id =
| isbn =978-0345441492 }}</ref>
 
ในยุคเดียวกับที่มีการห้ามดื่มกาแฟในจักรวรรดิออตโตมานนั้น การห้ามกาแฟยังสามารถพบเห็นได้ใน[[วิหารคริสต์ศาสนานิกายมอมะนิสม์แห่งพระเยซูคริสต์เจ้า]]<ref>http://www.coffeefacts.com/ Coffee abstinence</ref> ซึ่งได้กล่าวอ้างว่าการดื่มกาแฟจะส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตวิญญาณ<ref name="beliefnet-mormons">{{cite web |publisher=Church of Jesus Christ of Latter-day Saints|url=http://www.beliefnet.com/story/98/story_9838_1.html|title=Who Are the Mormons?}}</ref> ซึ่งแนวคิดดังกล่าวมาจากทฤษฎีทางด้านสุขภาพของชาวคริสต์นิกายมอมะนิสม์ในปี [[คริสต์ศักราช 1833]] โดยผู้ก่อตั้งนิกาย [[โจเซฟ สมิธ]] ในพระวจนะที่เรียกว่า [[ถ้อยคำแห่งปัญญา]] แต่ถ้อยคำแห่งปัญญานี้ไม่ได้หมายความตามชื่อ แต่ยังรวมไปถึงข้อกำหนดที่ว่า "เครื่องดื่มร้อนไม่ใช่ของสำหรับดื่ม" จึงมีการตีความว่า ห้ามการดื่มกาแฟและ[[ชา]]ด้วย<ref name="beliefnet-mormons"/>
 
นอกจากนี้ สมาชิกของคริสต์ศาสนาแอดเวนทิสต์วันที่เจ็ดยังได้หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของ[[คาเฟอีน]] เนื่องจากคริสตจักรได้สอนให้พวกเขาละเว้นจากการดื่มชาและกาแฟ รวมไปถึงเครื่องดื่มบำรุงกำลังอื่น ๆ การศึกษาวิจัยของนิกายแอดเวนทิสต์ได้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่เล็กแต่ว่าส่งผลอย่างมากในทางสถิติระหว่างการดื่มกาแฟกับอัตราการตายจากการเป็นโรคหัวใจ และอีกหลายสาเหตุของการเสียชีวิต<ref>{{cite web|url=http://findarticles.com/p/articles/mi_m0887/is_n9_v11/ai_12673616|title=findarticles.com/p/articles/mi_m0887/is_n9_v11/ai_12673616<!--INSERT TITLE-->|archiveurl=http://archive.is/RYlA|archivedate=2012-07-09}}</ref>
 
== สรรพคุณ ==
สรรพคุณของเมล็ดกาแฟ และ ประโยชน์ของเมล็ดกาแฟ
* '''ทำให้ลมหายใจหอมสดชื่น''' สิ่งที่ต้องทำเมื่อคุณไม่มี[[ลูกอม]]ดับกลิ่นปาก ก็คือเอาเมล็ดกาแฟมาอมเอาไว้ชั่วครู่ ลมหายใจคุณจะมีกลิ่นสะอาดและสดชื่นอีกครั้ง
* '''กำจัดกลิ่นอาหาร''' ถ้ามือของคุณมีกลิ่น[[กระเทียม]] [[ปลา]]หรือกลิ่นอาหารแรงๆ เมล็ดกาแฟเล็กน้อยสามารถช่วย คุณกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ โดยเทเมล็ดกาแฟลงบนมือและถูมือเข้าด้วยกันสักครู่ น้ำมันจากเมล็ดกาแฟจะดูดซับ กลิ่นเหม็นๆ ออกไป จากนั้นก็ล้างมือด้วยน้ำอุ่นและสบู่ให้สะอาด
* '''ยัดไส้เก้าอี้''' เก้าอี้แบบที่เรียกว่าบีนแบ็ก หรือเก้าอี้ทรงถุงกลมๆ ที่มักยัดไส้ด้วยเม็ดถั่ว ที่จริงแล้วเมล็ดกาแฟก็สามารถ เอามาใช้ทดแทนกันได้เช่นกัน ลองหาเมล็ดกาแฟคั่วชนิดราคาถูกที่สุดเอามาใช้ ข้อดีอีกอย่างก็คือมันจะช่วยดูดซับ กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ให้ห้องได้ด้วย<ref>[http://www.samunpri.com/?p=4517 สรรพคุณ และประโยชน์ของเมล็ดกาแฟ]</ref>
 
== ผลกระทบต่อสุขภาพ ==
 
{{บทความหลัก|กาแฟและผลกระทบต่อสุขภาพ}}
 
จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคกาแฟกับคุณสมบัติทางยา ผลที่ได้จากการศึกษานั้นมีความขัดแย้งกันในเรื่องของประโยชน์ต่อสุขภาพของกาแฟ และยังมีความขัดแย้งกันในด้านผลกระทบที่เกิดจากการบริโภคกาแฟอีกด้วย<ref name="Kummer">
{{cite book
| author = Kummer, Corby
| year = 2003
| title = The Joy of Coffee
| url = http://books.google.com/books?id=qNLrJqgfg7wC
| chapter = Caffeine and Decaf
| chapterurl = http://books.google.com/books?id=qNLrJqgfg7wC&pg=PA151&sig=zL7_XqPYPeBVq8vs3ukYFuwjn2I
| pages = 160-165
| publisher = Houghton Mifflin Cookbooks
| isbn = 0618302409
| accessdate = 2008-02-23
}}</ref>
 
การดื่มกาแฟดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดขนาดของหน้าอก<ref>{{cite web|url=http://www.dailyrecord.co.uk/news/uk-world-news/2008/10/18/coffee-linked-to-breast-size-reduction-86908-20815470/|title=www.dailyrecord.co.uk/news/uk-world-news/2008/10/18/coffee-linked-to-breast-size-reduction-86908-20815470/<!--INSERT TITLE-->}}</ref> และการได้รับปริมาณคาเฟอีนในระดับหนึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งเต้านม<ref>{{cite web|url=http://www.dailyrecord.co.uk/news/uk-world-news/2008/10/18/coffee-linked-to-breast-size-reduction-86908-20815470/|title=www.dailyrecord.co.uk/news/uk-world-news/2008/10/18/coffee-linked-to-breast-size-reduction-86908-20815470/<!--INSERT TITLE-->}}</ref> กาแฟดูเหมือนว่าจะลดความเสี่ยงต่อการเป็น[[โรคอัลไซเมอร์]] [[โรคพาร์กินสัน]] [[โรคหัวใจ]] โรคเบาหวานประเภทที่ 2 โรค[[ตับแข็ง]]<ref>{{
cite journal
| last = Klatsky
| first = Arthur L.
| coauthors = Morton, C.; Udaltsova, N.; Friedman, D.
| year = 2006
| title = Coffee, Cirrhosis, and Transaminase Enzymes
| url = http://archinte.ama-assn.org/cgi/content/full/166/11/1190
| journal = Archives of Internal Medicine
| volume = 166
| issue = 11
| pages = 1190–1195
| doi = 10.1001/archinte.166.11.1190
| pmid = 16772246
| accessdate = 2008-02-23
}}</ref> และ[[โรคเกาต์]] จากผลของการศึกษาระยะยาวในปี [[คริสต์ศักราช 2009]] พบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม (ได้แก่ 3-5 ถ้วยต่อวัน) จะช่วยลดความเสี่ยงต่อ[[ภาวะสมองเสื่อม]] และโรคอัลไซเมอร์<ref>http://www.sciencedaily.com/releases/2009/01/090114200005.htm</ref> แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะไหลย้อนกลับและโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง<ref>{{cite web|url=http://heartburn.about.com/cs/causes/a/heartburncauses.htm|title=Causes of Heartburn - Causes of Acid Reflux - Heartburn Causes - Acid Reflux Causes<!-- Bot generated title -->}}</ref> ผลกระทบที่เกิดจากการดื่มกาแฟบางอย่างเป็นเพราะคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟ แต่ก็ใช่ว่าส่วนประกอบอย่างอื่นไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเสียทีเดียว<ref>{{
cite journal
| author = Pereira, Mark A.
| coauthors = Parker, D.; Folsom, A.R.
| year = 2006
| title = Coffee consumption and risk of type 2 diabetes mellitus: an 11-year prospective study of 28 812 postmenopausal women.
| url = http://archinte.ama-assn.org/cgi/content/full/166/12/1311
| journal = Archives of Internal Medicine
| volume = 166
| issue = 12
| pages = 1311–1316
| pmid = 16801515
| accessdate = 2008-02-23
}}</ref> อย่างเช่น [[สารต้านอนุมูลอิสระ]] ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกัน[[อนุมูลอิสระ]]ภายในร่างกาย<ref>{{
cite web
| last = Bakalar
| first = Nicholas
| date = 2006-08-15
| title = Coffee as a Health Drink? Studies Find Some Benefits
| publisher = New York Times
| url = http://www.nytimes.com/2006/08/15/health/nutrition/15coff.html?ex=1313294400&en=d420f19ee1c77365&ei=5088&partner=rssnyt&emc=rss
| accessdate = 2007-07-28
}}</ref>
 
กาแฟช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตัวระงับความเจ็บปวด โดยเฉพาะในการรักษา[[ไมเกรน]] และยังสามารถกำจัดโรคหืดในผู้ป่วยบางคนได้ด้วย คุณประโยชน์บางอย่างอาจส่งผลต่อเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างเช่น มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดการฆ่าตัวตายในผู้หญิง และช่วยป้องกัน[[นิ่ว]]และโรค[[ถุงน้ำดี]]ในผู้ชาย นอกจากนี้มันยังช่วยลดโอกาสเกิดโรคเบาหวานในทั้งสองเพศ และลดเพียงประมาณ 30% ในผู้หญิง แต่ลดมากกว่า 50% ในผู้ชาย กาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงของ[[โรคตับแข็ง]]และป้องกันมะเร็งในปลายลำไส้ใหญ่และกระเพาะปัสสาวะ กาแฟสามารถลดความเสี่ยงในการเกิด[[มะเร็งในเซลล์ตับ]] ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของมะเร็งตับ (Inoue, 2005) และสุดท้ายกาแฟช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจอีกด้วย
 
ยังมีข้อดีอื่น ๆ ที่เป็นเหตุผลให้คนส่วนใหญ่นิยมดื่มกาแฟ เช่น กาแฟมีส่วนช่วยเพิ่ม[[ความจำระยะสั้น]] และเพิ่ม[[ไอคิว]] นอกจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนระบบ[[เมตาบอลิซึม]]ให้มีสัดส่วนของ[[ลิพิด]]ต่อ[[คาร์โบไฮเดรต]]ที่ถูกเผาผลาญสูงขึ้น ซึ่งช่วยลดอาการล้ากล้ามเนื้อของนักกีฬา
 
ทีมวิจัยของ University of Bari ประเทศอิตาลี พบว่าการดื่มกาแฟ 1-2 แก้วต่อวัน ช่วยป้องกันโรคหนังตากระตุกได้ และยังช่วยลดอัตราการกระตุกให้ช้าลงได้สำหรับผู้ป่วย<ref>[http://www.pr.lo.moph.go.th/th/index.php?option=com_content&task=blogcategory&id=29&Itemid=35 นิตยสารขวัญเรือน ฉบับที่ 856 ปักษ์หลัง กรกฎาคม 2550]</ref>
 
นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน เยเซอร์ ดอร์รี ได้เสนอว่ากลิ่นของกาแฟสามารถลดอาการอยากอาหารและสามารถฟื้นฟูประสาทรับกลิ่นได้ เขายังเสนอว่าผู้คนสามารถลดอาการอยากอาหารได้เมื่อพวกเขาได้สูดดมกลิ่นเมล็ดกาแฟเข้าไป และทฤษฎีดังกล่าวยังสามารถใช้ได้กับสัตว์ทดลองอีกด้วย<ref name="Awaken olfactory receptors ">{{cite journal
| last = Dorri| first = Yaser | coauthors = Sabeghi Maryam, Kurien BT
| title = Awaken olfactory receptors of humans and experimental animals by coffee odourants to induce appetite
| journal = Med Hypotheses
| volume = 69
| issue = 3
| pages = 508–9
| year = 2007
| pmid=17331659
| doi = 10.1016/j.mehy.2006.12.048
| accessdate = 2009-01-17
}}</ref>
 
แต่ว่าคาเฟอีนก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ที่ดื่มกาแฟมากเกินไป อย่างเช่น อาการ "ใจสั่น" ซึ่งเป็นอาการกระวนกระวายที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับคาเฟอีนมากเกินไป กาแฟยังเพิ่มความดันโลหิตให้กับผู้ที่เป็นโรค[[ความดันโลหิตสูง]] แต่ผลการศึกษาเพิ่มเติมก็ยังแสดงให้เห็นว่ามันช่วยลดอัตราเสี่ยงโดยรวมในการเกิดโรคหัวใจด้วย กาแฟยังทำให้เกิดโรคนอนไม่หลับในบางคน แต่ในทางกลับกันก็ช่วยให้บางคนหลับได้ดีขึ้น นอกจากนี้มันยังอาจทำให้เกิดความกังวลและอาการหงุดหงิดง่ายให้กับบางคนที่ดื่มมากเกินไป และบางคนก็เกิดอาการทางประสาท ผลกระทบบางอย่างของกาแฟก็เกิดขึ้นกับเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น มันทำให้อาการป่วยเลวร้ายลงในกรณีของผู้ป่วยประเภท PMS และยังลดความสามารถในการมีบุตรของสตรี และยังอาจเพิ่มอัตราเสี่ยงในการเกิดภาวะกระดูกพรุนของผู้หญิงหลังวัยหมดระดู และยังอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์หากแม่ดื่มตั้งแต่ 8 ถ้วยต่อวันขึ้นไป (48 ออนซ์ขึ้นไป)
 
ในเดือนกุมภาพันธ์ [[พ.ศ. 2546]] ใน[[ประเทศเดนมาร์ก]]ได้มีการศึกษาสตรีจำนวน 18,478 คนซึ่งดื่มกาแฟเป็นปริมาณมากระหว่างตั้งครรภ์ พบว่ามันส่งผลให้อัตราเสี่ยงของ[[การตายของทารกหลังคลอด]]เพิ่มขึ้นอย่างมาก (แต่ไม่มีผลกระทบต่ออัตราการตายในปีแรกของทารก) ในรายงานระบุว่า "ผลการศึกษาบ่งชี้ถึงผลกระทบจากการดื่มตั้งแต่ 4 ถึง 7 ถ้วยต่อวัน" คนที่ดื่ม 8 ถ้วยต่อวันขึ้นไป (48 ออนซ์ขึ้นไป) จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 220% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ดื่ม การศึกษานี้ยังไม่ได้มีการทำซ้ำให้แน่ใจ แต่ก็ทำให้แพทย์หลายๆ คนเพิ่มความระมัดระวังต่อการดื่มกาแฟมากเกินไปของสตรีที่กำลังตั้งครรภ์
 
ผลการศึกษาตีพิมพ์ปี [[พ.ศ. 2547]] ใน American Journal of Clinical Nutrition <ref>http://www.ajcn.org/cgi/content/abstract/80/4/862</ref> พยายามค้นหาว่าทำไมประโยชน์และโทษของกาแฟจึงได้ดูขัดกันเอง และได้ค้นพบว่าการดื่มกาแฟมีความเกี่ยวข้องกับการปรากฏชัดทางชีวเคมีของอาการอักเสบและเป็นผลกระทบที่รุนแรงของกาแฟต่อระบบหัวใจร่วมหลอดเลือด ซึ่งเป็นตัวอธิบายว่าทำไมกาแฟจึงได้มีผลดีต่อหัวใจเมื่อดื่มไม่เกินวันละ 4 ถ้วยเท่านั้น (ไม่เกิน 20 ออนซ์)
 
คาเฟอีนจึงเปรียบเสมือนยาพิษหากเสพมากเกินไป การบริโภคคาเฟอีนในปริมาณเข้มข้นอย่างยิ่ง อย่างเช่น เป็นเม็ดหรือเป็นผง ในปริมาณมาก ก็อาจทำให้ร่างกายอาเจียน หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
 
จากผลของการสำรวจพบว่า 10% ของผู้ตอบที่ดื่มกาแฟในปริมาณ 235 มิลลิกรัมต่อวันขึ้นไป รายงานว่าตนมีความทุกข์มากขึ้นเมื่อตนขาดคาเฟอีน<ref>{{
cite journal
| author = Smith, A.
| year = 2002
| title = Effects of caffeine on human behavior
| url = http://www.erowid.org//references/refs_view.php?A=ShowDocPartFrame&ID=6685&DocPartID=6196
| journal = Food and Chemical Toxicology
| volume = 40
| issue = 9
| pages = 1243-1255
| doi = 10.1016/S0278-6915(02)00096-0
| pmid = 12204388
| accessdate = 2008-02-23
}}</ref> ในขณะที่ผู้ตอบ 15% บอกว่าตนได้เลิกการบริโภคคาเฟอีนอย่างเด็ดขาด เนื่องจากกังวลถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสุขภาพของตน<ref>
{{cite web
| author = Johns Hopkins University School of Medicine
| year = 2003
| title = Use and Common Sources of Caffeine
| url = http://www.caffeinedependence.org/caffeine_dependence.html#sources
| work = Information about Caffeine Dependence
| accessdate = 2008-02-23
}}</ref>
 
== เชิงอรรถ ==
{{รายการอ้างอิง|3}}
 
== อ้างอิง ==
 
 
{{เริ่มอ้างอิง}}
* {{cite book | last =Allen | first =Stewart Lee | title =The devil's cup : coffee, the driving force in history | publisher =Random House | date =1999 | location =Soho | isbn =1569471746 |ref=CITEREFAllen1999 }}
* {{cite book | last =Bersten | first =Ian | title =Coffee, Sex & Health: A history of anit-cofee crusaders and sexual hysteria | publisher =Helian Books | date =1999 | location =Sydney | isbn =0-9577581-0-3 |ref=CITEREFBersten1999 }}
* {{cite book|author=various|title=Coffee: Botany, Biochemistry and Production of Beans and Beverage|editor=Clifford MH, Wilson KC|publisher=AVI Publishing|location=Westport, Connecticut|date=1985|chapter=Botanical Classification of Coffee|isbn=0-7099-0787-7 |ref=CW}}
* {{Cite book |title=Islam and Science, Medicine, and Technology |first1=Sally |last1=Ganchy |publisher=The Rosen Publishing Group |year=2009 |isbn=1435850661 |author=Sally Ganchy,}} <!-- also isbn=9781435850668 -->
* {{cite book |last=Kummer |first=Corby |date=August 19, 2003 |title=The joy of coffee : the essential guide to buying, brewing, and enjoying |url=http://books.google.com/books?id=qNLrJqgfg7wC |publisher=[[Houghton Mifflin]] |location=Boston |isbn=0618302409 |accessdate=January 11, 2010 |ref=CITEREFKummer2003}}
* {{Cite book |title=The world in so many words : a country-by-country tour of words that have shaped our language |first=Allan A |last=Metcalf |publisher=Houghton Mifflin |year=1999 |isbn=0395959209 |url=http://books.google.ca/books?id=4O0W5XyQVCYC&pg=PA123&dq=sash+etymology+arabic&lr=&as_brr=3&sig=iuzjUzyPphZKCIJLAwJZE7beIEI#PPA123,M1}}
* {{cite book |last=Pendergrast |first=Mark |title=Uncommon Grounds: The History of Coffee and How It Transformed Our World |publisher=Texere |location=London |year=2001 |origyear=1999 |isbn =1-58799-088-1 |ref=CITEREFPendergrast2001}}
* {{cite book |last1=Weinberg |first1=Bennett Alan |last2=Bealer |first2=Bonnie K |title=The world of caffeine : the science and culture of the world's most popular drug |date=2001 |isbn=0415927226 |publisher=Routledge |location=New York |url=http://books.google.com/books?id=Qyz5CnOaH9oC&pg=PA3&dq=coffee+goat+ethiopia+Kaldi&lr=&ei=paxHStuDJ4XuzATj97hf |ref=CITEREFWeinbergBealer2001}}
{{จบอ้างอิง}}
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
{{wiktionary}}
{{wikiquote}}
{{คอมมอนส์|Coffee}}
{{ฟลิคเกอร์|coffee}}
 
{{เริ่มอ้างอิง}}
* [http://www.coffeekrave.com/coffee-science/ Coffee and caffeine health information]&nbsp;— A collection of peer-reviewed and journal-published studies on coffee health benefits is evaluated, cited, and summarized. (Note that CoSIC is funded by leading coffee manufacturers.)
* Benjamin Joffe-Walt and Oliver Burkeman, ''[[The Guardian]]'', September 16, 2005, [http://www.guardian.co.uk/food/Story/0,2763,1571608,00.html "Coffee trail"]&nbsp;— from the Ethiopian village of Choche to a London coffee shop.
* [http://www.litmuszine.com/feature/5.14.07.html Coffee on a Grande Scale]&nbsp;— Article about the biology, chemistry, and physics of coffee production.
* [http://www.archive.org/details/ThisisCo1961 This is Coffee]&nbsp;— Short tribute to coffee in the form of a [[documentary film]] (1961), made by the Coffee Brewing Institute. The movie includes some dos and don'ts of making "the perfect cup of coffee" and an overview of different ways to enjoy coffee throughout the world.
* [http://www.lokeshdhakar.com/2007/08/20/an-illustrated-coffee-guide An Illustrated Coffee Guide]&nbsp;— Side-by-side diagrams of a few common espresso drinks.
* {{cite book
| author= F. Engelmann, M.E. Dulloo, C. Astorga, S. Dussert and F. Anthony
| year=2007
| title= Complementary strategies for ex situ conservation of coffee (Coffea arabica L.) genetic resources. A case study in CATIE, Costa Rica
| series= Topical reviews in Agricultural Biodiversity
| publisher= Bioversity International, Rome, Italy |url= http://www.bioversityinternational.org/index.php?id=19&user_bioversitypublications_pi1[showUid]=3087}}
* [http://www.coffeetasters.org/newsletter/en/ Coffee Taster], the free newsletter of the International Institute of Coffee Tasters, featuring articles on the quality of espresso, chemical and sensory analysis, market trends.
* {{ Citation | title = The Cappuccino Conquests. The Transnational History of Italian Coffee | first = Jonathan | last = Morris | year = 2007 | url = http://www.cappuccinoconquests.org.uk/assets/project-report.pdf | postscript = , [http://www.cappuccinoconquests.org.uk/ website], [http://www.cappuccinoconquests.org.uk/assets/project-summary.pdf summary]}}
 
<!--
 
* [http://www.justaboutcoffee.com/ Just About Coffee] ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับกาแฟ {{en icon}}
* [http://coffeefaq.com/coffaq9.htm CoffeeFaq] วิธีการชงกาแฟหลายรูปแบบ {{en icon}}
* [http://thecoffeefaq.com The Coffee FAQ] : แนะนำเกี่ยวกับกาแฟ การชง การคั่ว และเครื่องประกอบกระจุกกระจิก {{en icon}}
* [http://www.toomuchcoffee.com/ TooMuchCoffee] แหล่งข้อมูลกาแฟยุโรปและเอสเพรสโซ มีบทความเกี่ยวกับกาแฟ การชง การคั่วเองในครัวเรือน {{en icon}}
* [http://www.coffeekid.com Coffeekid.com] ข้อมูลเกี่ยวกับการทำกาแฟ และบทความเกี่ยวกับกาแฟหลายรูปแบบ {{en icon}}
* [http://www.opencoffee.com The Open Coffee Library] สารานุกรมเกี่ยวกับกาแฟ {{en icon}}
* [http://www.thaifranchisecenter.com/directory/list.php?categories_id=2&ShowOnly= ThaiFranchiseCenter : Coffee Franchise] รวมข้อมูล แฟรนไชส์ร้านกาแฟ ทั้งไทยและต่างประเทศ
* [http://www.cosic.org Coffee and caffeine health information] - A collection of peer reviewed and journal published studies on coffee health benefits is evaluated, cited and summarized.
* Benjamin Joffe-Walt and Oliver Burkeman, ''The Guardian'', 16 September 2005, [http://www.guardian.co.uk/food/Story/0,2763,1571608,00.html "Coffee trail"] - จากหมู่บ้านในเอธิโอเปียสู่ร้านกาแฟในกรุงลอนดอน
* [http://www.litmuszine.com/feature/5.14.07.html Coffee on a Grande Scale] - บทความเกี่ยวกับชีวภาพ เคมีและฟิสิกส์ของการผลิตกาแฟ
* [http://www.archive.org/details/ThisisCo1961 This is Coffee] - Short tribute to coffee in the form of a documentary film (1961), made by "The Coffee Brewing Institute". The movie includes some do's and don'ts of making "the perfect cup of coffee" and an overview of different ways to enjoy coffee throughout the world.
* [http://www.lokeshdhakar.com/2007/08/20/an-illustrated-coffee-guide An Illustrated Coffee Guide] - Side-by-side diagrams of a few common espresso drinks
* http://sciencestage.com/v/152/joseph-namisi-coffee-farmer-profile-(uganda).html - เกษตรกรปลูกต้นกาแฟ (ยูกานดา)
* {{cite book
| author= F. Engelmann, M. E. Dulloo, C. Astorga, S. Dussert and F. Anthony
| year=2007
| title= Complementary strategies for ex situ conservation of coffee (Coffea arabica L.) genetic resources. A case study in CATIE, Costa Rica
| series= Topical reviews in Agricultural Biodiversity
| publisher= Bioversity International, Rome, Italy. |url= http://www.bioversityinternational.org/Publications/pubfile.asp?ID_PUB=1244
}}
* [http://www.bioversityinternational.org/Publications/pubfile.asp?ID_PUB=365 Descriptors for Coffee (Coffea spp. and Psilanthus spp.)]
* [http://www.espressoitaliano.org/index_en.asp?lang=en Italian Espresso National Institute]
* [http://www.assaggiatoricaffe.org/en/content/view/full/246 International Institute of Coffee Tasters]
* [http://www.coffeetasters.org/newsletter/en/ Coffee Taster], the free newsletter of the International Institute of Coffee Tasters, featuring articles on the quality of espresso, chemical and sensory analysis, market trends
* [http://webhost.bridgew.edu/jhayesboh/coffee Geography of Coffee]
* [http://frynn.com/กาแฟ] กาแฟ สรรพคุณและประโยชน์ของกาแฟ 40 ข้อ !
-->
{{จบอ้างอิง}}
 
{{กาแฟ}}
 
[[หมวดหมู่:กาแฟ|กาแฟ]]
[[หมวดหมู่:เครื่องดื่ม]]
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/กาแฟ"